นายกฯอภิสิทธิ์ เข้าเฝ้าฯ “สมเด็จพระสังฆราช” เนื่องในวันเข้าพรรษา ก่อนจะเฝ้า “สมเด็จพระพุฒาจารย์” ทรงแนะใช้สติฝ่าภาระใหญ่ของประเทศ พร้อมช่วยเหลือรัฐบาลนำประเทศกลับคืนความสงบ ช่วยรักษา 3 สถาบันหลักของชาติ
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อเวลา 16.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสักการะสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในวันเข้าพรรษา จากนั้นเวลา 16.45 น.นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเฝ้าฯ ถวายสักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรวิหาร ในฐานะประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวันเข้าพรรษา และร่วมสนทนาธรรม
ทั้งนี้ สมเด็จเกี่ยว ได้สนทนาธรรมกับนายกฯ ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยโชคดีที่มีประชาชนเป็นชาวพุทธมามกะ มีวันสำคัญทางพุทธศาสนา ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเห็นถึงความสำคัญ ถือเป็นการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ซึ่งหลายๆ ประเทศไม่มีเช่นไทย อาตมา เห็นว่า การที่ชาวพุทธยังคงประเพณีปฏิบัติเท่ากับเป็นการสร้างความดีและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีเอาไว้ อาตมา เชื่อว่า นายกรัฐมนตรี เข้าใจเรื่องนี้ดี และขอฝากให้ช่วยกันรักษาเอาไว้
“ภาระของบ้านเมืองในขณะนี้ ถือว่าเยอะและหนักมาก แต่นายกฯ ก็อยู่มานาน เห็นมานาน ก็น่าจะทราบถึงปัญหาต่างๆ ดี อาตมาก็เห็นใจในการบริหารประเทศของนายกฯ เพราะถือเป็นภาระใหญ่ แต่เมื่อสติดี ปัญญามี ก็จะสามารถทำพาประเทศต่อไปได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทุกฝ่าย แม้แต่สงฆ์เองก็ต้องช่วยกัน หากมีอะไรที่จะให้ทางพระร่วมมือช่วยก็ขอให้บอกมา เพราะถือว่าเป็นงานของแผ่นดินโดยเฉพาะการรักษาและดำรงไว้ซึ่ง 3 สถาบันหลักของชาติ ดังนั้น ผู้บริหารประเทศกำหนดนโยบายอย่างไร ทางมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นองค์กรทางฝ่ายสงฆ์ก็พร้อมปฏิบัติ จะไม่มีทางขัดกับนโยบายเพื่อให้งานเดินไปควบคู่กัน เพราะความเป็นพุทธจักร และความเป็นอาณาจักรจะต้องทำงานไม่ขัดกัน” สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าว
สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา อาตมาได้บอกไปทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ประสานกับผู้กำกับดูแลว่าหากต้องการให้ช่วยทำอะไรก็บอกมา โดยฝ่ายสงฆ์ได้ส่งเสริมการศึกษา โดยตั้งโรงเรียนใน 2 ลักษณะ คือ โรงเรียนการกุศลของวัด และโรงเรียนปริยัติธรรม ซึ่งมุ่งสอนเรื่องธรรมวินัย และเน้นวิชาสามัญเป็นหลัก โดยพระเณรรูปใดที่ไม่ประสงค์จะศึกษาต่อในทางธรรม ก็สามารถลาสิกขาบทแล้วไปเรียนต่อในทางฆราวาสได้ โดยโรงเรียนดังกล่าวได้เน้นคุณธรรมและจริยธรรม นอกจากนี้ อาตมายังมีแนวคิดในการตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาชื่อว่า “สำนักงานส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมและความมั่นคงแห่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ซึ่งมีภาคเอกชนให้ความร่วมมือ โดยจะเน้นเรื่องการสร้างความมั่นคงของ 3 สถาบันหลักของชาติ เพื่อสรรหาบุคลากรที่จะมาอบรมในเรื่องการป้องกันสถาบันหลักของชาติ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามกระตุ้นในเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชน และให้สำนึกถึงความเป็นชาติ คำนึงถึงความสงบเรียบร้อย ทำอย่างไรให้เกิดการใฝ่ดี และในช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ปัจจุบันเยาวชนก็หันหน้าเข้าวัดมากขึ้น โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมไปดำเนินโครงการ “ลานบุญลานวัด” เพื่อให้เยาวชนและประชาชนเข้าวัดมากขึ้น รัฐบาลจะทำให้วัดกลายเป็นศูนย์กลางของประชาชนให้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติให้งดจำหน่ายสุราใน 4 วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี