รอยเตอร์ – นิตยสารชื่อดังของรัฐบาลจีนคาด ปี 2009 จีนเสี่ยงเผชิญหน้ากับปัญหาประท้วงและการก่อจลาจลมากขึ้น เนื่องจากความไม่พอใจของกลุ่มคนว่างงานที่เพิ่มจำนวนขึ้นจากแรงงานอพยพและนักศึกษาจบใหม่
นิตยสารเอ้าท์ลุค (เหลียววั่ง) ของสัปดาห์นี้รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของ หวง ฮั้ว ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซินหัวที่คาดการณ์ว่า ปีนี้จีนกำลังเข้าสู่ช่วงพีคสุดของการเกิดปัญหาขัดแย้งและการปะทะกัน เช่น การจลาจล และการชุมนุมประท้วง ซึ่งจะเป็นบททดสอบความสามารถในการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลทุกระดับชั้น
โดยตลอดมา ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาให้คำมั่นที่จะสร้างจีนให้เป็น “สังคมแห่งความปรองดอง” แต่จนแล้วจนรอดคำสัญญาของเขาก็ถูกท้าทายจากแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากปัญหารายได้และอัตราว่าจ้างงานที่ลดลง รวมทั้งความไม่พอใจที่มีมายาวนานต่อปัญหาคอร์รัปชั่นและการโกงสิทธิการใช้ที่ดินของเจ้าหน้าที่รัฐ
นอกจากนี้ปี 2009 ยังเป็นวาระครบรอบเหตุการณ์อ่อนไหวทางการเมืองหลายเหตุการณ์ด้วยกัน อาทิ ครบรอบ 50 ปีที่ทะไล ลามะลี้ภัยออกจากทิเบต ครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างโหดร้าย ณ จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 1989
ภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเสถียรภาพของประเทศจีนมาจากปัญหาว่างงานในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยจบใหม่ที่เผชิญกับตลาดงานและรายได้ที่ลดลง โดยหวงคาดการณ์ว่าน่าจะมีนักศึกษามหาวิทยาลัยและวิทยาลัยมากกว่า 7 ล้านคน ล้นทะลักเข้าหางานในปีนี้
ขณะเดียวกันปัญหากลุ่มแรงงานอพยพตกงานเนื่องจากโรงงานผลิตสินค้าส่งออกปิดตัวลงก็เป็นปัญหาสำคัญเช่นกัน และนำไปสู่การประท้วงดังที่เป็นข่าวที่ผ่านมา โดยนิตยสารเอ้าท์ลุครายงานอ้างคำพูดของหน่วยงานด้านสถิติแห่งชาติคาดการณ์ว่าจะมีแรงงานอพยพจากชนบทเกือบ 10 ล้านคนตกงาน ในขณะนี้เป้าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีของรัฐบาลจีนปีนี้ อยู่ที่ 8% ซึ่งสามารถสร้างตำแหน่งงานใหม่ทั่วประเทศได้เพียง 8 ล้านอัตราเท่านั้น
ด้านเอียน เบรมเมอร์ ประธานบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงด้านการเมือง ยูโรเซีย กรุ๊ป ก็มองว่าสถานการณ์ปี 2009 ของจีนก็น่าจะเผชิญกับปัญหาการประท้วงมาก แต่ไม่รุนแรงจนถึงขั้นกลายเป็นวิกฤต “เศรษฐกิจจีนที่ประสบปัญหาชะลอตัว อาจทำลายเครดิตบ้าง แต่ด้วยปริมาณเงินทุนสำรองมหาศาลของจีน จะช่วยประคองสถานการณ์ในปี 209 ไม่ให้เลวร้าย”
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2008 เศรษฐกิจจีนขยายตัว 9.9% แต่นักเศรษฐกิจบางรายเคลือบแคลงว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมายจีดีพีที่ 8% ในปี 2009 ได้หรือไม่
คืนค่าเทอมนศ. หนุนให้ทำงานฝั่งตะวันตก
เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหานักศึกษาจบใหม่ตกงาน ล่าสุดหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี( 8 ม.ค.) ว่า ทางการจีนได้ประกาศจะคืนค่าเทอมให้แก่บัณฑิตจบใหม่ ที่สนใจไปทำงานในภาคกลาง และภาคตะวันตกของประเทศ รวมถึงผู้ที่เข้ารับใช้ชาติในกองทัพ โดยเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวหลังจากมีการประชุมรอบพิเศษเพื่อหารือแนวทางช่วยเหลือนักศึกษาจบใหม่ของคณะมุขมนตรีจีนโดยมีนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าเป็นประธาน
เฉิน กวงจิน นักวิชาการแห่งบัณฑิตสภาด้านสังคมศาสตร์ของจีน(CASS) ได้แสดงทัศนะว่า นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลดำเนินการคืนค่าเล่าเรียนให้กับกลุ่มบัณฑิตจบใหม่เหล่านี้ ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการประกันความมั่นคงในตลาดแรงงาน ท่ามกลางที่ประเทศเผชิญกับวิกฤตการเศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วนในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม CASS เผยสถิติประชาชนที่ไม่ได้รับจ้างงานในปลายปี 2008 อยู่ที่ 1.5 ล้านคน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีบัณฑิตจบใหม่อยู่ถึงร้อยละ 12 ขณะที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีบัณฑิตจบใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานประมาณ 6.1 ล้านคน ซึ่งเฉินก็ระบุว่าภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศจะเป็นทางเลือกที่ดีแก่คนกลุ่มนี้
