อดีต รมว.คมนาคมจากพรรคเพื่อไทย แฉเงื่อนงำคิงเพาเวอร์งาบพื้นที่สุวรรณภูมิ ละเมิดสัญญาเช่า ส่งผลให้ภาครัฐเสียประโยชน์ แนะให้เก็บเรียกค่าโง่คืนเพื่อสร้างรันเวย์ที่ 3 โดยไม่ต้องไปกู้เงิน
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ได้พบความไม่โปร่งใสในสนามบินสวรรณภูมิ เพราะพบว่าในโครงการเช่าพื้นที่ทางการค้าภายในสนามบินมีการละเมิดสัญญาที่ภาคเอกชนทำไว้กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ถึง 2 ส่วน ที่ทำให้รัฐต้องเสียผลประโยชน์ที่ควรถึงประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท
นายสันติกล่าวว่า ส่วนที่ 1 คือ พื้นที่ร้านค้า ซึ่งในสัญญาเช่าที่บริษัท คิงเพาเวอร์ ทำไว้ กำหนดพื้นที่ไว้ 2.2 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) แต่ปรากฏว่า ทอท.และอัยการมีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการใช้งานจริงถึง 2.7 หมื่น ตร.ม. เกินกว่าที่ตกลงทำสัญญาไว้ถึง 5 พัน ตร.ม. และส่วนที่ 2 คือ พื้นที่ร้านค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรี ซึ่งในสัญญาที่ทำไว้กำหนดพื้นที่ให้ดำเนินการเพียง 5 พัน ตร.ม. แต่ปรากฏว่ามีการใช้พื้นที่ถึง 1.2 หมื่น ตร.ม. เกินกว่าที่ตกลงทำสัญญาไว้ถึง 7 พัน ตร.ม.
นายสันติกล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบว่า ทางบริษัท คิงเพาเวอร์ ไม่ได้มีการจ่ายผลประโยชน์ในส่วนเกินที่ได้มีการดำเนินการเกินจากพื้นที่ที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยมีเพียงแค่การจ่ายผลประโยชน์ขั้นต่ำต่อปีให้กับ ทอท.เพียง 4.5 พันล้านบาทต่อปี ตามพื้นที่ที่ได้ทำสัญญาไว้เท่านั้น ดังนั้น เมื่อรวบรวมตัวเลขความเสียหายจากทำผิดสัญญาดังกล่าวจะมีถึง 4 พันล้านบาทต่อปี โดยตอนนี้ได้มีการดำเนินการมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว จึงเท่ากับว่า ทอท.ต้องสูญเสียรายได้ไปแล้วประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท
“ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็น รมว.คมนาคม ในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ปรากฏว่าได้มีแรงกดดันจากกลุ่มก๊วนในพรรคขณะนั้นกดดันให้มอบงานใน ทอท. และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้กับ รมช.คมนาคมในขณะนั้น และถ้ารัฐบาลชุดนี้มีการดำเนินการเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ และนำผลประโยชน์ที่ภาครัฐสูญเสียไปกลับคืนมาก็คิดว่า เงินส่วนนี้เพียงพอให้สามารถสร้างรันเวย์ที่สามของสุวรรณภูมิได้โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงิน” นายสันติ กล่าว
นายสันติกล่าวว่า นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลมีการเปิดเผยมติคณะรัฐมนตรีในการอนุมัติกรอบวงเงินตาม พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 จำนวน 4 แสนล้านบาท เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ซึ่งรัฐบาลอ้างว่ามีการอนุมัติวงเงิน 4.1 หมื่นล้านบาท ทั้งๆ ที่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช มีการอนุมัติวงเงินจำนวน 3.6 หมื่นล้านบาทแล้ว จึงอยากทราบว่าส่วนต่างที่เกิดขึ้นถึง 5 พันล้านบาท มาได้อย่างไร
“จากความไม่ชอบมาพากลนี้ทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถร่วมสังฆกรรมในการพิจารณา พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ และไม่คิดว่ารัฐบาลจะกล้าหาญที่ตั้งกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อพิจารณากฎหมายที่สร้างภาระหนี้ให้กับประเทศขนาดนี้” นายสันติกล่าว