กรรมาธิการต่างประเทศ รัฐสภา เผยหลังลงพื้นที่ผามออีแดง ชี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นปกติ แนะกระทรวงการต่างประเทศอย่าให้เขมรพูดกับสังคมโลกฝ่ายเดียว หวั่นเขมรจ้องฮุบครอบครองโดยปรปักษ์
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการลงพื้นที่ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจทหาร ข้าราชการที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมทั้งสอบถามถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนบริเวณปราสาทพระวิหารว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญตัวแทนของกระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศมาให้ข้อมูล โดยได้ข้อสรุปว่า สถานการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชานั้นขณะนี้ไม่ได้น่ากลัวตามที่ปรากฏเป็นข่าว ชาวบ้านทั้ง 2 ประเทศในพื้นที่ดังกล่าวยังคงอาศัยอยู่อย่างสงบสุขและมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน การเดินข้ามพรมแดนก็ยังมีให้เห็นตามปกติ อีกทั้งทหารของทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่ได้มีปัญหากันแต่อย่างใด
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการฯ ยังได้มีการหารือถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 34 ที่ประเทศบราซิลด้วย เนื่องจากจะมีคณะกรรมการที่จะเข้าร่วมประชุมกันถึง 21 ประเทศ ซึ่งกรรมาธิการฯ เห็นว่าในการประชุมครั้งนี้ประเทศไทยจะต้องทำให้คณะกรรมการมรดกโลกเข้าใจถึงสถานภาพจริงๆ ในพื้นที่ว่าพื้นที่ส่วนไหนที่เป็นของประเทศไทย และชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจสถานการณ์จริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับพื้นที่นี้ ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ จึงเสนอให้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งไทยและต่างประเทศมาดูข้อเท็จจริงในพื้นที่ เพราะไม่อยากให้นานาประเทศฟังจากฝั่งประเทศกัมพูชาเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ด้วย เพราะประชาชนยังไม่เข้าใจข้อเท็จจริงมากนัก รวมทั้งต้องให้ข้อมูลกับนานาประเทศด้วยว่าเกิดอะไรในพื้นที่นี้บ้าง อย่าให้ประเทศกัมพูชาพูดกับสังคมโลกเพียงฝ่ายเดียวว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเขา
น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ในพื้นที่ฝั่งไทยเป็นอุทยานแห่งชาติในขณะที่ฝั่งกัมพูชานั้นเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ซึ่งตรงนี้น่าเป็นห่วงว่าอาจมีความต้องการครอบครองโดยปรปักษ์ในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังพบว่า มีการแอบเข้ามาลักลอบตัดไม้ในฝั่งไทยอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้เราจะต้องให้ความสำคัญด้วย ทั้งนี้ ในการประชุมของคณะกรรมาธิการฯ นั้นได้สรุปตรงกันว่า อยากให้บริเวณพื้นที่ที่มีปัญหานั้นมีการบริหารร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