เป็นการเปิดตัวอย่างได้จังหวะ บนสถานการณ์ไฟใต้ที่กำลังทำให้หลายคนเห็น
ความด้อยประสิทธิภาพของรัฐบาลประชาธิปัตย์
ดีแต่ปาก มากแต่วิจารณ์ พอทำงานจริง
อ่อนหัด-แก้ปัญหาไม่ถูกจุด-ตามหลังผู้ก่อเหตุหลายก้าว
เมื่ออาการมะงุมมะงาหราในการดับไฟใต้ ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีให้เห็นต่อเนื่อง มีการประเมินว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ก็ยากเกินกว่าที่อภิสิทธิ์จะเอาอยู่ และเป็นอีกครั้งที่หลายคนได้เห็นแล้วว่า
ประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้านดีกว่าเป็นรัฐบาล!
จึงเป็นการเลือกจังหวะเปิดตัวอย่างพอเหมาะพอดีของ “พรรคมาตุภูมิ”
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาต่อเนื่อง ถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของการจัดตั้ง “พรรคมาตุภูมิ” บนจุดสนใจ 3 ประการ คือ
1.ร่ำลือกันว่า เป็นพรรคการเมืองที่เตรียมจัดตั้งเพื่อรองรับการเล่นการเมืองของอดีตผู้เคยมีอำนาจมากที่สุดในประเทศไทยหลัง 19 กันยายน 2549
“บิ๊กบัง”พลเอก สนธิ บุญรัตนกลิน
อดีตประธาน คมช.-อดีตรองนายกรัฐมนตรี-อดีต ผบ.ทบ.กับสถานะปัจจุบัน นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเมื่อพลเอกสนธิพร้อมเมื่อใด เก้าอี้หัวหน้าพรรคมาตุภูมิก็จะมีชื่อของอดีตผู้ทำการปฏิวัติโค่นล้มระบอบทักษิณคนนี้ขึ้นทำเนียบหัวหน้าพรรคการเมืองทันที
2.จะเป็นพรรคการเมืองที่มีจุดขาย คือเป็นพรรคการเมือง ที่เน้นการแก้ปัญหาภาคใต้และเป็นพรรคการเมืองที่เป็นแหล่งศูนย์รวมของนักการเมืองไทยมุสลิม
จนมีการพูดกันไปแล้วว่ามาตุภูมิ คือพรรคอิสลามพรรคแรกของประเทศไทยที่จะมีส.ส.หลังการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
หลังจากก่อนหน้านี้ มีความพยายามจาก “พิเชษฐ์ สถิรชวาล”ในการทำพรรค”สันติภาพ”ให้เป็นพรรคอิสลามฯ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะแค่ประกาศตั้งพรรค ทำกิจกรรมพรรคการเมืองได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องพับไป และเจ้าตัวก็ต้องไปเข้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก จนตอนนี้หันกลับไปอยู่กับทักษิณที่พรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม
3.เป็นพรรคของกลุ่ม พล..ต.อ.ประชา พรหมนอก จากเพื่อแผ่นดินที่มีส.ส.ในกลุ่มอย่างเป็นทางการ 6 คน ซึ่งแม้นิตินัยจะมีชื่ออยู่กับเพื่อแผ่นดิน แต่พฤตินัยทั้งหมดอยู่กับมาตุภูมิมาตลอด
ทุกวันนี้กลุ่มประชาในเพื่อแผ่นดินทำกิจกรรมอะไร จะประชุมหารือการเมืองก็ใช้
“ตึกเบญจมาศ”ย่านถนนพิชัย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ทำการพรรคความหวังใหม่ของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ มาหลายปี
และปัจจุบันสถานที่แห่งนี้คือที่ทำการพรรคมาตุภูมิที่มีส.ส.แกนหลักคือกลุ่มวาดะห์เดิม ที่นำโดยอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์-นัดมุดดีน อูมา-ฟาริดา สุไลมาน ส.ส.สุรินทร์ ภริยามุข สุไลมาน อดีตส.ส.ปัตตานี หลายสมัย
และยังเป็นที่รู้กันว่ามาตุภูมิ ก็คือ พรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองอีกกลุ่มหนึ่ง
นั่นคือกลุ่ม”ปากน้ำ”ของ มั่น พัธโนทัย อดีตรมว.ไอซีที มือขวาวัฒนา อัศวเหม เจ้าพ่อปากน้ำที่หนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ต่างประเทศจากคดีคลองด่าน แม้วัฒนาวันนี้จะเป็นผู้ต้องหาหนีคดี ทว่าซีกกลุ่มปากน้ำก็ยังมีเงินถุงเงินถังที่พร้อมจ่ายให้กับการเมืองผ่านมั่น พัธโนทัยและชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ลูกชายของวัฒนาที่ต้องการเล่นการเมืองเพื่อรักษาฐานของตระกูลอัศวเหมเอาไว้ที่สมุทรปราการ
และเป็น”ประชา-มั่น-วัฒนา”ที่ทั้งหมดก็คือเพื่อแผ่นดินเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ ถูกตั้งฉายาว่า
“พรรค คมช.”
