“มาร์ค”ยันถก “เนวิน” ไร้นัยยะทางการเมือง อ้างแค่แลกเปลี่ยน ปัดเคลียร์ใจความขัดแย้ง แค่หารือเพื่อเบรคสภาวะปชช.แคลงใจโครงการที่ไม่โปร่งใส ชี้หลังจากนี้รัฐบาลต้องทำงานไม่เอกภาพ ไม่อย่างนั้นพรรคร่วมรัฐบาลเดือดร้อนแน่ โต้ฝ่ายค้านยันงบฯท้องถิ่นพื้นที่ส.ส.รัฐบาลหรือฝ่ายค้านเสมอภาคกัน แก้ต่างอุ้ม “เทพเทือก” ซื้อเวลาเยื้อเมล์ 4 พันคัน แต่เหตุสภาพัฒน์ฯไม่ชัดตัวเลขผู้โดยสาร-เส้นทาง สตาร์ทัวร์ต่างจังหวัด ประเดิมบ้าน”เนวิน” บุรีรัมย์ ที่แรก ยังอ้างห่วงหน้าตาประเทศไม่อยากให้มีปะทะ หากต้องลงพื้นที่เพื่อไทย แถมเหน็บฝ่ายตรงข้ามถามทำไมต้องขัดขวางประชาธิปไตย
วันนี้(2 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่1ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีนัยยะทางการเมือง เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน เพราะมีหลายประเด็นที่มีการวิจารณ์พาดพิงกันก็ไปปรับความเข้าใจกัน ยืนยันไม่มีการเคลียร์ใจแต่เป็นการอธิบายให้ทราบว่า แต่ละเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการนั้นมีแนวทางอย่างไร การแก้ปัญหาของประเทศต้องทำอย่างไร ขอย้ำว่าปัญหาของรัฐบาลใน 2-3 เดือนที่ผ่านมาเกิดจากประชาชนมองว่า ขาดความเป็นเอกภาพและบางโครงการไม่มั่นใจในความโปร่งใส จึงต้องหยุดสภาวะนี้ไม่อย่างนั้นจะทำงานได้ยาก
เมื่อถามว่า หลังการหารือกันแล้ว จะหยุดสภาวะนี้ได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า คิดว่าน่าจะทำให้หลายอย่างทำงานได้ลงตัวมากขึ้น โครงการที่มีความเห็นไม่ตรงกันก็ต้องมาพูดคุยกันให้รอบคอบตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของครม.แล้วก็จะโดนวิจารณ์อีก ตนยืนยันว่าการทำงานเเบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มุมมองของครม.มีความแตกต่างกันบ้าง แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของครม.แล้วมีข่าวคราวแบบนี้ออกมาก็ไม่ใช่ผลดีทางด้านความเชื่อมั่น ฉะนั้นสิ่งใดที่เป็นปัญหาควรจะหารือให้รู้เรื่องก่อน
เมื่อถามว่า หลังการหารือแล้วคิดว่า จากนี้ไปเอกภาพในการทำงานของรัฐบาลน่าจะดีขึ้น นายกฯกล่าวว่า ตนต้องการอย่างนั้น หากรัฐบาลไม่สามารถทำงานเป็นเอกภาพและไม่สามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆให้ลุล่วงอย่างรวดเร็วและตอบสนองนั้น พรรคร่วมรัฐบาลจะเดือดร้อนทุกคน เมื่อถามว่า นายเนวินเข้าใจหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เข้าใจ เมื่อถามว่า ได้หารือกับนายเนวินเกี่ยวกับการปรับครม.ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เพราะสังคมมองว่า รัฐมนตรีบางคนของพรรคนี้อาจทำงานไม่ได้ นายกฯกล่าวว่า ตนบอกไปว่าในที่สุดเราต้องประเมินตัวเอง ฉะนั้นหากงานต่างๆไม่สามารถตอบสนองได้ก็จำเป็นต้องปรับ แต่ตอนนี้ยืนยันว่าครม.ทุกคนเข้าใจว่าความเร่งด่วนของปัญหาโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจนั้นจะต้องเร่งดำเนินการ เมื่อสภาอนุมัติงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งแล้ว ต้องทำให้เห็นว่าโครงการนี้เดินหน้าได้จริงตั้งแต่เดือนส.ค.-ก.ย.เป็นต้นไป
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยระบุว่า รัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณลงพื้นที่ของพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว นายกฯกล่าวว่า ไม่มี งบประมาณนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะส.ส.ทุกจังหวัดต้องการ ตนบอกว่าต้องขัดเงื่อนไขที่พูดกันมากว่า หากเป็นพื้นที่ของส.ส.ฝ่ายค้านจะได้งบช้าและน้อย ตนบอกไปว่าทุกกระทรวงต้องดูแลว่า ไม่ให้มีเรื่องนี้ เพราะทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของส.ส.ฝ่ายค้านหรือส.ส.ฝ่ายรัฐบาลนั้น ต้องได้รับงบประมาณที่เสมอภาค ไม่ล่าช้าหรือเร็วกว่ากัน เมื่อถามว่า มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำงานร่วมกันได้นานหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯระบุว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน นายกฯยิ้มและกล่าวว่า ประโยคนี้พูดมาหลายครั้งและหลายเดือนแล้ว ตนกระชับจุดที่คิดว่า ยังมีปัญหากับผู้ที่รับผิดชอบแล้วเช่น เศรษฐกิจ ความมั่นคง ว่าต้องทำงานหนักและเข้าใจความรู้สึกรวมทั้งความคาดหวังของประชาชนด้วย
