xs
xsm
sm
md
lg

“เรืองไกร” ยังเคือง กกต. ร้อง ป.ป.ช.สอบใช้เงินกองทุนจัดอบรม ส.ส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา
“เรืองไกร” ยังเคือง กกต.ไม่เลิก ยื่น ป.ป.ช.สอบเหตุใช้เงินกองทุนพัฒนาการเมือง จัดอบรม ส.ส.-ผู้บริหารพรรคการเมือง-จนท.รัฐ ชี้ขัดต่อกฎหมายเข้าข่ายให้ทรัพย์สินเจ้าหน้าที่รัฐ

วันนี้ (8 มิ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ได้ทำหนังสือถึงประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 10 (14) หรือไม่ กรณีที่กกต.ได้จัดหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 1 ประจำปี 2552 เพื่ออบรมแก่บุคคลกลุ่มต่างๆ เช่น ส.ส. กรรมการบริหารพรรคและผู้บริหารพรรคการเมือง ผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยราชการ บุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาอบรม เนื่องจากได้รับงบประมาณมาจากคณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาการเมือง โดย กกต.จะเป็นผู้พิจารณารับสมัครผู้เข้าอบรมจำนวน 85 คน เท่ากับว่าเป็นการกำหนดในกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงมิใช่ประชาชนทั่วไป ซึ่งไม่ใช่เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนหรือประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่ให้การศึกษาอบรมแก่ประชาชนทั่วไป ตามกฎหมาย กกต.

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า กลุ่มบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับการศึกษาอบรม มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเมื่อไปรับการศึกษาอบรมในหลักสูตรดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามบทบัญญัติในมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด” ซึ่งหากเข้าข่ายความผิด หัวหน้าหน่วยงานใดของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ให้ความยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมารับการศึกษาอบรมจะต้องรับผิดตามบัญญัติแห่งกฎหมายใดหรือไม่ ดังนั้นจึงขอให้กรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาตรวจสอบด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น