“สดศรี” ยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเว้นเอาผิด “เนวิน” ร่วมสัมมนาพรรคภูมิใจไทย ตามที่ “บรรณวิทย์” กล่าวหา ท้าผิดจริงยอมมอบตัวเองไม่รอให้จับ เตรียมแจ้งความกลับฐานแจ้งความเท็จ ปัดไม่เกี่ยว “แม้ว”โฟนอินไปที่สกลนคร โยนฝ่ายมั่นคงจัดการเอง
วันนี้(13 มิ.ย.) ที่โรงแรมเฟลิกซ์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท กาญจนบุรี นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกกต.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีไม่ดำเนินการเอาผิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่โฟนอินมาที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเพื่อสนับสนุนทุนในเลือกตั้งซ่อมส.ส.และกรณีนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยไปกระทำการในลักษณะเหมือนเป็นกรรมการบริหารพรรคสั่งการพรรคภูมิใจไทยในการจัดสัมมนาที่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ว่า กรณีนี้ไม่ใช่กกต.จะไม่ได้ทำหน้าที่ และกรณีนี้กกต.ได้ส่งคณะเพื่อลงไปทำหน้าที่หาข่าวแล้ว อีกทั้งนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง และนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนก็จะลงไปดูพื้นที่ที่จะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าที่จ.สกลนครในวันที่ 13 – 14 มิ.ย.นี้ด้วย
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวว่า กกต.ได้เร่งทำงานอยู่แล้ว และกกต.คงไม่นั่งรอให้แจ้งความฝ่ายเดียว และพร้อมจะแจ้งความเท็จกลับต่อเจ้าพนักงาน เพราะขณะนี้ถือว่ากกต.ถูกตรวจสอบอยู่ตลอด ทั้งนี้ การที่มีการฟ้องกกต.ทำให้เกิดความเสียหายต่อกกต. และการกล่าวอ้างลักษณะแบบนี้ก็ไม่มีหลักฐานด้วย เป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อกกต.
“ จะให้เราไปตามจับพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ กกต.ไม่สามารถไปออกหมายเรียกหรือหมายจับใครได้ กกต.ไม่มีอำนาจ ถ้ากฎหมายให้อำนาจกกต.คงทำไปแล้ว และคงต้องวานขอให้ตำรวจจัดการกรณีที่มีการโฟนอิน ซึ่งทางรัฐบาลมีหน่วยงานอยู่แล้ว จะบอกให้เราออกหมายจับคงเข้าใจกันผิด และการร้องเข้ามาให้กกต.สอบเลือกตั้งซ่อมก็เป็นเรื่องที่สองฝ่ายร้องกันไปมา กกต.ทำตามภารกิจที่มีอำนาจการสอลบสวนจะเป็นเรื่องอะไรถึงขนาดไหน ต่างฝ่ายต่างร้องเข้ามา ว่าหาเสียงโดยมิชอบ เราทำตามภารกิจของเราตามหน้าที่ของเรา อำนาจเรามีแค่ไหน เราทำได้แค่นั้น ขอถามว่าที่ให้ตำรวจออกหมายจับเรา ห้องขังหญิงมีพื้นที่พอแค่ไหนหากผิดจริงดิฉันจะมอบตัวจริง เพราะขณะนี้กกต.ยังไม่ได้ทำผิดใดๆ” นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวถึงเรื่องการวางตัวเป็นกลางของข้าราชการว่า ตามปกติการเลือกตั้งระดับชาติหรือเลือกตั้งซ่อม รัฐบาลต้องวางตัวให้เป็นกลาง ซึ่งการวางตัวของข้าราชการเป็นภารกิจของรัฐบาลที่ต้องมีหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่า ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
“รัฐบาลจะต้องสั่งให้รัฐมนตรีของท่านวางตัวให้เป็นกลางต้องให้ระมัดระวังในเรื่องการลงพื้นที่การลงพื้นที่จะต้องระวัง แม้รัฐมนตรีจะสวมหมวก 2 ใบก็ตาม และเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย ต้องให้ระลึกถึงอยู่เสมอว่าขณะปฏิบัติงานมีหมวกแค่ใบเดียวคือรัฐมนตรีไม่ใช่พอหลัง 4 โมงเย็นสวมหมวกอีกใบ ดังนั้น กกต.ขอติงไว้ นักการเมืองหากมีการชิงพื้นที่รุนแรงและฟ้องร้องผลเสียจะไม่ใช่เกิดที่นักการเมืองแต่จะเกิดกับประเทศชาติ ซึ่งการจัดหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงรุ่นที่ 1 เพื่อให้รู้กฎหมายหากนักการเมืองลงเลือกตั้งจะได้ไม่โดนใบเหลืองและใบแดง และรู้กฎหมายที่ถูกต้อง” นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวว่า ส่วนที่มีการมองกันว่า พรรคภูมิใจไทยได้มีการพาผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปร่วมงานสัมมนานั้น ก็ต้องดูว่าเป็นการขนคนมาลักษณะหาเสียง หรือไม่ ซึ่งต้องมีพยานหลักฐานต้องชัดเจน การที่คนมาเองอาจเป็นไปได้ มันไม่ใช่ว่าเราจะฟังชาวบ้านมีขนคนมา เราคงฟังไม่ได้ หากบอกว่าเชื่อได้ว่า เพราะหากเรื่องไปถึงศาลท่านชั่งพยานหลักฐาน และถ้ากกต.ยกก็หาว่าช่วยพรรคโน้นพรรคนี้ ตอนนี้เราอยากให้มีหลักฐานอะไรมาแสดงให้กกต.เห็นชัดเจนว่ามีการขนคน อย่าพูดต่อๆกันมา