โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เชื่อ “นช.แม้ว” เคลื่อนไหวทั้งภายใน-นอกประเทศ หวังถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ปูดพบข้อมูลจ้างล็อบบี้ยีสต์ช่วยกระพือข่าวในสื่อต่างชาติ ทั้งไม่ระบุชื่อเจ้าตัว เหน็บมีคดีอาญาค้างเก่า-ใหม่อื้อซ่ากลับไม่สู้คดี แต่ขออภัยโทษแทน ยันรัฐแยกแยะได้กรณีศาลโลกให้เขมรขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร เชื่อสาธารณสุขไม่หมกเม็ดตัวเลขผู้ติดเชื้อหวัดมรณะแน่
วันนี้ (29 มิ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมล่ารายชื่อถวายฎีกาเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พ้นความผิดว่า ความจริงแล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ และไม่ได้เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวจากการเมืองในประเทศ แต่เริ่มต้นจากนอกประเทศ ในระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ นสพ.เจแปนไทม์ และสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น โดยพูดถึงการขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ทั้งโฆษก และทนายส่วนตัว ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาปฏิเสธว่าเป็นการลงข่าวที่ผิด แม้พรรคประชาธิปัตย์จะนำคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสื่อทั้งเจแปนไทม์ และสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นมายืนยันแล้วก็ตาม
โฆษก ปชป.กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ได้หยิบยกประเด็นว่า การดำเนินการดังกล่าวมีการจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในการประชาสัมพันธ์ แต่ทางโฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ รายงานข่าวว่า มีการดำเนินการในลักษณะที่จะสร้างกระแสข่าวต่างประเทศเพื่อสนับสนุนสถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านบริษัท CASSIDY AND ASSOCIATES โดยชื่อผู้ว่าจ้างไม่ปรากฏชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนในอดีต แต่หลายฝ่ายก็ออกมาแสดงความสงสัยอย่างเดียวกันว่าข่าวดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ ส่วนสาระที่ออกมาว่าจ้างยังไม่ปรากฏชัดว่าเป็นอย่างไร
นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่สำคัญคือ ประชาชนยังไม่รับรู้ว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังอยู่ในชั้นศาล และก่อนชั้นศาลนั้น เป็นสาระสำคัญของการเคลื่อนไหว คือการชุมนุมของ นปช. ไม่ว่าจะเป็นคดีการออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม คดีว่าด้วยการปล่อยเงินกู้ให้กับพม่าของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (เอ็กซิมแบงก์) หรือคดีที่อยู่ในชั้น ป.ป.ช. หรืออัยการ ก่อนเข้าสู่ชั้นศาล เช่น ธนาคารปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย คดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีอีเอ็กซ์ หรือคดีที่อยู่ในชั้นสอบสวน เช่น คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ล้วนแต่เป็นคดีที่มีโทษสูงกว่าคดีที่ดินรัชดาฯ ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงอยากให้มีความชัดเจนในการสร้างความสมานฉันท์ภายใต้การปฏิรูปการเมือง ซึ่งคณะกรรมการสมานฉันท์ได้พูดถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับการตัดสิทธิ์ทางการเมือง หากกรณีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ถ้าสามารถหยุดยั้งความแตกแยกในบ้านเมืองได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็เคารพดุลพินิจของคณะกรรมการฯ หากจะพูดคุยในกรอบของประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนไม่มีการแก้ไขความผิดเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
โฆษก ปชป.กล่าวต่อว่า พรรคยืนยันมาตลอดว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาไม่ควรใช้กระบวนการหนึ่งกระบวนการใด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการถวายฎีกา ก่อนที่ใครก็ตามที่ถูกฟ้องหรือมีความผิดจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยความสมัครใจ ทั้งนี้ ขั้นตอนแรกที่จะนำไปสู่กระบวนการต่างๆ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรต้องกลับเข้ามาในกระบวนการยุติธรรม ก่อนที่จะมีการพูดถึงกระบวนการขั้นต่อไป ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมากล่าวหาถึงการแก้ปัญหาเขาพระวิหารของรัฐบาลว่ามีการสร้างความสับสนจากการไปเยือนกัมพูชาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ไปพูดเรื่องกรณีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนว่า จริงๆ แล้วคำกล่าวของนายสุเทพได้พูดถึงคำวินิจฉัยของศาลโลก เป็นเรื่องที่รัฐบาลปัจจุบันแยกออกจากการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก อีกทั้งปัญหาที่สืบเนื่องมาจากอดีตถึงปัจจุบัน คือ มติคณะรัฐมนตรีทั้งชุดสมัยที่นายนพดล ปัทมะ เป็น รมว.ต่างประเทศ ที่ได้นำ 2 เรื่องนี้มาปะปนกันจนทำให้เกิดปัญหา และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามติ ครม.สมัยนั้นขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าการทำผิดรัฐธรรมนูญในเรื่องการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วม เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลผูกพันจนมาถึงรัฐบาลนี้
อย่างไรก็ตาม โฆษก ปชป.กล่าวถึงกรณีการปักปันเขตแดนว่า พรรคสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลที่แยกเรื่องนี้ออกจากการขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นเรื่องการจัดการพื้นที่ ทางมรดกโลกไม่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียดินแดนแต่อย่างใด และไม่อยากให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใช้เรื่องนี้มาบิดเบือน โจมตีใส่ร้ายทางการเมือง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาประณามการแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า เป็นเพราะรัฐบาลปกปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขว่า ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ตั้งใจตั้งแต่แรกที่จะเปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็จะสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อไม่ให้ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ ในขณะที่ต้องการให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงและตระหนักถึงวิธีการป้องกัน ซึ่งพูดมาตลอดว่าการป่วยและการเสียชีวิตถือเป็นอุบัติการณ์ที่พบได้ และอยู่ตามเกณฑ์การเจ็บป่วยของไข้หวัดปกติ
ทั้งนี้ โฆษก ปชป.กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์อยากตำหนิพรรคเพื่อไทยที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของบุคลากรสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้เป็นที่ปรึกษาทางด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรอนามัยโลก อีกทั้งนักระบาดวิทยาและนักไวรัสวิทยาของเมืองไทยนั้นเป็นที่ยอมรับของวงการสาธารณสุขนานาชาติ จึงไม่อยากให้ฝ่ายค้านนำการทำงานของข้าราชการประจำที่ทำงานเต็มความสามารถมาโจมตีเพียงเพื่อหวังอิงกระแสไข้หวัด 2009 โดยหวังผลทางการเมือง และขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องมากกว่าที่จะหวังผลทางการเมือง