นิตยสารเอ้าท์ลุค (เหลียววั่ง) ของสัปดาห์นี้รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของ หวง ฮั้ว ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซินหัวที่คาดการณ์ว่า ปีนี้จีนกำลังเข้าสู่ช่วงพีคสุดของการเกิดปัญหาขัดแย้งและการปะทะกัน เช่น การจลาจล และการชุมนุมประท้วง ซึ่งจะเป็นบททดสอบความสามารถในการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลทุกระดับชั้น
โดยตลอดมา ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาให้คำมั่นที่จะสร้างจีนให้เป็น “สังคมแห่งความปรองดอง” แต่จนแล้วจนรอดคำสัญญาของเขาก็ถูกท้าทายจากแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากปัญหารายได้และอัตราว่าจ้างงานที่ลดลง รวมทั้งความไม่พอใจที่มีมายาวนานต่อปัญหาคอร์รัปชั่นและการโกงสิทธิการใช้ที่ดินของเจ้าหน้าที่รัฐ
นอกจากนี้ปี 2009 ยังเป็นวาระครบรอบเหตุการณ์อ่อนไหวทางการเมืองหลายเหตุการณ์ด้วยกัน อาทิ ครบรอบ 50 ปีที่ทะไล ลามะลี้ภัยออกจากทิเบต ครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนที่ออกมาเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างโหดร้าย ณ จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 1989
ภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเสถียรภาพของประเทศจีนมาจากปัญหาว่างงานในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยจบใหม่ที่เผชิญกับตลาดงานและรายได้ที่ลดลง โดยหวงคาดการณ์ว่าน่าจะมีนักศึกษามหาวิทยาลัยและวิทยาลัยมากกว่า 7 ล้านคน ล้นทะลักเข้าหางานในปีนี้
ขณะเดียวกันปัญหากลุ่มแรงงานอพยพตกงานเนื่องจากโรงงานผลิตสินค้าส่งออกปิดตัวลงก็เป็นปัญหาสำคัญเช่นกัน และนำไปสู่การประท้วงดังที่เป็นข่าวที่ผ่านมา โดยนิตยสารเอ้าท์ลุครายงานอ้างคำพูดของหน่วยงานด้านสถิติแห่งชาติคาดการณ์ว่าจะมีแรงงานอพยพจากชนบทเกือบ 10 ล้านคนตกงาน ในขณะนี้เป้าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีของรัฐบาลจีนปีนี้ อยู่ที่ 8% ซึ่งสามารถสร้างตำแหน่งงานใหม่ทั่วประเทศได้เพียง 8 ล้านอัตราเท่านั้น
ด้านเอียน เบรมเมอร์ ประธานบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงด้านการเมือง ยูโรเซีย กรุ๊ป ก็มองว่าสถานการณ์ปี 2009 ของจีนก็น่าจะเผชิญกับปัญหาการประท้วงมาก แต่ไม่รุนแรงจนถึงขั้นกลายเป็นวิกฤต “เศรษฐกิจจีนที่ประสบปัญหาชะลอตัว อาจทำลายเครดิตบ้าง แต่ด้วยปริมาณเงินทุนสำรองมหาศาลของจีน จะช่วยประคองสถานการณ์ในปี 209 ไม่ให้เลวร้าย”
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2008 เศรษฐกิจจีนขยายตัว 9.9% แต่นักเศรษฐกิจบางรายเคลือบแคลงว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมายจีดีพีที่ 8% ในปี 2009 ได้หรือไม่
คืนค่าเทอมนศ. หนุนให้ทำงานฝั่งตะวันตก
เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาปัญหานักศึกษาจบใหม่ตกงาน ล่าสุดหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี( 8 ม.ค.) ว่า ทางการจีนได้ประกาศจะคืนค่าเทอมให้แก่บัณฑิตจบใหม่ ที่สนใจไปทำงานในภาคกลาง และภาคตะวันตกของประเทศ รวมถึงผู้ที่เข้ารับใช้ชาติในกองทัพ โดยเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวหลังจากมีการประชุมรอบพิเศษเพื่อหารือแนวทางช่วยเหลือนักศึกษาจบใหม่ของคณะมุขมนตรีจีนโดยมีนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าเป็นประธาน
เฉิน กวงจิน นักวิชาการแห่งบัณฑิตสภาด้านสังคมศาสตร์ของจีน(CASS) ได้แสดงทัศนะว่า นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลดำเนินการคืนค่าเล่าเรียนให้กับกลุ่มบัณฑิตจบใหม่เหล่านี้ ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการประกันความมั่นคงในตลาดแรงงาน ท่ามกลางที่ประเทศเผชิญกับวิกฤตการเศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วนในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม CASS เผยสถิติประชาชนที่ไม่ได้รับจ้างงานในปลายปี 2008 อยู่ที่ 1.5 ล้านคน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีบัณฑิตจบใหม่อยู่ถึงร้อยละ 12 ขณะที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีบัณฑิตจบใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานประมาณ 6.1 ล้านคน ซึ่งเฉินก็ระบุว่าภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศจะเป็นทางเลือกที่ดีแก่คนกลุ่มนี้