“วุฒิ พัวเวส” รับเอกสารโต้ข้อหาก่อการร้าย ก่อนโดดขึ้นเวทีปราศรัยกับพันธมิตรฯ ยันให้ความเป็นธรรม พร้อมนำเอกสารหลักฐานไปทำสำนวนใหม่ ปากหวานเรียก 36 ผู้ถูกหมายเรียกเป็น “ผู้ก่อการดี” ด้านทนายกู้ชาติย้ำพันธมิตรฯ ชุมนุมไม่เข้าข่ายก่อการร้าย เผยยื่นฟ้อง “เหวง” และพวก 12 คน จงใจแจ้งข้อหาเท็จแล้ว ศาลนัดไต่สวนวันที่ 10 เดือนหน้า
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ชี้แจงบนเวทีปราศรัยกับพันธมิตรฯ
ความคืบหน้าการเข้าพบพนักงานสอบสวนของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและแนวร่วม 35 คน ที่ถูกออกหมายเรียกในคดีการชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ที่สโมสรตำรวจ เช้าวันนี้ (16 ก.ค.) โดยเมื่อเวลาประมาณ 09.40 น. หลังจากที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความพันธมิตรฯ ได้ยื่นเอกสารโต้แย้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายต่อ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนแล้ว นายสุวัตรพร้อมด้วย พล.ต.ท.วุฒิ ได้เดินมาขึ้นเวทีชั่วคราวเพื่อกล่าวปราศรัยกับพันธมิตรฯ ที่มาให้กำลังใจแกนนำจำนวนมาก
นายสุวัตรกล่าวว่า ได้ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดการคัดค้านข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยเฉพาะข้อหาก่อการร้ายยื่นให้พนักงานสอบสวนทราบแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ให้ความเป็นธรรมพิจาณาเป็นลำดับแล้ว
หลังจากนั้น พล.ต.ท.วุฒิ ได้กล่าวกับพันธมิตรฯ ว่า ตนมาขึ้นเวทีเพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องและประชาชนทั่วประเทศเพื่อความยุติธรรมและแสดงความจริงใจของตน และขออภัยที่ทำให้ต้องเสียเวลามาให้กำลังใจคนที่ท่านชื่นชมทั้ง 36 คนที่ถูกออกหมายเรียก
พล.ต.ท.วุฒิกล่าวว่า เมื่อเช้าตนได้บอกกับสื่อมวลชนแล้ว ตนรับผิดชอบกับคำพูด และเห็นตรงนี้ว่า คำว่า “ผู้ก่อการดี” ที่เขียนบนป้ายนั้น ตรงกับใจที่ตนคิดถึง 36 คน ตนมีหน้าที่ทำส่วนหนึ่งในการรวบรวมพยานหลักฐานไว้ พนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบถามผู้อยู่ในที่เกิดเหตุไว้แล้วส่วนหนึ่ง วันนี้นายสุวัตรกับทีมงานได้นำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรมคือนั่นสิ่งที่พนักงานสวนจะนำไปวิเคราะห์เข้ารวมในสำนวนการสอบสวนต่อไป
พล.ต.ท.วุฒิกล่าวอีกว่า ในการสอบสวนจะต้องให้ความยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องฟังทั้ง 36 คนก่อน ที่สำคัญคือความยอมรับจากท่านและรักษาความเข้าใจต่อกันให้มากที่สุด เพราะตำรวจมีคำขวัญว่าประชาชนคือนายของเรา
“ท่านจะคิดอย่างไรไม่ว่า แต่ในวันข้างหน้าท่านจะพิสูจน์ได้ว่าผมเป็นคนอย่างไร ผมขอว่า สิ่งที่ผมมาวันนี้ผมต้องการเห็นความถูกต้อง เดินไปข้างหน้าด้วยความยอมรับของคนทั้งประเทศ และขออภัยทุกท่านอีกครั้ง หวังว่าวันข้างหน้าผมจะมีโอกาสได้รับใช้บ้างตามสมควร” พล.ต.ท.วุฒิกล่าว
หลังจากนั้น นายสุวัตรได้กล่าวขอบคุณ พล.ต.ท.วุฒิ และว่าเมื่อพนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรม รับเอกสารเราไปทุกอย่าง ขอยืนยันว่าการชุมนุมของเราทำตามรัฐธรรมนูญเพื่อต่อต้านรัฐบาลที่จะแก้รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะมาตรา 237 โดยได้ออกแถลงการณ์เตือนก่อนหลายครั้ง แต่รัฐบาลยังไม่ยอม เราจึงเดินขบวนเมื่อวันที่ 25 พ.ค.51 หลังจากนั้นแทนที่รัฐบาลจะสำนึก ยังมีการยกปราสาทพระวิหารให้เขมร และย้ายข้าราชการโดยเอาคนของตัวเองเข้าไปแทน พันธมิตรฯ ไม่มีทางอื่นจะเลี่ยงนอกจากการชุมนุมเรียกร้อง โดยที่ไม่มีเครื่องกลเป็นอาวุธ มีแต่มือตบ เมื่อมีแต่มือตบจะใช้เป็นเครื่องมือยึดสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างไร
นายสุวัตรกล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้ยื่นเอสารหมดแล้ว โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา ม.135/1 วงเล็บสุดท้ายเขียนไว้ใช้ว่าการชุมนุมเรียกร้องรัฐบาล การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญไม่เป็นการก่อการร้าย แต่นายเหวง โตจิราการ กับพวก 12 คน ทะลึ่งไปแจ้งความกล่าวหาว่าพวกเราเป็นผู้ก่อการร้าย ตนกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้ฟ้องกลับนายเหวงและพวก 12 คนไปแล้ว ศาลจะไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 10 ส.ค.นี้ เราจะดูว่าพี่น้องที่ถูกหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย กับคนที่แจ้งข้อหาเรา ใครจะติดคุกก่อนกัน
นายสุวัตรกล่าวต่อว่า วันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เริ่มยอมรับแล้วว่าข้อหาก่อการร้ายนั้นรุนแรงเกินไป ซึ่งความจริงข้อหานี้ไม่ใช่ของคนเสื้อเหลือง แต่ต้องเป็นของคนเสื้อแดง
หลังจากนั้นผู้ถูกหมายเรียกแต่ละคนได้ทยอยขึ้นปราศรัย ได้แก่ นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ นายสาววรรษมน ช่างปรีชา พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายสำราญ รอดเพชร และนายสุริยะใส กตะศิลา เป็นต้น