xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ วอนอาเซียนจับมือต่อสู้วิกฤตการณ์ แม้ผลกระทบจะไม่รุนแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อภิสิทธิ์” กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดภาคธุรกิจอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อร่วมมือกันเผชิญหน้าต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องพลังงาน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและโรคระบาดแม้จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ

วันนี้ (31 พ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม-2 มิถุนายน ณ เกาะเจจู สาธารณรัฐเกาหลี รายงานว่า นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษ ของกองทัพอากาศ มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเจจู เวลา 23.55 น.ของวันที่ 30 พฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง มี นายมุน ฮา ยอง เอกอัครราชทูตประจำจังหวัดเจจู ในฐานะผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี มาคอยให้การต้อนรับ ก่อนที่คณะของนายกรัฐมนตรีจะเดินทางเข้าที่พัก ณ โรงแรมชิลลา

นายกรัฐมนตรีได้เริ่มภารกิจแรก เวลา 14.00 น.วันนี้ (31 พ.ค.) ด้วยการเดินทางเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดภาคธุรกิจอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-ROK CEO Summit) ที่ ศูนย์ประชุมนานาชาติ (ICC) มีผู้แทนนักธุรกิจในภูมิภาค ประมาณ 400 คน โดยมีตัวแทนนักธุรกิจไทยจากสาขาต่างๆ อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ประมาณ 30 คน เข้าร่วมประชุม

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุม ในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และความร่วมมือ เพื่อความรุ่งเรืองของเอเชียร่วมกัน” (Change, Challenge, and Collaboration for Asia’s Prosperity) มีใจความสำคัญว่า สถานการณ์ปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จนทำให้โลกเต็มไปด้วยเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ โดยเฉพาะอาหารและพลังงาน กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญในเรื่องความมั่นคงของโลก ขณะที่ เรื่องของสภาพอากาศ และเสถียรภาพของระบบการเงินโลก กลายเป็นเรื่องที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ

“สิ่งที่ท้าทายเร่งด่วนของเราขณะนี้ คือ ทำอย่างไรที่จะสามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลก รวมทั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ดังนั้น สิ่งที่อยากจะสื่อในวันนี้ คือ วิกฤตทำให้เกิดความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปองค์กร รวมทั้ง กฎ ระเบียบต่างๆ ที่ล้าหลัง และการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรื่องเหล่านี้ หากเป็นสถานการณ์ธรรมดา คงไม่สามารถทำได้ และเชื่อว่า อาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และมีความร่วมมือ เพื่อทำให้ข้อริเริ่มต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับการเผชิญหน้ากับความถดถอยทางเศรษฐกิจ มีความจำเป็นที่ภาครัฐและเอกชน ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล และอำนวยความสะดวก รวมทั้งการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเสรีของแรงงานในชุมชนอาเซียน ปี 2015 แต่สำหรับอาเซียนแล้ว เชื่อว่านักธุรกิจเกาหลียังสามารถแสวงหาโอกาสทางการค้า และการลงทุนได้อีกมาก เพราะอาเซียนได้รับผลกระทบจากวิกฤตปัจจุบันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ

ทั้งนี้ ในปี 2551 มูลค่าการค้าระหว่างอาเซียนกับเกาหลี มีสูงถึง 90.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าการลงทุนประมาณ 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเกาหลีเป็นคู่ค้าสำคัญระดับ 5 และลงทุนสูงสุดในระดับที่ 4 ของอาเซียน ส่วนปี 2550 มีนักท่องเที่ยวเกาหลีกว่า 3.5 ล้านคน เดินทางมาท่องเที่ยวในอาเซียน ทำให้เกาหลีเป็นตลาดท่องเที่ยวที่ใหญ่อันดับ 4 สำหรับอาเซียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์จบลง ก็ได้ลงจากเวทีพร้อมกับประธานาธิบดีเกาหลี นายกรัฐมนตรีพม่า ลาว และ กัมพูชา เพื่อจับมือทักทายกับนักธุรกิจประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น