xs
xsm
sm
md
lg

ไข่แม้วสาดโคลน “มาร์ค” ชี้เกมซื้อหรือเช่ารถเมล์ แค่ต่อรองร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
“เพื่อไทย” ตั้งทีมโฆษกพรรคเพิ่มผสมโรงเชียร์ “สมศักดิ์” สับรัฐบริหารงานแบบซื้อเวลา เหน็บมีแต่ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้พรรคร่วม-ปชป. ปูดข่าว “ภูมิใจไทย” ใช้งบผ่าน 5 เสือท้องถิ่น แนะจับตาฤดูโยกย้ายล้างบาง ขรก.ปกครอง หวังชนะเลือกตั้งซ่อมสกลนคร เตรียมขนแกนนำ-ยิ่งลักษณ์ ช่วยผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมสกลนคร-ศรีสะเกษ

วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีคำสั่งแต่งตั้งนายพิทยา พุกกะมาน เป็นผู้ช่วยโฆษกพรรค เพราะนายพิทยาเป็นถึงอดีตเอกอัครราชทูตในหลายประเทศและยังเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้วย นอกจากนี้ยังจะมีการแต่งตั้ง ส.ส.อีก 6 คนมาร่วมทำหน้าที่นี้ด้วย โดยหัวหน้าพรรคจะมีการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งต่อไป

นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาว่า ประชาชนคงเห็นแล้วว่ารัฐบาลนี้ไม่มีผลงานและซื้อเวลา เพราะแม้แต่แกนนำพรรคภูมิใจไทยที่มีบารมีนอกพรรค คือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย ก็ยังออกมาบอกว่ารัฐบาลบริหารงานแบบรายวัน ไม่มีผลงาน ซึ่งพรรคเพื่อไทยสรุป 3 เหตุการณ์ที่รัฐบาลซื้อเวลาได้ ดังนี้ 1.การซื้อเวลาเรื่องการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันที่ ครม.ให้สภาพัฒน์ไปศึกษาเป็นเวลา 1 เดือนว่าจะเช่าหรือซื้อนั้น เพราะนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย บอกว่าต้องเช่าแต่นายอภิสิทธิ์บอกว่าต้องซื้อเท่านั้น สุดท้ายแล้วคนที่เศร้าคือประเทศไทย เพราะนายกฯ ซื้อเวลาเพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 รวมทั้ง ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน ซึ่งเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมเสียเปรียบอยู่แล้ว

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า 2.ซื้อเวลาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะวันนี้การค้าแย่ การลงทุนลดลง การส่งออกต่ำ การท่องเที่ยวซบเซา ราคาพิชผลการเกษตรตกต่ำ แต่รัฐบาลกลับบริหารเศรษฐกิจแบบรายวัน นายอภิสิทธิ์เปรียบเหมือนกัปตันเรือที่ร่วมกับนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ซึ่งไม่เคยออกทะเลไปหาปลา เมื่อเจอฝูงปลาก็ไม่รู้วิธีจับปลา จนทำให้พรรคร่วมรัฐบาลและประชาชนรู้สึกว้าเหว่กับกัปตันเรือมือใหม่ ดังนั้น อยากถามว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลยกมาอ้างนั้นเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของพรรคร่วมรัฐบาล ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือของประเทศ เพราะร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทและร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทนั้นไม่มีการลงรายละเอียดใดๆ เลย และ 3. ซื้อเวลาในการแก้วิกฤตการเมือง ซึ่งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯและคณะอนุกรรมการฯ ที่มีการตั้งขึ้นนั้นมีการเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้หลายประเด็นที่น่าจะแก้วิกฤตการเมืองได้ ซึ่งจะมีการเสนอต่อประธานรัฐสภาและนายกฯ ต่อไป เช่น การแก้ไขรัฐธรรมูญมาตรา 237 ดังนั้นเรื่องนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลว่า จะเป็นเพียงแค่การบริหารงานแบบซื้อเวลาหรือไม่

นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยได้รับข้อมูลจากประชาชนว่า การสัมมนาแบบดำนาหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยที่จ.สกลนครนั้น เป็นเพียงการเล่นละครน้ำเน่า จัดสัมมนาบังหน้าแต่แอบหาเสียงตบตาชาวบ้าน ดังนั้น ขอร้องเรียนไปยัง กกต.ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่า มีการใช้อำนาจรัฐและงบประมาณของรัฐผ่าน 5 เสือท้องถิ่น อาทิ กำนัน 1หมื่นบาท ผู้ใหญ่บ้าน 5 พันบาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 3 พันบาท และ อบต.2 คนๆ ละ 5 พันบาท รวมทั้งสิ้น 2.8 หมื่นบาท จริงหรือไม่ รวมทั้งขอให้สังคมติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยอย่างใกล้ชิดด้วย

