“อภิสิทธิ์” เป็นประธานโครงการ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” ชี้เป็นแนวคิดที่ดีสนับสนุนคนทำกิจกรรมภายในประเทศ หวังช่วยฟื้นเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ระบุพร้อมหาวันหยุดยาวให้เพื่อให้ประชาชนท่องเที่ยว กระจายรายได้มากขึ้น
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเวลา 14.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” และปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ประชุมเมืองไทย ช่วยสร้างเศรษฐกิจชาติ” ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เพื่อขานรับนโยบายของรัฐบาลให้จัดการประชุมในเมืองไทย อีกทั้งเพื่อส่งเสริมธุรกิจการจัดการประชุมและการท่องเที่ยว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนขอบคุณ สสปน.ที่มีความคิดจัดโครงการเช่นนี้ขึ้น เป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันนโยบายรัฐบาลเพื่อบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจ สู่การพัฒนาของประเทศที่ยั่งยืนต่อไป อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์เศรษฐกิจครั้งนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากภายนอก จากระบบสถาบันการเงินในอเมริกาที่ลุกลามไปทั่วโลก แม้วิกฤตจะคลายลงไปและมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ผลกระทบเรื่องของการค้าการลงทุน การท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงได้ และประเทศไทยยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขทางเศรษฐกิจเราติดลบในไตรมาสแรก อีกทั้งภาครัฐเองก็จัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าเป้าถึง 2 แสนล้านบาท จึงมีผลกระทบต่อเนื่องในเรื่องของการจ้างงาน ดังนั้น ในช่วงแรกที่รัฐบาลได้เข้ามาจึงได้เร่งผลักดันโยบายต่างและจัดงบฯกลางปี งบเพิ่มเติม เพื่อช่วยประชาชนผ่านโครงการต่างๆ เช่น การดูแลคนตกงาน โครงการช่วยพยุงฐานะของประชาชน ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ปกครอง ผ่านหลายโครงการ
“แต่สิ่งหนึ่งเราได้ตระหนักตั้งแต่ต้น ผลกระทบที่มีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมาตลอด ที่ทำรายได้เข้าประเทศมากมายมหาศาล และยังมีธุรกิจที่ต่อเนื่อง โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก การเดินทางที่สำคัญการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่จ้างงานคนจำนวนมาก ไม่ได้มีสัดส่วนเรื่องของการใช้ทรัพยากรนำเข้า ดังนั้นเมื่อได้รับผลกระทบที่รุนแรงจึงส่งผลกระทบรุนแรงด้วย” นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาจึงได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่จะช่วยได้ คือ ส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยทำกิจกรรมในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะภาคราชการขอให้ปรับแผนเรื่องของการจัดการประชุมสัมมนา อบรมมาทำในประเทศให้มากที่สุด และต้องการที่จะให้การทำเช่นนี้กระจายเรื่องของระยะไม่กระจุกตัว ไม่ใช่แค่ช่วงปลายปีงบประมาณฯ เท่านั้น และนอกจากนี้ยังมีเรื่องของการลดหย่อนภาษีให้กับภาคเอกชนที่จัดอบรมสัมมนาในประเทศด้วย
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากการดำเนินการส่วนนี้แล้วยังมีนโยบายเฉพาะในการสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะภายหลังเหตุการณ์เดือน เม.ย. รัฐบาลได้ประกาศให้การฟื้นฟูการท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อระดมฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนการท่องเที่ยว ดังนั้น การที่คิดโครงการนี้เป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้วย และมีส่วนสำคัญในการที่จะทำให้สังคมตื่นตัวมากในด้านศักยภาพของเมืองไทยในการจัดกิจกรรมทั้งหลาย
“สิ่งที่มีอยู่ในประเทศของเรา โดยเฉพาะธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะประเพณีวัฒนธรรม และอุปนิสัยใจคอเป็นทุนที่มีคุณค่ามหาศาล หากเรารู้จักดึงออกมาใช้ให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐบาลยังมุ่งเน้นความหลากหลายในกิจกรรมที่ยั่งยืน อาทิ การรักษาธรรมชาติ การกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวแนวใหม่ในเชิงอนุรักษ์ สิ่งเหล่านี้จะมีส่วนส่งเสริมให้การท่องเที่ยวมีการขยายตัวไปได้ จากนี้ไปงานที่สสปน.จะเดินการจะต้องได้รับการตอบสนองจากภาครัฐและเอกชนจึงจะประสบความสำเร็จได้ และรัฐบาลจะหามาตรการอื่นๆ มาส่งเสริม อาทิการหาวันหยุด เพราะช่วงใดที่มีวันหยุดยาวก็เอื้อให้มีการกิจกรรมต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้มอบธงของโครงการและหนังสือ 32 เส้นทางประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติให้แก่ 8 หน่วยงานที่เป็นพันธกิจของโครงการ ซึ่งเป็นหนังสือเพื่อเป็นคู่มือแนะนำเส้นทางการประชุมทั่วเมืองไทยทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือแบบ 2 วัน 1 คืน และ 3 วัน 2 คืนให้แก่องค์กรต่างๆ ไปใช้ในการจัดสัมมนาด้วย