ที่ประชุมสภาเพื่อพิจารณา พ.ร.บ.4 ฉบับที่เกี่ยวเนื่องกับความร่วมมือกับต่างประเทศสะดุด หลังแค่เริ่มเปิดสภาก็ป่วน หลัง ส.ส.ฝ่ายค้านประท้วง “ชัย” รวบประเด็นหารือ จนถึงการนับองค์ประชุม ส.ส.ฝ่ายค้าน-รัฐบาล ซัดกันกับเรื่องไร้สาระ จนเกิดเหตุโต้เถียงหนัก ด่าตัวเงินตัวทองลั่นจนหวิดวางมวย
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเพื่อพิจารณากรอบความร่วมมือกับต่างประเทศ จำนวน 4 ฉบับ ตามมาตรา 190 ที่หนึ่งในนั้นเป็นการขออนุมัติกรอบการกู้เงินจากต่างประเทศ ทันทีที่จะเข้าสู่วาระการประชุม ส.ส.ของพรรคหลายคนได้ลุกขึ้นทักท้วงกรณีที่ประธานรัฐสภาได้ให้รัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่างๆ พร้อมกันว่าไม่ถูกต้อง เพราะควรเสนอและพิจารณาทีละฉบับเนื่องจากแต่ละฉบับมีรายละเอียดคนละเรื่องกัน แต่นายชัยยังคงยืนยันว่าสามารถทำได้และพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง พร้อมทั้งท้าให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำเนินการดังกล่าวได้
จากนั้นจึงขอนับองค์ประชุมก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่การพิจารณาตามระเบียบวาระ ซึ่งระหว่างรอการนับองค์ประชุมนั้น นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ขออนุญาตประธานเดินตรวจการเสียบบัตรลงคะแนนของสมาชิกรอบห้องประชุมว่ามีการเสียบบัตรแทนกันหรือไม่เพราะเท่าทีดูเห็นว่าสมาชิกไม่น่าครบองค์ประชุม ทำให้นายชัยได้กล่าวสวนว่า “เป็นถึงครูบาอาจารย์ ขอให้มีมารยาทหน่อย” ซึ่งนายสมคิด ตอบโต้ว่าคนที่ไม่มีมารยาทคือพวกที่ชอบเสียบบัตรแทนกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนายสมคิดกล่าวจบ นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นตะโกนด่า “ไอ้สัตว์กูทนมึงมานานแล้ว” และกวักมือเรียกให้นายสมคิดซึ่งนั่งอยู่ในซีกของฝ่ายค้านให้ข้ามมาตรวจสอบการเสียบบัตรของตัวเองด้วย ซึ่งนายสมคิดก็เดินปรี่เข้ามาหาพร้อมใช้คำพูดหยาบคายด่าตอบโต้กันไปมาลั่นห้องประชุม ขณะเดียวกันนายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่นั่งอยู่ในใกล้กับนายประมวลก็ลุกขึ้นปรี่เข้ามาชกและถีบนายสมคิดทันที ท่ามกลางส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมากต้องรีบลุกขึ้นมาห้ามปรามและแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ขณะที่นายชัย เองก็พยามยามขอร้องให้ทุกคนอยู่ในความสงบและขอให้ทุกคนเสียบบัตรแสดงตนอีกครั้ง โดยนายสมคิดที่เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้วก็ลุกขึ้นกวักมือเรียกนายประมวลมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งพร้อมทั้งกล่าวว่า “มาเลย ผมไม่กลัว” ทำให้ประธานได้ขอร้องให้ทุกฝ่ายยุติ โดยกล่าวว่า ตนจะเรียกทั้งคู่มาหารือกันเพราะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น
เมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายลงแล้ว นายชัยได้แจ้งต่อที่ประชุมว่ามีผู้เสียบบัตรแสดงตนจำนวน 311 คนถือว่าเกินกึ่งหนึ่งแล้วจากนั้นก็ขอให้ที่ประชุมลงมติว่าจะให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่ 3 เพื่อแก้ไขสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอหรือไม่ โดยนายชัยได้ประกาศว่ามีผู้อยู่ในห้องประชุม 307 เสียงให้ความเห็นชอบกับร่างพิธีสารดังกล่าว 287 ต่อ 0 งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนน 12 ทำให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ของพรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าองค์ประชุมไม่ครบ ประธานอย่ามั่วเนื่องจากมีผู้อยู่ในที่ประชุมแค่ 307 เสียงยังไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้นายชัยต้องสั่งพักองค์ประชุมทันทีเป็นเวลา 5 นาที