ฉะนั้น “มาตุภูมิ”จะไม่ใช่ตัวเลือกอันดับแรกของ “บิ๊กบัง”ได้อย่างไร?
แม้หลายคนจะคิดไปไกลว่า ระดับอดีตหมายเลขหนึ่งของประเทศไทยที่เคยมีอำนาจล้นฟ้าหลัง 19 ก.ย.49 เล่นการเมืองทั้งที่ มันต้องเป็นพรรคใหญ่ ระดับเลือกตั้งทีต้องมีส.ส.ในสังกัดนับร้อยคน
แต่คนคิดเช่นนี้อาจลืมไปว่า วันนี้บิ๊กบังไม่เหมือนเดิมแล้ว แล้วการเมืองหลังจากนี้หลายฝ่ายก็มองว่าจะเป็นศึกเลือกตั้ง 3 ขั้ว 3 พรรค
ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย-ภูมิใจไทย
ก็คิดดูกันเองแล้วกันว่า บิ๊กบังจะไปอยู่กับพรรคการเมืองไหนได้ เมื่อดูแล้วจะให้ไปต่อแถวหรือรับคำสั่งพวกนักการเมืองที่บิ๊กบังเคยไล่เช็คบิลมาก่อน ก็คงเป็นไปไม่ได้
สู้มาอยู่กับพรรคการเมืองขนาดกลาง ไม่ต้องใหญ่มากแต่มีความคล่องตัวในการร่วมรัฐบาลได้กับทุกขั้ว และชัวร์ว่าอยู่ในขั้วอำนาจ แถมหากมีจังหวะดีๆ ก็อาจมีลูกส้มหล่นได้
วงในจึงยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ทุกคนในมาตูภูมิปูพรหมรองรับอดีตประธาน คมช.หมดแล้ว
เหลือเพียงบิ๊กบัง รอสำเร็จหลักสูตรการเมืองทั้งในรั้วรามคำแหงและหลักสูตรจาก กกต.ที่ไปเทกคอร์สเอาไว้ ก็ต้องตัดสินใจแล้วว่า ความรู้ในห้องเรียน จะเอามาใช้หรือเก็บเอาไว้ในแฟ้ม
รอเป็น “ทหารแก่”รอวันเหี่ยวเฉา ไปวันๆ
คนรู้นิสัย พลเอกสนธิ ดี ต่างบอกว่า อดีตประธาน คมช.คนนี้
“อยู่ว่างๆ ไม่เป็น”
ไม่อย่างงั้นคงไม่ไปใช้เวลาหาความรู้เติมไฟ หลังวัยเกษียณราชการ ให้สมองเครียดเปล่าๆ
แต่ระหว่างรอการตัดสินใจของบิ๊กบัง แกนนำมาตุภูมิทั้งซีกประชา-มั่น-วาดะห์ ต่างก็ไม่รอช้า และเผื่อทางเลือกไว้หลายทาง เพราะสุดท้ายหากบิ๊กบังไม่ยอมเปิดตัวมาร่วมกับมาตุภูมิจริง พรรคก็ต้องทำกิจกรรมการเมืองกันต่อไป
ยามนี้ส.ส.มุสลิมในพรรคมาตุภูมิจึงมุ่งมั่นในการขยายสาขาพรรค และหาสมาชิกพรรคให้ครบตามกฎหมายพรรคการเมือง และยังให้ส.ส.และแกนนำหน้าฉากหลังฉากคอยทาบทามหาตัวบุคคลในสาขาต่างๆมาร่วมงานกับพรรค
บนสโลแกนการเล่นการเมืองแบบกลางๆ
ไม่อิงเหลือง ไม่เอาแดง
และเน้นเฉพาะพื้นที่เป้าหมายซึ่งมั่นใจว่า เจาะได้
หนึ่งในพื้นที่หลักที่แกนนำหวังจะยึดครองให้ได้มากที่สุดก็คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึง สงขลาและสตูล
