xs
xsm
sm
md
lg

สภาผ่าน พ.ร.ก.ขึ้นภาษีน้ำมันแล้ว ฝ่ายค้านเย้ย รบ.ถังแตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง
ที่ประชุมสภาอนุมัติ พ.ร.ก.ขึ้นภาษีน้ำมัน เจอฝ่ายค้านซัดรัฐบาลเพิ่มภาระให้ประชาชน ทั้งที่ควรให้ประชาชนมาก่อน กลับให้ตายก่อน เย้ยควรยอมรับว่าถังแตก ด้าน “กรณ์” แจง ย้ำไม่มีรัฐบาลไหนอยากขึ้นภาษี ระบุ พิจารณาแล้วกระทบประชาชนน้อยที่สุดกว่าขึ้นภาษีส่วนอื่น ยันไม่ส่งผลต่อราคาน้ำมันหน้าปั๊ม

วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติอนุมัติ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2552 ให้แก้ไขอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยมี ส.ส.บางส่วนจากพรรคเพื่อไทย อภิปรายตำหนิ ว่า เป็นนโยบายที่ไม่เหมาะสม และเป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชน โดยไม่ใช่นโยบาย “ประชาชนมาก่อน” แต่การดำเนินการของรัฐบาลทำให้ “ประชาชนตายก่อน” โดยรัฐบาลควรมีแนวคิดว่าจะหาเงินเข้าประเทศได้อย่างไร ไม่ใช่จะกู้อย่างไร จะรีดภาษีอย่างไร

นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.ฉบับนี้อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 186 วรรค 2 ที่ระบุว่า ถ้า พ.ร.ก.ที่ได้ตราขึ้นจะต้องนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรภายใน 3 วันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งในกรณีนี้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าจะเข้าสภาจะต้องเสนอเรื่องมาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.จึงอยากถามว่ารัฐบาลมีเกณฑ์ในเรื่องการนับวันอย่างไร โดยมีการนับเฉพาะวันทำการหรือนับรวมวันหยุดด้วย ทั้งนี้ การขึ้นภาษีดังกล่าวเป็นการสร้างภาระให้กับภาคการผลิตอย่างภาคการเกษตร เพราะต้องมีการเพิ่มต้นทุนในส่วนของราคาน้ำมัน จากเดิมที่ตอนนี้มีปัญหาในเรื่องการจำหน่ายผลผลิตอยู่แล้ว จึงคิดว่าการจัดเก็บภาษีในส่วนนี้จะเป็นการซ้ำเติมปัญหาเข้าไปอีก

ขณะที่ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประกาศขึ้นภาษีและการออกกฎหมายเพื่อกู้เงินของรัฐบาลจำนวนมากในเวลาเดียวกันตอนนี้ มีผลในเชิงสร้างความวิตกให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนจะไม่มีความมั่นใจในเรื่องสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ประกอบกับที่ผ่านมารัฐบาลเองมีแต่นโยบายในเรื่องการใช้เงินเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการบอกว่าประเทศไทยจะมีรายได้อะไรบ้าง นอกเหนือไปจากการขึ้นภาษีกับประชาชน ขอให้ยอมรับกับประชาชนตรงไปตรงมาเลย ว่า รัฐบาลถังแตกจะได้ช่วยกันหาวิธีแก้ไข ขณะนี้ทราบมาว่ารัฐบาลก็กำลังเตรียมประกาศล่วงหน้าเกี่ยวกับการขึ้นภาษีเหล้าเบียร์ ซึ่งถ้ามีการทำจริงจะทำให้ผู้ผลิตได้ประโยชน์จากส่วนนี้ เพราะตามความเป็นจริงการผลิตเหล้าในประเทศไทยจะเป็นการผลิตล่วงหน้า 10 ปี และมีการเก็บภาษีไปแล้ว ดังนั้น หากมีการจัดเก็บภาษีในอัตราใหม่ ก็เท่ากับว่า เป็นพ่อค้าจะได้ประโยชน์จากการเอาเหล้าเก่ามาขายในราคาใหม่ ซึ่งเป็นการไม่ยุติธรรม

ทั้งนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ชี้แจงว่า หากไม่จำเป็นไม่มีรัฐบาลไหนอยากเพิ่มภาษี เพื่อเป็นภาระกับประชาชน แต่ขณะนี้รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินภาษีช่วยพี่น้องประชาชนผ่านนโยบายรัฐบาลหลายโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพยายามหามาตรการลดภาระประชาชนหลายรูปแบบ จึงจำเป็นต้องเข้าถึงแหล่งเงิน เนื่องจากภาระเศรษฐกิจของโลกส่งผลให้รายได้รัฐบาลที่มาจากการจัดเก็บรายได้จากภาษีลดลง และส่งผลต่อการปรับลดงบปี 2553 ส่วนการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นการปรับที่รัฐบาลพิจารณาแล้วเห็นว่ากระทบกับประชาชนน้อยที่สุด ถ้าเทียบกับการปรับภาษีในส่วนอื่น เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะเพิ่มภาระวงกว้างให้ประชาชนมากกว่า จึงตัดสินใจปรับภาษีน้ำมัน เพราะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและกระทบน้อยสุด ยืนยันว่า เป็นการลดครั้งนี้จะไม่กระทบต่อราคาน้ำมันหน้าปั๊ม เพราะเป็นการปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

“ผมรู้สึกเสียดายที่ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ไม่ได้พิจารณา เพราะจะนำมาช่วยในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขณะนี้ แต่มั่นใจว่า ในส่วนของแผนไทยเข้มแข็งที่ใช้งบประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท จะช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนได้ ในแผนนี้ยังมี พ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลัง กู้จำนวน 4 แสนล้านบาท จะไม่มีการถอนร่างแน่นอน แต่ทางวิปได้พิจารณาว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ควรจะพิจารณาพร้อมๆ กับ พ.ร.ก.เงินกู้ที่ส่งไปศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ดังนั้น จึงขอเลื่อนไปเพื่อให้ได้ข้อยุติ และจะพิจารณากฎหมายสองฉบับไปพร้อมกัน

ด้าน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ชี้แจงว่า การปรับเพิ่มเพดานภาษีน้ำมัน ราคาน้ำมันจะยังคงที่ไม่ปรับขึ้น แต่รัฐบาลจะใช้วิธีการลดการนำเงินเข้ากองทุนน้ำมันแทน และรัฐบาลจะพิจารณากระบวนการใช้กองทุนน้ำมัน เพื่อรักษาราคาน้ำมันให้เหมาะสม แต่ไม่ใช้วิธีการตรึงราคาน้ำมัน เช่น รัฐบาลในปี 2547-2548 ที่ส่งผลให้กองทุนน้ำมันติดลบถึง 9.2 หมื่นล้านบาท โดยจะทำให้ราคาน้ำมันสอดคล้องกับกลไกตลาดโลกแท้จริง ทั้งนี้ ยืนยันว่า การปรับเพดานจะไม่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำมันขณะนี้แม้ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณฟื้น ค่าเงินสหรัฐฯอ่อนตัว และมีการเก็งกำไรลงทุนน้ำมันมากกว่าเงินเหรียญ แต่ก็มีการประเมินแล้วว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่น่าจะรุนแรงมากนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น