หลังจากเปิดประชุมอีกครั้งที่ประชุมยังคงถกเถียงกันถึงเรื่ององค์ประชุม ทำให้นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีการนับองค์ประชุมใหม่ ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย แย้งว่าถือว่าร่างพิธีสารดังกล่าวตกไปแล้วเพราะการลงคะแนนได้สิ้นสุดแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงกันนานกว่าสิบนาที พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ ได้แสดงความเห็นว่า คะแนน 307 ถือว่าองค์ประชุมไม่ครบ เท่ากับการลงมติเป็นโมฆะ ทางออกจึงไม่ใช่การนับองค์ประชุมใหม่ แต่ประธานสามารถสั่งให้มีการลงมติอีกครั้งหนึ่งเพราะถือว่าครั้งแรกไม่สมบูรณ์ ในที่สุดนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาลได้ขอให้มีการนับองค์ประชุมใหม่อีกครั้ง ผลปรากฎว่ามีสมาชิกอยู่ในห้องประชุม 328 คน จากนั้นจึงได้เริ่มลงมติร่างพิธีสารฉบับที่ 3 ใหม่อีกครั้ง ผลการลงคะแนนครั้งนี้มีผู้ให้ความเห็นชอบ 302 ต่อ 0 งดออกเสียง 9 ไม่ลงคะแนน15
จากนั้นจึงเข้าสู่การพิจารณากรอบการเจรจากู้เงินจากต่างประเทศตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2552 ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธาธารณะประจำปี 2552 วงเงิน 600.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 19,814.19 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อเวลา 11.45 น.นายสมคิด บาลไทสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และนาย สุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริวเหตุการณ์ชุลมุนกลางห้องประชุมร่วมรัฐสภา โดยนายสมคิด กล่าวว่า ภายหลังทีประธานสภาได้อนุญาตให้เดินตรวจการเสียบบัตรลงมติว่ามีการลงคะแนนแทนกันหรือไม่ ปรากฏว่ามี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ตนหนึ่ง ซึงตนจำชื่อไม่ได้ แต่จำหน้าได้ ได้กวักมือเรียกตนเข้าไปหา ตนก็นึกว่าไม่มีอะไรจึงได้เดินเข้าไป แต่ปรากฏว่าพอใกล้ถึงกลับบอกว่า “มึงมานี่” ตนจึงได้เดินเข้าไปเพราะไม่กลัวคำขู่ พอเข้าไปใกล้ ส.ส.คนดังกล่าว ก็ได้ตระโกนด่าว่า “ไอ้สัตว์ กูทนมึงมานานแล้ว” ตนจึงสวนกลับไปว่า “กูนึกว่ามึงเป็นคน มึงเป็นสัตว์เหมือนกูหรอ” จากนั้น ส.ส.คนดังกล่าวได้พยายามกระโดดเข้ามาชกตนแต่ไม่ถึงเนื่องจากมีสมาชิกจากพรรคประชาธิปัตย์กันไว้ จากนั้นได้มีนายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี และนาย ประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี เข้ามาร่วมประสมโรงจะเอาเรื่องตนด้วย แต่ก็ได้มีการห้ามปรามไว้จนเกิดเหตุชุลมุน ระหว่างนั้นตนก็ยืนดูว่าสมาชิกจากพรรคประชาธิปัตย์จะชกตนจริงหรือไม่ หากมีการชกจริง ตนก็จะไม่ตอบโต้ แต่จะยืนให้ชก
“พฤติกรรมของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กลุ่มดังกล่าวได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ผมไม่เคยใส่ใจ ถึงขนาดเคยด่าผมว่า ผมไปเห่าหอนในสภา ระหว่างที่มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเหตุการณ์สลายม็อบช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา” นายสมคิด กล่าว
ขณะที่นายสุชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สภาไทยคล้ายกับสภาเกาหลีและไต้หวันไปทุกวัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เอานักเลงโตมาไว้ในสภา และยังมีนักเลงยืนเบื้องหลังเหตุการณ์สลายม็อบด้วย
ด้านนายสุนัย กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นเมื่อนาย ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาได้ปฏิบัติระเบียบบังคับข้อประชุมรัฐสภา เมื่อสมาชิกไม่ครบองค์ประชุม ประธานจึงไม่ควรดำเนินการประชุมต่อ แต่ประธานอ้างว่ามีสมาชิกครบองค์ประชุม 311 เสียง แต่จากการลงมติลงคะแนนออกมากลับมีเพียง 307 เสียง เท่านั้น ดังนั้นเมื่อการเสียบบัตรนับองค์ประชุมใหม่ ก็เป็นสิทธิ์ของส.ส.สามารถทำได้ในการเดินตรวจสมาชิกในการลงคะแนน เพื่อป้องกันการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องไปยังผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ให้ปรามลูกพรรค เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวให้เหมาะสม