เมื่อถามว่า ตอนนี้สถานการณ์ซ้ำรอยเดิมตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาใหม่ จะเก็บเกี่ยวสถานการณ์ไม่ให้ซ้ำรอยเดิมเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ เราต้องเก็บเกี่ยวบทเรียนการผลักดัน มาตรการทางเศรษฐกิจนั้น ยังเดินไปได้ตามเวลาที่กำหนดและเชื่อว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้นั้นเช่นการสร้างงานและทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเป็นบวกในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ยังทำได้ เพียงแต่หลายโครงการที่เป็นปัญหาต้องเร่งสะสางให้เรียบร้อย
นายกฯกล่าวว่า ขอความกรุณาในการรายงานข่าวด้วยว่า การประชุมครม.ครั้งที่ผ่านมาในโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ที่บอกว่านายสุเทพยื่นคำขาดกับสภาพัฒน์ให้จัดการเรื่องนี้นั้น จริงๆแล้วเรื่องทั้งหมดสภาพัฒน์นำเสนอมาและต้องเห็นใจว่าตัวเลขต่างๆนั้นมีข้อโต้แย้งจริงๆ และไม่มีเรื่องไปซื้อเวลา หากเราไม่สามารถได้ตัวเลขผู้โดยสารและเส้นทางมาได้นั้น จะตัดสินใจไม่ถูกว่ารูปแบบและวิธีที่ดีที่สุดคืออะไร เพราะคนตัดสินใจสุดท้ายและรับผิดชอบคือรัฐบาล ไม่ใช่สภาพัฒน์
ส่วนการลงพื้นที่พบประชาชนของนายกฯที่จะเริ่มต้นในภาคอีสานและจะเกิดขึ้นกลางเดือนนี้นั้น นายกฯกล่าวว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯดำเนินการอยู่ ส่วนที่มีข่าวว่าจ.บุรีรัมย์จะเป็นจังหวัดแรกนั้นก็เป็นไปได้ เมื่อถามว่าเหตุผลใดที่เลือกจังหวัดนี้ นายกฯกล่าวว่า ตนให้เลือกตามโครงการและความพร้อมของโครงการไทยเข้มแข็ง โดยเฉพาะแหล่งน้ำ ถนน โดยเรื่องถนนนั้นนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมรับผิดชอบและจะเลือกโครงการที่คิดว่ามีความพร้อมที่สุด เมื่อถามว่าจังหวัดนี้คือฐานเสียงของพรรคภูมิใจไทย หากลงพื้นที่นี้จะคล้ายว่า นายกฯยอมลงให้พรรคภูมิใจไทย นายกฯกล่าวว่า ไม่เกี่ยว ไม่มีใครเป็นเจ้าของจังหวัดไหน คนไทยคือเจ้าของประเทศไทย ส่วนจะไปจังหวัดอื่นๆอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเวลา ตนไม่ไปเพียงภาคเดียวและจะต้องไปทุกภาค
ส่วนจังหวัดพื้นที่สีแดงที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลนี้จะลงพื้นที่หรือไม่ เช่นจ.เชียงใหม่ จ.เชียงรายนายกฯกล่าวว่า ยินดีจะไป ขอย้ำอีกครั้งว่า กรุณาไปถามคนขัดขวาง ตนไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง หากสังคมบอกว่าตนควรจะไปแล้วเกิดการปะทะกันบ้างแต่ไม่เป็นไรนั้น ตนไม่มีปัญหา เเต่ขอถามว่าคุ้มกันหรือเปล่า แล้วขอถามว่าคนที่มาขัดขวางนั้นเป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ หากเป็นประชาธิปไตยต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนทำงาน และหากทำอย่างนั้นมันเกิดความเสียหายกับภาพลักษณ์ของประเทศแต่กลับพยายามอ้างว่าเป็นปัญหาของรัฐบาล หากคิดแบบนั้นก็ไม่ใช่ ถ้ารัฐบาลเห็นแก่ตัวไม่คิดถึงประโยชน์ของประเทศก็เดินทางไปแต่เกิดปัญหาปะทะและภาพออกไปทั่วโลกนั้นมันเพื่ออะไร
“ผมยึดประโยชน์ประเทศและทำงานได้ที่จริงแล้ว ตนลงพื้นที่มากกว่าอดีตนายกฯที่ผ่านมาเสียอีก ตนพยายามรับฟังคณะทำงานว่า พื้นที่ใดไปแล้ว ไปเคลียร์มวลชนที่จะมาแสดงออกได้แค่ไหน หากแสดงออกตามปกติไม่มีปัญหาอะไร หากต้องการให้เป็นข่าวและเกิดความเสียหายกับประเทศคณะทำงานก็ไม่อยากให้ไป”นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อด้วยว่า เด็กอีสานได้เรียนฟรี ผู้สูงอายุได้เบี้ยยังชีพ โครงการไทยเข้มแข็งก็ได้รับเหมือนภาคอื่นๆและไม่น้อยกว่าที่อื่น มติครม. 3 เดือนนี้แก้ปัญหาภาคอีสานและเหนือได้รับประโยชน์ที่สุด ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนนั้นต้องค่อยๆทำความเข้าใจและเมื่องานปรากฏจะเป็นคำตอบ ตอนนี้งานกำลังอยู่ในแผนการ ยืนยันว่าไม่สายเกินไป เมื่อถามว่า ไปจ.บุรีรัมย์ไม่กลัวมนต์ดำเขมรหรือ นายกฯยิ้มและกล่าวว่า “มนต์ดำเป็นอย่างไร”