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ขอให้สังคมจับตาการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย และกระทรวงที่รัฐมนตรีของพรรคนี้ดูแลด้วย เพราะมีความพยายามที่จะทำทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อำนาจรัฐ เพื่อหวังที่จะชนะการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนครครั้งนี้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในภาคอีสาน เพื่อต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ และยังเป็นการสร้างกระแสใหม่ในภาคอีสาน เพื่อดึง ส.ส.พรรคต่างๆ ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมของคนอีสานนั้นซื่อสัตย์และต้องการนโยบายที่จับต้องได้ ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า พรรคภูมิใจไทยกำลังเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งใหม่โดยใช้อำนาจรัฐ หวังเพิ่มพื้นที่ในภาคอีสานหรือไม่ เพราะล่าสุดมีการโยกย้ายรองผู้ว่าฯ ถึง 24 ตำแหน่งโดยไม่มีการแตะพื้นที่ภาคใต้เลย แสดงให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยแตะมือกับพรรคประชาธิปัตย์แบ่งเค้กอำนาจการจัดสรรข้าราชการลงคุมพื้นที่ ดังนั้นเชื่อว่าก่อนสิ้นปีงบประมาณนี้จะมีการโกยย้ายข้าราชการล็อตใหญ่ในทุกกระทรวงเพื่อจัดสรรงบประมาณและอำนาจอย่างแน่นอน โดยพรรคประชาธิปัตย์จะได้ในพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง และ กทม. ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะได้ในภาคอีสานและภาคเหนือเป็นหลัก

นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 8 มิ.ย.แกนนำพรรคจะปราศรัยใหญ่ ช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม จ.สกลนคร ของพรรคหาเสียงที่ ต.หนองหลวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยมีแกนนำลงช่วยปราศรัยอย่างพร้อมเพรียง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรค นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. ส.ส.อีสานทุกคนของพรรค และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะเดินทางไปพบปะประชาชนด้วย สำหรับในวันที่ 18-20 มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อม จ.สกลนครนั้น พรรคจะยกทัพใหญ่ไปช่วยหาเสียงอีกครั้งด้วย นอกจากนี้ ในวันที่ 26 มิ.ย.พรรคจะยกทัพใหญ่ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงรับเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ศรีสะเกษด้วย

นายพร้อมพงศ์ยังแถลงถึงกรณีที่นายธานี เทือกสุบรรณ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและเลขาธิการพรรค ถูกศาล จ.สุราษฎร์ธานีสั่งให้เลือกตั้งใหม่และให้ดำเนินคดีต่อนายธานีและนายสุเทพด้วยว่า ขอเรียกร้องจริยธรรมและความรับผิดชอบทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์โดยนายสุเทพว่า นายสุเทพควรจะต้องลาออก เพราะเมื่อตำรวจดำเนินการสอบสวนคดีนี้ก็อาจจะทำสำนวนแบบกล้าๆกลัวๆ สุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู ซึ่งหากนายสุเทพยังเป็นนักการเมืองอย่างหนาเรียกพี่แบบนี้ กฎเหล็ก 9 ข้อของนายกฯ ก็จะเป็นเพียงกระดาษเปื้อนหมึกหรือลมปากเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ไปปรากฏตัวในการสัมมนาพรรคภูมิใจไทย และยังประกาศว่าจะร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยเพราะอึดอัดการทำงานของพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนอุดมการณ์เปลี่ยน นายจุมพฎพูดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือไม่ เพราะบางคนอ้างว่าเป็น ส.ส.ของประชาชน แต่เมื่อต้องเป็นฝ่ายค้านกลับจะเป็นจะตาย เมื่อมีคนเสนองบประมาณในพื้นที่ให้ก็ยอมเสียตัวให้กลับสิ่งที่มีการเสนอมา นักการเมืองเเบบนี้ประชาชนจะเป็นผู้พิพากษา เพราะวัฒนธรรมทางการเมืองในภาคอีสานนั้นจะซื่อสัตย์ อีกทั้งเมื่อจากไปก็ไม่ควรจะโจมตีบ้านเดิมที่เคยอาศัย

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยประมาณ 10 คนที่พร้อมจะย้ายพรรคหากมีการเลือกตั้งนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า วันนี้พรรคเสีย ส.ส.ไป 2 คน คือ นายจุมพฏ และนายปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี ที่ไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย แต่เรื่องนี้ยังไม่น่ากลัวเท่าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีข่าวว่า ส.ส.12-14 คนพร้อมย้ายพรรคทันทีหากมีการเลือกตั้งใหม่ แสดงให้เห็นว่ามีการบริหารแบบกินรวบจนคนในพรรคคับข้องใจหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น