xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” สาธยายคำสั่งศาลยกฟ้องหมิ่น “แม้ว” ซัดพฤติกรรมเหิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวนายกรัฐมนตรี
“โฆษกประจำตัวนายกฯ” สาธยายคำสั่งศาลวินิจฉัยยกฟ้องคดี “แม้ว” ฟ้องหมิ่น “สุเทพ” ชี้สารพัดพฤติกรรมเหิม มักใหญ่ใฝ่สูง การันตีคนสังคมรู้ดี แนะ นช.แม้ว ควรยอมรับมากกว่าใส่ความศาล

วันนี้ (22 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ศาลอาญาได้มีคำวินิจฉัยให้ยกฟ้องคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2552 ในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าการที่นายสุเทพกล่าวสัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณชอบระบอบประธานาธิบดีและในจิตใจส่วนลึกของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะเป็นประธานาธิบดีนั้น ตนเห็นว่าที่ผ่านมาพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลายกรรมหลายวาระมีความสอดคล้องกัน อาทิ การที่พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ ได้เทศนาสั่งสอน พ.ต.ท.ทักษิณว่า อย่าคิดอาจเอื้อมที่จะเป็นประธานาธิบดี รวมถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวต่อกลุ่มแท็กซี่ถึงเรื่องความจงรักภักดีที่หอประชุมอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2548 ว่า “ถ้าคนอย่างตนไม่จงรักภักดี แล้วผีที่ไหนจะมาจงรักภักดี” และเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2549 ได้พูดในรายการนายกฯ ทักษิณ พบประชาชน ผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยว่า ถ้าจะให้ตนลาออกจากตำแหน่ง เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากระซิบที่ข้างหู ตนก็จะลาออกทันที ซึ่งเป็นการกล่าวถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมต่อองค์พระมหากษัตริย์ รวมไปถึงวันที่ 29 มิ.ย.2549 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้พูดต่อหน้าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลว่า ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ มาก่อความวุ่นวายต่อระบอบประชาธิปไตยมากเกินไป ซึ่งคำพูดดังกล่าวได้ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่าข้อความดังกล่าวอาจจะพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ได้

นายเทพไทกล่าวต่อว่า รวมไปถึงพฤติกรรมของคนเสื้อแดงที่ พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับว่าเป็นพลังสนับสนุนที่สำคัญ โดยมีการนำรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปติดไว้ที่หลังฉากของเวทีชุมนุม โดยมีข้อความที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงก็มักจะพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เป็นประจำ อีกทั้งยังรวมถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางคนได้อภิปรายในสภา เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2552 โดยยอมรับว่า พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยมีความเชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกัน และได้มีการจัดเตรียมทำเสื้อแดงให้บรรดา ส.ส.ของพรรคไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุม

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอีกหลายอย่าง เช่น กลุ่มคนเสื้อแดงตั้งโต๊ะเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญาในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนบุคคลสำคัญของบ้านเมือง อาทิ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร รอง อตร.เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์แม้กระทั่ง พล.อ.วิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนตามมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณจ้องล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2552 ที่ผ่านมา รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณเองต่อหนังสือพิมพ์ไฟเนเชียลไทม์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบแผนการรัฐประหารมาล่วงหน้า ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดส่อเจตนาไปในทางที่สอดคล้องกับคำเทศนาของหลวงตามหาบัว และสิ่งที่นายสุเทพให้สัมภาษณ์พาดพิง พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ดังนั้น นายสุเทพจึงอยู่ในฐานะที่มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะแสดงความเห็นนั้นได้ การกระทำของนายสุเทพจึงไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

นายเทพไทกล่าวต่อว่า คดีนี้เป็นอีกหนึ่งคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ฟ้องร้องบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองของตนเอง และศาลก็ได้ให้ความเป็นธรรมและเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาลและคงไม่มาใส่ความกับศาลเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ว่ามี 2 มาตรฐาน และสามารถแทรกแซงได้ โดยอยากตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึง พ.ต.ท.ทักษิณเองมักจะออกมาตีโพยตีพาย ไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยของไทย แต่เมื่อมีคดีความที่ตนเองได้รับความเสียหายก็จะใช้กระบวนการยุติธรรมมาดำเนินการต่อบุคคลอื่น
กำลังโหลดความคิดเห็น