xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก ปชป.ทำใจข่าวสมองไหลออก ยัน ส.ส.ยังรักพรรคเหนียวแน่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
“นพ.บุรณัชย์” ระบุเป็นเรื่องธรรมดาข่าว ส.ส.พรรคไหลออก โอ่ก็คนอยากไหลเข้าพรรคมากกว่า ยืนยัน ส.ส.ภาคกลางยังรักประชาธิปัตย์ ย้ำ “ไกรศักดิ์-สมเกียรติ” ยังอยู่ช่วยทำงานพรรคต่อ พร้อมชี้ปัญหาการเมืองฉุดเศรษฐกิจไตรมาสแรกถดถอยน้อยกว่าปี 40 แนะภาครัฐลงทุนโครงการใหญ่หวังกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ

วันนี้ (26 พ.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่มี ส.ส.ภาคกลางออกมานำเสนอให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคเป็นรัฐมนตรี แต่นายกฯ ระบุว่าไม่เคยรับปากว่าจะให้นายเฉลิมชัยได้เป็นรัฐมนตรีในการปรับ ครม.ครั้งหน้าจะทำให้ปัญหาในพรรคยิ่งมีมากขึ้นหรือไม่ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีหลักเกณฑ์เดียวในการคัดเลือกผู้เป็นรัฐมนตรี คือ ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ หรือเป็นหัวหน้าที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่ขณะนี้ภารกิจสำคัญไม่ใช่เรื่องข้อกังวลเกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคก็เห็นตรงกัน โดยเห็นว่าควรจะหันมาช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจมากกว่า และเมื่อปัญหาเหล่านี้ผ่านพ้นไปแล้วนายกฯ ก็พร้อมเปิดกว้าง ซึ่งอาจจะเป็นช่วงปลายปีนี้ หรือปีหน้า อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งทางพรรคได้ให้ความไว้วางใจนายกฯ ในการพิจารณา ซึ่งนายกฯ เคยพูดแล้วว่าบุคลากรของพรรคประชาธิปัตย์มีอีกหลายคนที่มีความรู้ ความสามารถ เพียงแต่ไม่ได้ระบุถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และไม่ได้ตัดโอกาสใครเช่นกัน และขอยืนยันว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีการรวมกลุ่ม 40 ส.ส.แต่อย่างใด

เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่า ส.ส.ภาคกลางจะย้ายไปใส่เสื้อสีน้ำเงินของพรรคภูมิใจไทย นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการเลือกตั้งก็ต้องมีคนทั้งไหลเข้าไหลออก ซึ่งส่วนใหญ่จะไหลเข้ามาในพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า และจากการพูดคุยกับนายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี และนายอภิชาต สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี ทั้ง 2 คนก็มีความรักในพรรคและรักในพื้นที่ ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับนายสมเกียรติ พงษไพบูลย์ และนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน ทั้ง 2 คนยังยืนว่ายังสนุกกับการทำงาน และเห็นว่าจำเป็นต้องช่วยกัน และยังมั่นใจในตัวนายอภิสิทธิ์ และการทำงานในพรรคประชาธิปัตย์อยู่

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงผลการถดถอยของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกว่า สาเหตุหลักมาจากปัญหาการเมืองทำให้เศรษฐกิจติดลบถึง 6-7 เปอร์เซ็นต์ พรรคจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันลดปัจจัยที่เป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่จะทำลายความเชื่อมั่นของประเทศไทย ทั้งนี้ พรรคเห็นว่าปัจจัยสำคัญที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจ คือ การลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐผ่านการออก พ.ร.ก.เพื่อป้องกันปัญหาการเลิกจ้าง ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญในการทำให้เกิดปัญหาความแตกแยกทางสังคม จึงอยากให้รัฐบาลออกมาตรการปัญหารองรับการเลิกจ้าง อย่างไรก็ตาม พรรคมั่นใจว่าการถดถอยของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกยังน้อยกว่าการถดถอยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2540 ที่ติดลบถึง 11 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าตลาดนักลงทุนและโลกมีความมั่นใจในการบริหารวิกฤตเศรษฐกิจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ทั้งนี้ หวังว่าในการวินิจฉัยการออก พ.ร.ก.ของศาลรัฐธรรมนูญจะมีความชัดเจนโดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น