นายกฯเป็นประธานเปิดการประชุมสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ทิศทางการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนของรัฐบาล” มีผู้แทนหน่วยงานราชการ นักวิชาการภาคเอกชน ภาคสังคมและองค์กรชุมชนเข้าร่วมประชุม
วันนี้ (10 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมประจำปี 2552 ภายใต้หัวข้อ “จากวิสัยทัศน์ 2570 สู่แผน 11” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พร้อมแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ทิศทางการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนของรัฐบาล” มีผู้แทนหน่วยงานราชการ นักวิชาการภาคเอกชน ภาคสังคมและองค์กรชุมชนเข้าร่วมประมาณ 2,500 คน
นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนระยะปานกลางทุก 5 ปี ว่า แผนพัฒนาฯฉบับที่ 11 จะนำมาใช้ระหว่างปี 2555-2559 ถือว่าแผนพัฒนาระยะกลาง มีความยากกว่าแผนระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากต้องรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ได้เปลี่ยนดุลยภาพของประเทศจากซีกโลกตะวันตกมายังตลาดเอเชีย ที่มีจีนเป็นแกนนำและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นโจทย์สำคัญที่ไทยจะต้องหาแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อผนึกกำลังและสร้างเอกภาพของอาเซียนให้เข้มแข็ง ซึ่งจะทำให้ตลาดอาเซียนในอนาคตถือเป็นภูมิภาคสำคัญที่จะเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกได้
ขณะที่ภาคการเมือง ยอมรับว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำงานพัฒนาประเทศ แต่รัฐบาลจะพยายามไม่เสียสมาธิในปัจจัยดังกล่าว โดยหลังจากนี้การพัฒนาภาคการเมืองจำเป็นต้องสร้างสัญญาประชาคมที่ทำให้เกิดการยอมรับไม่ใช่แต่นักการเมือง แต่ต้องรวมถึงการยอมรับของประชาชนที่จะต้องสร้างการเมืองทำงานภายใต้กรอบกฎหมาย มีจริยธรรม ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง และไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะประคับประคองระบอบประชาธิปไตยของประเทศ ที่ผ่านมายอมรับว่าความเห็นที่เกิดขึ้นในสังคมทั้งการไม่ยอมรับอำนาจทางกฎหมาย การใช้กฎหมู่กดดัน การสร้างค่านิยมที่โกง ถือเป็นสิ่งที่ไม่ทำให้ประชาธิปไตยของประเทศพัฒนาไปได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หลังจากการประชุม นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะออกเดินทางไปเยือนประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการ และเดินทางกลับประเทศไทย ในเวลา 22.45 น.
