นายกรัฐมนตรีเป็นประธานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาคม ณ พุทธมณฑล โดยมีพระสงฆ์ 1,955 รูป ร่วมพิธี
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่พุทธมณฑล เมื่อเวลา 10.00 น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถวายรายงานในการเป็นประธานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคมต่อ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ว่าเนื่องในอภิรักขลิตสมัย มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงล้วนนำความเจริญความอุดมสมบูรณ์มาสู่พื้นแผ่นดิน นำความอยู่ดีกินดี ความสุข ความสำเร็จ และความผาสุกร่วมเย็น มาสู่พสกนิกรทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งเป็นแนวทางการดำรงชีพ ให้มีความสุขสมตามอัตภาพ ด้วยพระอัจฉริยะภาพและพระปรีชาสามารถ อันล้ำเลิศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงได้รับการเทิดพระเกียรติ์จากนานาชาติว่าพระองค์ทรงแบบฉบับแห่งพระมหากษัตริย์ของโลก และองค์การสหประชาชาติยังทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประกอบกับทรงครองสิริราชย์ยิ่งยืนนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นใด พระเกียรติคุณจึงเกริกไกรไปทั่วทิศานุทิศ รัฐบาลและปวงชนชาวไทยจึงร่วมมือกันจัดงานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน
ด้านสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กล่าวสัมโมทนียกถาเปิดงานว่าคณะรัฐบาลที่จัดงานครั้งนี้มีความเข้าใจชัดเจนของในเรื่องของสถาบันพระพุทธศาสนา ลำพระมหากษัตริย์ ดังนี้นายกฯกล่าวไป ขอให้ทุกคนเกิดความรู้สึกร่วมกันกับรัฐบาลคณะสงฆ์ ว่าประเทศไทย มีลักษณะพิเศษ มี 3 สถาบัน เหมือนพระรัตนตรัย และสถาบันมหากษัตริย์ ได้ทรงแนะนำการปฏิบัติตั้งแต่เกิดประเทศไทยขึ้นในโลก ทำให้ประชาชนชาวไทยได้มีหลักทั้งในทางกายและทางใจ ดังที่ปรากฏเห็นมาแล้ว การดำเนินการใดๆก็ตาม มีความประสงค์สูงสุด การปฏิบัติธรรทเป็นหลักคำสอนทางพุทธศาสนา ซึ่งถือว่ามีผลมาก
สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวต่อว่า การปฎิบัติธรรมในประเทศไทยของเราปฎิบัติ สืบต่อกันมา แม้บางครั้งจะมีหล่นไปบ้างแต่ก็สามารถสืบต่อไปได้จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เพราะเป็นรากฐานที่จะทำให้ทุกระดับชั้นมีคุณธรรมและจริยธรรม จึงได้ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม นำให้เกิดคุณธรรม จริยธรรม ท่านทั้งหลายที่มาร่วมในพิธีนี้ย้อมมีความดีใจว่าประเทศไทยของเรามีส่วนประกอบที่ดีทั้ง 2 ประการ คือกายดี จิตใจดี เมื่อมีความดีทั้ง 2 ประการก็เป็นความดีพร้อมของชาวไทย สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักของประเทศไทย ควบคู่กับสถาบันพุทธศาสนาและเป็นทราบกันโดเยทั่วไปลแวพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์เป็นพุทธมามกะ
สำหรับผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้นอกจากพระสงฆ์จำนวน 1,955 รูป ที่มารับบิณฑบาตแล้ว ยังประกอบด้วยพุทธศาสนิกชนอีกเป็นจำนวนมาก
ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีก่อนที่จะเดินทางกลับ นายกฯพร้อมด้วยพระธรรมกิติเวที จากวัดสัมพันธ์วงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม ได้กราบสักการะ องค์พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ โดยนายกฯได้สนทนาธรรม กับพระธรรมกิติเวที ไปตลอดทางเดินก่อนที่จะกราบสักการะ
