อนุฯ รวบเหตุการณ์ใน มท.ทุบรถนายกฯ นัดประชุมวันแรกวางกรอบการทำงาน เตรียมสรุปส่งชุดใหญ่ 20 มิ.ย.นี้ เตรียมนัด “พัชรวาท” เข้าแจงพุธนี้ ด้านสมุนไข่แม้วปากพล่อยเสียดสีสื่อเอียงเข้าข้างนายกฯ รู้เห็นจัดฉากใช้มุมกล้องช่วย พาลหาเรื่องขอพึ่งใบบุญสื่อต่างชาติช่วย ด้าน บก.สื่อยันจรรยาบรรณสูงกว่านักการเมือง
วันนี้ (25 พ.ค.) ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยเป็นนัดแรก โดยมีนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถิ์ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้กำหนดกรอบการทำงานโดยสรุปประเด็นภาพรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กระทรวงมหาดไทยในวันที่ 12 เม.ย. และศึกษาเจาะลึกในประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม อาทิ นายกรัฐมนตรีอยู่ในรถประจำตำแหน่งหรือไม่ การทุบรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการจัดฉากหรือไม่ และข้อกล่าวหาที่ว่าในเหตุการณ์มีผู้ชุมนุมที่เป็นแดงแท้และแดงเทียมเป็นจริงเพียงใด รวมถึงข้อสงสัยที่ว่ามีการใช้อาวุธปืนทำร้ายผู้ชุมนุมเสียชีวิตและมีการซ่อนศพในกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ ทั้งนี้ การศึกษาจะมุ่งเจาะลึกความจริงของเหตุการณ์เพื่อตอบคำถามที่คลางแคลงใจประชาชน พร้อมทั้งจะสรุปผลการประชุมให้กับคณะกรรมการชุดใหญ่ให้ได้ภายในวันที่ 20 มิ.ย.นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติว่าในการประชุมวันที่ 27 พ.ค.จะเชิญ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มาให้ข้อมูลภาพรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่กระทรวงมหาดไทย และศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังจะได้เชิญตัวแทนของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ได้มีการรวบรวมคำบอกเล่าจากผู้สื่อข่าวสนามในวันเกิดเหตุมาให้ข้อมูลด้วย ทั้งนี้ เพื่อความสมบรูณ์ของการประมวลภาพรวมเหตุการณ์จะทำหนังสือขอภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ทั้งของไทยและต่างประเทศเพื่อตรวจสอบภาพรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมมีการเสนอความเห็นขัดแย้งระหว่างอนุกรรมการจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยหลังจากที่ประชุมมีความเห็นให้ขอข้อมูลจากมุมมองของผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศ โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อนุกรรมการฯ กล่าวว่า ธรรมชาติของนักข่าวที่ติดตามนายกรัฐมนตรี บางทีก็มีความสนิทสนมอาจจะเป็นใจ ใช้บางมุมกล้องช่วยได้ อย่างกรณีนักข่าวที่อยู่ประจำพรรคไหนก็มักจะเป็นใจกับพรรคนั้น ดังนั้น เรื่องนี้ควรขอข้อมูลจากนักข่าวต่างประเทศด้วย เพราะนักข่าวต่างประเทศมีมุมมองแตกต่างจากนักข่าวไทย และจะได้ข้อมูลที่เป็นความจริงไม่เอียงซ้ายเอียงขวา
ด้าน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อนุกรรมการฯ กล่าวว่า นักข่าวไทยมีจรรยาบรรณพอ และตนเชื่อว่าในสถานการณ์เช่นนั้นคงไม่มีนักข่าวคนใดมีใจเข้าข้างใดข้างหนึ่ง เพราะทุกคนมุ่งที่จะทำงานเหมือนกัน
ขณะที่ นายชิงชัย รุ่งละโภ บรรณาธิการข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์บ้านเมือง อนุกรรมการตัวแทนสื่อมวลชนกล่าวว่า การทำงานในวันเกิดเหตุมีผู้สื่อข่าวมาทำข่าวหลายสาย ไม่เฉพาะผู้สื่อข่าวที่ติดตามนายกรัฐมนตรี เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเชื่อว่าจะไม่มีการปรุงแต่งเหตุการณ์ขึ้นอย่างแน่นอน