และนั่นทำให้ มาตุภูมิ เสนอแนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ต่อรัฐบาลอย่างเป็นทางการในวันที่มีการเปิดตัวพรรคมาตุภูมิเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
จริงอยู่ว่าแนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ของพรรคมาตุภูมิ ที่เสนอเป็นวาระเร่งด่วนในยามที่ปัญหาภาคใต้หนักหนาขึ้นทุกวัน อาทิเรียกร้องให้รัฐบาลแต่งตั้งกรรมการอิสระสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการสังหารหมู่ในมัสยิด จ.นราธิวาส
ให้รัฐบาลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบการสังหารหมู่ในมัสยิด ที่เจาะไอร้อง จังหวัดปัตตานี และเหตุรุนแรงในภาคใต้ทุกกรณี
และเรียกร้องให้รีบสร้างความสมานฉันท์ระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิมในพื้นที่และรัฐบาลต้องสั่งการกองกำลังในพื้นที่คุ้มครองชีวิตประชาชนเพิ่มมากขึ้น เร่งรัดเสนอร่าง พ.ร.บ.สบ.ชต.ของประชาธิปัตย์เข้าสู่สภาโดยเร่งด่วน รวมถึงเสนอให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษเนื่องจากเห็นว่า หากไม่ทำการแก้ปัญหาภาคใต้ก็ไม่สามารถทำได้เพราะวิถีชีวิต ศาสนาของคนในพื้นที่แตกต่างจากจังหวัดอื่น
แนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้ของมาตุภูมิ จริงอยู่ว่าย่อมไม่ใช่แนวทางใหม่ และไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากแนวคิดที่หลายฝ่ายเสนอก่อนหน้านี้
ทว่า ในยามที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ กำลังมืดแปดด้าน ถึงขนาดส.ส.ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่พอใจการทำงานของ มท..3 ถาวร เสนเนียม และชวน หลีกภัย ต้องลงมาขันน็อตเรียกประชุม ส.ส.ภาคใต้เป็นการด่วนก่อนที่ปัญหาภาคใต้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งของ ปชป.ในพื้นที่
“มาตุภูมิ” จึงหวังจะขอเป็นตัวสอดแทรกเพื่อเป็นทางเลือกให้คนในพื้นที่ อีกพรรคการเมืองหนึ่ง บนจุดแข็งที่แกนนำพรรคเลือกจะชูความโดดเด่นในเรื่องนโยบายแก้ปัญหาภาคใต้ และตัวผู้นำคือพลเอกสนธิ อดีตบิ๊ก คมช.ไทยมุสลิม ที่เข้าใจปัญหาและความต้องการของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง
แม้เสียงตอบรับของบิ๊กบังจะยังไม่ดังออกมาว่า จะเอาหรือไม่กับพรรคมาตุภูมิ ทว่าเป้าหมายของพรรคการเมืองน้องใหม่ แต่หลายคนล้วนหน้าเก่า จะทำได้สำเร็จหรือไม่ คงต้องรอให้ถึงการเลือกตั้งเสียก่อน