เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการรายวัน - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียครั้งใหญ่ในวันพุธ (6) โดยคาดว่าจะอยู่ที่ราว 1.3 % ในปีนี้ และระบุว่าเอเชียจะประสบกับ "ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงและกินเวลานาน" เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก สำหรับประเทศไทยนั้น ได้รับการคาดการณ์ว่าปี 2009 จีดีพีจะวูบ -3.0% และกระเตื้องขึ้นเป็น 1.0% ในปีหน้า
ก่อนหน้านี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2008 ไอเอ็มเอฟเคยคาดการณ์ว่าปีนี้เอเชีย (รวมทั้งญี่ปุ่น) จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 2.7 % แต่เมื่อวิกฤตการณ์การเงินโลกส่งผลกระทบอย่างรวดเร็วและรุนแรงต่อเอเชีย จึงต้องปรับลดตัวเลขคาดหมายลงมาที่ 1.3 % นอกจากนั้น ยังปรับลดการคาดหมายอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2010 ลงมาอยู่ที่ 4.3 % จากเดิมที่เคยคาดว่าจะอยู่ที่ 4.5 % ด้วย
"แนวโน้มที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวในระยะเวลาอันใกล้นี้มีน้อยมาก" ไอเอ็มเอฟระบุในรายงาน "ทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาค" และเน้นย้ำว่าเป็นเพราะภูมิภาคนี้พึ่งพาการส่งออกสูง ในขณะที่ดีมานด์กำลังลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ทรุดดิ่ง
ส่วนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น ไอเอ็มเอฟได้ลดการคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลงมาอยู่ที่ 3.3 % จากเดิม 4.4 % และในปี 2010 จะมีการเติบโตอยู่ที่ 5.4 % จากที่คาดไว้เดิม 6.0 %
ทั้งนี้ แม้แต่ประเทศที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง "ก็คาดว่าจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงและกินเวลานาน" เพราะพึ่งพิงการส่งออกสูง โดยเฉพาะกุล่มสินค้าไฮเทค อีกทั้งยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับระบบการเงินโลกอย่างมากด้วย
โจชัว เฟลแมน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ของไอเอ็มเอฟระบุว่า ยอดส่งออกสินค้าในช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้วจนถึงกุมภาพันธ์ปีนี้ของเอเชียลดลงในอัตราสูงถึง 70% ต่อปี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าช่วงวิกฤตการณ์ทางเงินในเอเชียเมื่อปี 1997-1998 เสียอีก
เฟลแมนอธิบายว่าสาเหตุที่เอเชียได้รับผลกระทบรุนแรงก็เพราะเป็นภูมิภาคที่เข้าไปเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกอย่างมาก "หลายประเทศพึ่งการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ... ซึ่งเป็นกลุ่มที่ดีมานด์ทั่วโลกหดหายไป"
เฟลแมนยังชี้ด้วยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของรัฐบาลหลายประเทศในเอเชียคงไม่อาจช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจในภูมิภาคให้กลับคืนมาได้ และการดีดตัวกลับก็ยังขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นเมื่อไรด้วย
"เมื่อไรที่การส่งออกตกลง เอเชียก็จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามไปด้วย และเอเชียจะไม่ฟื้นตัวจนกว่ายอดส่งออกจะกระเตื้อง" เขาบอก
ทั้งนี้ ในรายงานของไอเอ็มเอฟได้เรียกร้องให้เอเชีย "ปรับสมดุล" ของโครงสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจเสียใหม่ และหันไปมุ่งเน้นที่การกระตุ้นความต้องการของตลาดภายในประเทศให้มากขึ้น
ตัวแบบการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ใช้การส่งออกเป็นตัวนำนั้น "อาจจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนเท่ากับเมื่อก่อนอีกแล้ว" เนื่องจากภาคครัวเรือนในประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าค่อนข้างระมัดระวังการใช้จ่ายเงินกันมากขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ส่วนญี่ปุ่นซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียก็คาดว่าจะมีการหดตัวถึง 6.2 % ในปีนี้ โดยเป็นระดับที่รุนแรงกว่าปีที่แล้วซึ่งหดตัวราว 0.6 %
สำหรับจีน คาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 6.5 % ในปีนี้ และ 7.5 % ในปี 2010 ขณะที่อินเดียอยู่ที่ระดับ 4.5 % ในปีนี้
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไอเอ็มเอฟระบุว่ามาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทยจะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นเนื่องจากพึ่งพาการส่งออกสินค้ากลุ่มไฮเทคอย่างมากเช่นกัน ส่วนฮ่องกงและสิงคโปร์ซึ่งมีเศรษฐกิจเปิดกว้างที่สุด มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะหดตัวถึง 4.5 % และ 10 % ตามลำดับ
เฉพาะประเทศไทย รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟคาดว่าปีนี้จะ -3.0% แล้วกระเตื้องขึ้นในปีหน้าที่ 1.0% จากที่ได้เคยพยากรณ์ไว้ในไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วที่ 1.2% และ 2.8% ตามลำดับ