“เครือข่ายผู้รักชาติ” ยื่นหนังสือเตือนนายกฯ เตรียมรับมือม็อบเสื้อแดง 27 มิ.ย. จี้ใช้มาตรการเด็ดขาดป้องกันใส่ร้ายป้ายสี ปลุกระดมมวลชนสานต่อเป้าหมายที่ยังทำไม่เสร็จเมื่อครั้งสงกรานต์เลือด ชี้หมดเวลาสร้างสมานฉันท์ต่อผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ องค์กรประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่รวมตัวกันในนามสมาพันธ์เครือข่ายผู้รักชาติ ได้ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 27 มิถุนายน 2552 มีเนื้อหาดังนี้
“เป็นที่ทราบโดยทั่วไปแล้วว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้มีการนัดชุมนุมกันอีกครั้งที่ท้องสนามหลวง และก่อนจะถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2552 ก็จะมีการจัดชุมนุมตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2552 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2475 ในทำนองว่า ประเทศชาติยังมิได้มีประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ เป็นที่ปรากฏชัดว่าต้องการที่จะกลับเข้ามีอำนาจโดยการนิรโทษกรรมตนเอง
ดังนั้น สมาพันธ์เครือข่ายผู้รักชาติ ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายของกลุ่มผู้รักชาติ อดีตข้าราชการ ทหาร พลเรือน และประชาชนทุกระดับ จึงมีความเห็นว่า รัฐบาลควรจะได้ดำเนินการอย่างไรกับบุคคลกลุ่มนี้ 1.ควรใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการป้องกันมิให้บุคคลกลุ่มนี้ ก่อความวุ่นวาย ใส่ร้ายป้ายสี และปลุกระดมมวลชน เพราะเชื่อว่ามิได้เป็นวิธีการที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากเป้าหมายของบุคคลกลุ่มนี้ยังไม่บรรลุผล ทั้งๆ ที่ข้อเรียกร้องก็ยังอยู่ในเรื่องและประเด็นเดิมๆ ในช่วงของการเรียกร้องในระหว่างสงกรานต์เลือด
2.บุคลลที่เป็นผู้นำกลุ่มในการปลุกระดมมวลชนล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับ และได้รับอนุญาตให้ประกันตัวไปได้หรืออนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวไป แล้วกลับมาสร้างความปั่นป่วนในบ้านเมือง พนักงานสอบสวนหรืออัยการควรยื่นคำร้องต่อศาลให้ถอนหลักประกัน เพราะแสดงให้เห็นว่าบุคคลกลุ่มนี้นั้นตราบใดที่ยังไม่บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของตนเองก็จะไม่มีวันหยุดการก่อความวุ่นวาย 3.รัฐบาลเท่านั้นที่สามารถใช้ความรุนแรงได้ ต่อผู้ก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันภัยพิบัติอันอาจจะเกิดขึ้นในบ้านเมือง วิธีการนั้นควรใช้มาตรการตั้งแต่เบาจนไปหาหนัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
4.หมดเวลาการสร้างความสมานฉันท์กับบุคคลผู้ไม่หวังดีกับชาติบ้านเมืองแล้ว เพราะเป้าหมายของบุคคลกลุ่มนี้มิใช่เพื่อการสมานฉันท์ หากปล่อยให้ดำเนินการต่อไป ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง สร้างความแตกแยกในสังคม เราต้องมาต่อสู้กับบุคคลที่คิดร้ายและไม่หวังดีกับประเทศชาติ การรวมตัวกันเป็นพรรคการเมืองของคนกลุ่มนี้ ให้ดูเหตุผลของศาลที่ยุบพรรคเดิมถึงสองครั้งเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น ทักษิณเคยพูดว่า “ถ้าผมอยู่ไม่ได้ บ้านเมืองพวกคุณก็อย่าอยู่อย่างเป็นสุขเลย”
5.นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบประเทศชาติในสภาวะไม่ปกติ ถ้าจะดำเนินนโยบายแบบสุภาพบุรุษ จะทำให้การแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่สำเร็จ จึงเรียนมาเพื่อพิจารณา”
อนึ่ง สมาพันธ์เครือข่ายผู้รักชาติที่ร่วมลงนามในหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ประกอบด้วย เครือข่ายปัญญาสยาม เครือข่ายธรรมาภิบาล เครือข่ายปวงชนต่อต้านอธรรม มูลนิธิองค์กรกลาง ป.ป.ช.ภาคประชาชน นิสิตนักศึกษา ชมรมร่วมใจไทยกู้ชาติ กลุ่มรณรงค์เพื่อต้านคอรัปชั่น เครือข่ายการเมืองของพลเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายสิทธิแม่เมาะ จังหวัดลำปาง