รมว.คมนาคม ปฏิเสธเล่นปาหี่โครงการรถเมล์เช่า ยืดอกรับประกันยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ดันทุรังชงเข้าสู่ที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ เตรียมเข้าพบ “สุเทพ-ชวรัตน์” หารือนอกรอบวันนี้ ด้าน ปธ.สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เตือนรัฐบาลให้ชะลอการพิจารณา เชื่อหาข้อยุติไม่ได้กระทบเสถียรภาพรัฐบาลแน่
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิเสธถึงกระแสความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะกรณีโครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คันนั้น เป็นการเล่นปาหี่กันภายในรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าโครงนี้ได้ผ่านการถกเถียงและตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติ โดยยืนยันว่าข้อถกเถียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผลประโยชน์ตกเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
พร้อมกันนี้ นายโสภณยืนยันว่า ตนจะนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) อย่างแน่นอน อีกทั้งตนก็ได้เตรียมข้อมูลที่จะชี้แจงต่อที่ประชุมไว้พร้อมแล้ว ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโสภณ เตรียมจะเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อหารือถึงปัญหาดังกล่าว
ด้าน นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลควรชะลอโครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน ไว้ก่อน เนื่องจากยังไม่สามารถอธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงข้อดี-ข้อเสียที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังประสบปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณ หรือเข้าข่ายถังแตก จึงยังไม่ควรเร่งเดินหน้าโครงการดังกล่าว ส่วนความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนั้น มองว่าหากสามารถตกลงร่วมกันได้โดยเร็วในการชะลอโครงการไว้ก่อน ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลมากนัก แต่หากมีการทุบโต๊ะกันแตกหัก ก็ย่อมมีผลกระทบเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะใช้โครงการประกันสินค้าเกษตรแทนการใช้รับจำนำนั้น นายโคทมมองว่าน่าจะดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาโครงการเดิมมีแต่ทำให้รัฐบาลขาดทุน แต่ควรศึกษาข้อดี-ข้อเสียให้ชัดเจนก่อน และควรชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจก่อนที่จะเริ่มโครงการใหม่
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า วัตถุประสงค์ที่คณะรัฐมนตรีต้องให้กลับนำไปพิจารณาใหม่ เนื่องจากต้องทำให้เกิดความมั่นใจของประชาชนและสังคม ว่าเป็นโครงการที่คุ้มค่า และหากสามารถสร้างความเชื่อมั่นตรงนี้ได้ ก็ให้รายงานกลับมาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้