“เฉลิมชัย” เปิดใจคุย “ชวน” แล้ว ยันมีกระบวนการปล่อยข่าวจากคนในพรรค สื่อจับเรื่องโยง จนเกิดเรื่อง ทำติดร่างแห ลั่น เป็นลูกผู้ชายกล้าพูดกล้ารับ ไม่ใช่คนปากพล่อย สอพลอหวังเอาตำแหน่ง ชี้ หากปรับ ครม.อาจเกิดแรงกระเพื่อมในพรรค วอน ยุติเรื่องทั้งหมด ยัน ไม่คิดย้ายรัง พร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพรรค
วันนี้ (27 พ.ค.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังมีกระแสข่าวเกี่ยวโยง ว่า ตนและกลุ่มเพื่อน ส.ส.ภาคกลาง ออกมาเรียกร้องให้มีการปรับ ครม.ในส่วนของพรรค ว่า ในเรื่องนี้ตนได้เข้าพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงของที่มาที่ไปทั้งหมด ว่า ที่ผ่านมา ตลอด 8 ปีที่ตนทำงานให้พรรค ตนพูดตรงเกินไป ที่มาของเรื่องเกิดจากการประชุมพรรค ที่ตนได้เปิดใจว่าพรรคมีคนเก่งมากแต่คนกล้าน้อย ส.ส.คาดหวังกับการทำงานของรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ส.หลายคนคิดตรงกันแต่ไม่กล้าพูด เมื่อตนพูดก็ถูกโยงว่าไม่พอใจ สื่อจึงจับมาเป็นประเด็นและโยงเข้าถึงกรณีการปรับ ครม.ทั้งที่เรื่องนี้มีคนปล่อยข่าว โดยแอบอ้างใช้ชื่อตนว่าเป็นกลุ่ม 40 ส.ส.ซึ่งข่าวที่ปล่อยออกมาก็มาจากคนในพรรค และเรื่องก็เกิดจากมีคนเอาข่าวทั้งหมดออกมายำเป็นข่าวเดียวกัน ทำให้ตนกลายเป็นคนที่ติดอยู่ในแห พอมีข่าวทุกข่าวก็เลยพุ่งมาที่ตน จนเรื่องทั้งหมดมาโยงกับวันที่มีการจัดงานวันเกิดของ ส.ส.พรรค ที่ร้านนางกวัก ซึ่งวันนั้นตนไม่ทราบว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ จะมาร่วมด้วย ซึ่งข่าวก็ออกมาจากไหนไม่ทราบว่าตนเดินกอดคอนายศักดิ์สยาม เข้างาน เรื่องนี้ ส.ส.รวมถึงรัฐมนตรีของพรรคที่ไปร่วมงานก็ทราบ แต่ไม่มีใครออกมาพูดเรื่องนี้ และยังมีการพาดหัวถึงกลุ่ม 40 ส.ส.ซึ่งข่าวทั้งหมดไม่ได้เกิดจากตน แต่เกิดจากคนอื่น แต่เมื่อยิ่งมีการปล่อยข่าวออกมา กระแสต่างๆ ก็พุ่งมาที่ตนคนเดียว จนทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจผิด
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า โดยเฉพาะในงานการสัมมนา ส.ส.พรรค ที่เกาะสมุย ซึ่งตนขึ้นไปร้องเพลงหิ่งห้อย กับ แสงตะวัน ที่ดัดแปลงเนื้อเพลงเองนั้น หลังจากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้นำดอกกุหลาบสีขาวมามอบให้ พร้อมกระซิบข้างหูว่า “ที่นำดอกไม้มาให้เพราะเห็นว่าท่านรองมี ส.ส.อยู่ 40 นะ” ตนจึงได้ตอบ นายอภิสิทธิ์ ผ่านไมค์หลังร้องเพลงจบ ซึ่งได้ยินกันทั่วว่า “ไม่ได้มีแค่ 40 แต่อาจมีมากกว่านั้น” ซึ่งคนอื่นที่ไม่ได้ยินการกระซิบของนายอภิสิทธิ์กับตน อาจเข้าใจว่า ตนท้าทาย ทั้งที่ตนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับนายอภิสิทธิ์มาตั้งแต่สมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เป็นรองหัวหน้าพรรค และตนเป็นกรรมการบริหารพรรค โดยรู้จักมักคุ้นมาด้วยดี จึงกล้ากระเซ้าเย้าแหย่กัน
“วันนี้ทุกอย่างพอผมไม่ชี้แจง เลยกลายเป็นว่าข่าวที่ออกมากลายเป็นคนละเรื่องกับความเป็นจริง ยืนยันว่า ผมเล่นการเมืองแบบเปิดหน้าไม่เคยเรียกร้อง ต่อรองตำแหน่งกับใคร รวมถึงในอนาคตด้วย ผมเป็นลูกผู้ชายพอ กล้าพูดกล้ารับ พูดสอพลอคนไม่เป็น ไม่เป็นอีแอบปล่อยข่าวแน่นอน ผมถือคำพูดเป็นใหญ่ ไม่ใช่เป็นคนปากพล่อยพูดอะไรส่งๆ ไปวันๆ ”นายเฉลิมชัยกล่าว
เมื่อถามว่า แต่ข่าวก็ยังไม่จบ เพระยังมี ส.ส.ออกมาพูดอยู่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ที่ นายอภิชาติ สุพาแพ่ง พูดนั้น เขาพูดด้วยความรู้สึกของเขาเอง แต่ต่อมา นายอภิชาติ ก็โทรศัพท์มาขอโทษตนที่พูดโดยไม่แจ้งก่อน ตนก็บอกไปว่าเรื่องเกิดขึ้นแล้วจะทำอย่างไรได้ นายอภิชาติก็ไปจัดการกับข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ก็มีผลกับตนเองโดยตรง นายอภิชาติ ก็ไปแก้ว่าไม่ได้มีกลุ่ม 40 ส.ส.แต่อย่างใด ที่ นายอภิชาติ พูดอย่างนั้น เพราะพูดในสิ่งที่ควรจะเป็น ในส่วนของ ส.ส.คนอื่นนั้นช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุม ตนจึงไม่ค่อยได้เจอ จึงไม่ทราบว่าจะไปมีการไปพูดที่อื่นหรือไม่ ตนอยากให้เรื่องนี้จบ วันนี้ตนไม่ได้อยากเป็นรัฐมนตรี ที่เกาะสมุยตนพูดกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้วยซ้ำว่าอย่าปรับ ครม. เพราะจะเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคร่วมรัฐบาล
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ภายจากการเข้าพบ นายชวน ทำให้ตนได้รับการแนะนำว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ต้องรีบชี้แจงทำความเข้าใจกับสื่อ เพื่อสื่อสารไปยังประชาชนให้รับทราบข้อเท็จจริง เพราะไม่อย่างนั้นจะมีกระบวนการปล่อยข่าวของกลุ่มอีแอบที่สอพลอ อาศัยสถานการณ์สร้างข่าวปล่อย เพื่อหาผลประโยชน์จากข่าวลือข่าวลวง ซึ่งก็เป็นเรื่องดีทำให้ตนได้รู้จักคนมากขึ้น
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวระบุว่า กลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง ของ นายเฉลิมชัย จะย้ายไปอยู่พรรคพันธมิตรฯ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง มีภาระมากกว่า ส.ส.ทั่วไป หากพรรคเสียหาย ตนก็กระเทือนด้วย สิ่งที่ตนพูดและทำวันนี้เพื่อปกป้องพรรค คำถามเรื่องการย้ายพรรควันนี้ไม่ควรมีด้วยซ้ำ