ส.ว.สรรหา ลั่นไม่เห็นด้วยรัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน เชื่อรัฐงุบงิบออกเป็น พ.ร.ก.หวังเลี่ยงสภาสอบ ซัดไม่มีหลักประกันการใช้เงิน เหน็บเป็นโครงการไทยเข้มแข็งหรือนักการเมืองเข้มแข็งกันแน่ สงสัยหวังยื้อเมล์ฉาว ให้สภาผ่านร่างงบประมาณ-กู้เงินก่อน ขู่เดินหน้าตรวจสอบเต็มที่
วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านของรัฐบาล ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแล้วว่าสามารถทำได้ แต่ในฐานะ ส.ว.จะใช้อำนาจตรวจสอบตามมาตรา 184 โดยยืนยันว่า จะไม่อนุมัติให้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบ เพราะมีประเด็นใหญ่ที่น่าสงสัยคือรัฐบาลใช้อำนาจ โดยไม่ผ่านการตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่ง พ.ร.ก.ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการไทยเข้มแข็ง ควรเสนอเข้ามาตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ไม่ใช่เป็น พ.ร.ก.กู้เงิน
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า ตนรับได้ที่รัฐบาลระบุว่าจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม เพื่อไปชดเชยการจัดเก็บรายได้ที่ไม่เข้าเป้า แต่ควรออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงินแค่ 2 แสนล้าน โดยรัฐบาลบอกตัดงบประมาณลง 2 แสนล้านบาท แต่กลับเอามาเพิ่มใน พ.ร.ก.ฉบับนี้แทน เป็นวิธีการหลบเลี่ยงการตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ในอนาคตจะมีหลักประกันอะไรที่ไม่ให้รัฐบาลจะใช้งบประมาณแบบดิบเถื่อนเช่นนี้อีก จึงถือว่าเป็นการเสียวินัยการเงิน การคลัง และเป็นการผิดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง
“ผมอยากถามว่า เป็นโครงการไทยเข้มแข็งหรือโครงการใครเข้มแข็งกันแน่ และมีนักการเมืองเข้มแข็งจากเงินที่ตกหล่นเข้ากระเป๋าจากการใช้งบประมาณเหล่านี้หรือไม่ สื่อมวลชนได้ตั้งข้อสังเกตว่า มติครม.ที่ให้เลื่อนออกไป 1 เดือน เพื่อรอให้สภาผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ และ พ.ร.ก.กู้เงิน นั้น ก็คิดว่า ช่างบังเอิญ หากคนจะคิดว่ามติ ครม.ดังกล่าวเป็นการยื้อเวลาเพื่อให้ผ่าน พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.จึงอยู่ที่กระแสสังคมว่าจะเห็นอย่างไร หรือในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองจะตกลงอย่างไร แต่ที่แน่ๆ นักการเมืองแฮปปี้กันถ้วนหน้า คือ สามารถกู้เงินได้แล้ว 8 แสนล้านบาท สังคมอาจมองว่านักการเมืองฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ร้าย ขณะที่อีกฝ่ายเป็นผู้ปราบผู้ร้าย แต่สังคมอาจมองได้ว่าเป็นผู้ร้ายทั้งคู่” นายคำนูณ กล่าว
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า วุฒิสภามีอำนาจในการตรวจสอบ โดยได้ดำริร่วมกันว่าจะเป็นสภาตรวจสอบ เพื่อให้การบริหารงานของรัฐบาลโปร่งใส หากรัฐบาลโปร่งใสไม่ต้องกลัวการถูกตรวจสอบ