วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒
เรื่อง ขอติดตามและให้เร่งรัดคดีการเข่นฆ่าและทำร้ายประชาชนเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๑
เรียน ประธานคณะกรรมการและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ตามที่ได้มีเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๑ ที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐในขณะนั้นได้สั่งการให้สลายการชุมนุม ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งได้ชุมนุมอย่างสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธที่หน้ารัฐสภา โดยเจ้าหน้าที่รัฐได้ปฏิบัติการด้วยวิธีการรุนแรงและใช้อาวุธในรูปแบบต่างๆ ต่อเนื่องกันหลายครั้ง ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงเวลากลางคืน จนเป็นสาเหตุทำให้มีประชาชนเสียชีวิต พิการ และได้รับบาดเจ็บจำนวนมากตลอดทั้งวัน แต่ผู้ที่ได้สั่งการและปฏิบัติการดังกล่าวทั้งหมดก็หาได้มีความพยายามที่จะยุติการกระทำดังกล่าวไม่
การกระทำดังกล่าวข้างต้นคณะกรรมาธิการชุดต่างๆของวุฒิสภา และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่างสรุปรายงานตรงกันว่า เรื่องดังกล่าวมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากต้องได้รับโทษทางกฎหมาย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับเรื่องและไต่สวนคดีดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาประมาณ ๘ เดือนแล้ว ญาติของวีรชนผู้เสียชีวิต ผู้พิการ และผู้บาดเจ็บจำนวนมากจากคดีดังกล่าว ก็ยังไม่ได้รับความยุติธรรมแต่ประการใด เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนยังคงมีตำแหน่งหน้าที่ในระดับสูงต่อไปและยังไม่ได้รับบทลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น
เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวพันกับผู้ที่มีอิทธิพลที่เป็นนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมาก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจต่อผู้ที่ดำเนินคดีดังกล่าวใน ป.ป.ช.ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับการข่มขู่คุกคามหลากหลายรูปแบบจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้รับทราบกระแสข่าวมาว่ามีนักการเมืองและข้าราชการตำรวจระดับสูงในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวได้พยายามหาหนทางในการถ่วงเวลาหรือบิดเบือนคดีดังกล่าว เพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องได้รับประโยชน์แห่งคดีมากที่สุด
ประกอบกับมีข้อมูลว่าท่านประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเคยเข้าเรียนหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นเดียวกัน กับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีฐานะเป็นพี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวพันกับคดีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ จึงทำให้ญาติของวีรชนผู้เสียชีวิต ผู้พิการ และผู้บาดเจ็บจากคดีดังกล่าว ตลอดจนประชาชนทั่วไป มีความเคลือบแคลงสงสัยว่า สาเหตุที่ท่านประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่นำผลการไต่สวนของอนุกรรมการในคดีดังกล่าวซึ่งได้รายงานต่อสังคมเมื่อประมาณ ๒ เดือนก่อนหน้านี้ ให้เข้าที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณานั้น เป็นเพราะว่าท่านประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ จะมีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจจำนวนมาก ข้อสงสัยในเรื่องการถ่วงเวลาโดยการไม่นำเรื่องคดีดังกล่าวเข้าพิจารณาในคณะกรรมการ ป.ป.ช. อันเนื่องมาจากสายสัมพันธ์ระหว่างท่านประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณนั้น ยิ่งทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยมากยิ่งขึ้นว่าเป็นการวางแผนที่จะต้องการให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้มีโอกาสปรับโยกย้ายข้าราชการตำรวจก่อนหรือไม่? หรือต้องการที่จะช่วยเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ให้รอดพ้นจากคดีนี้หรือไม่?
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเห็นว่าข้อสงสัยในกรณีนี้จะทำให้เกิดความมัวหมองต่อท่านประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.และ ป.ป.ช.ทั้งหมด เพราะถ้าหาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผู้ที่จะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีอุกฉกรรจ์แล้ว การถ่วงเวลาในคดีความให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหรือมีอำนาจตัดสินใจโยกย้ายข้าราชการตำรวจเสียก่อน ย่อมจะเป็นผลทำให้ ป.ป.ช. ถูกข้อครหาได้ว่ามีส่วนร่วมทำให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อระบบยุติธรรมของประเทศ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นต้นธารในการพิจารณาคดีความที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ดังนั้น หากการโยกย้ายข้าราชการตำรวจมาจากการตัดสินใจจากผู้ที่กระทำผิดกฎหมายในคดีการทำร้ายและเข่นฆ่าประชาชนเสียเอง ย่อมไม่สามารถทำให้สังคมเกิดความสงบสุขในคดีต่างๆ ได้ จนถึงขั้นอาจทำให้สังคมไทยเข้าสู่กลียุคในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งถือเป็นคู่กรณีโดยตรงกับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดในเหตุการณ์วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๑ ก็ไม่อาจเชื่อมั่นได้ว่าจะได้รับความเป็นธรรมได้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงคดีการใช้อาวุธสงครามบุกยิงสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใจกลางพระนคร ก็ได้ปรากฏเป็นข่าวอย่างชัดเจนแล้วว่า กำลังถูกคุกคามและแทรกแซงอย่างหนักทั้งจากนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐหลายฝ่าย
การปล่อยเวลาให้ผู้ที่กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธและความรุนแรงกับประชาชนจนมีผู้เสียชีวิต พิการ และบาดเจ็บจำนวนมาก ได้ทำงานและปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป จะทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ความเสี่ยงในเรื่องความรุนแรง และการสูญเสียเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านประธานคณะกรรมการ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมและให้ความเป็นธรรมกับญาติของวีรชนผู้เสียชีวิต ผู้พิการ และผู้บาดเจ็บ และขจัดข้อเคลือบแคลงสงสัยของประชาชนทั้งหลายดังที่กล่าวมาข้างต้น ด้วยการเร่งรัดคดีการเข่นฆ่าและการทำร้ายประชาชนเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อคลี่คลายวิกฤตของชาติโดยเร็วที่สุด
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
(นายพิภพ ธงไชย)
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย