“ประวิตร” ตั้ง ผบ.สส.เป็นผู้อำนวยการ่วมรักษาความสงบเรียบร้อยงานประชุมอาเซียนฯ ที่ภูเก็ต กลาง มิ.ย.นี้ พร้อมส่งคณะลงตรวจพื้นที่ 13-15 พ.ค. จัดทำแผน รปภ.เสนอรัฐบาล ป้องกันเหตุซ้ำรอยพัทยา แฉเสื้อแดงอาจส่งตัวแทนยื่นหนังสือป่วนการประชุม หวังให้เป็นข่าวทำลายภาพลักษณ์รัฐบาล เตรียมแผนป้องกันเข้ม ห้ามเข้าใกล้ที่ประชุมเด็ดขาด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 พ.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำแผนรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำ 15 ประเทศ ที่จะเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ในระหว่างวันที่ 13-14 มิ.ย.2552 ที่ จ.ภูเก็ต โดยมี พล.อ.รัชกฤต กาญจนวัฒน์ เสนาธิการทหาร เป็นประธานในการประชุม ร่วมกับตัวแทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 5 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ในที่ประชุมได้หารือถึงกรอบอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะข้อกฎหมายที่มารองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่า รัฐบาลจะประกาศพระราชบัญญัติความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (พ.ร.บ.ความมั่นคง) หรือไม่ก็ตาม
แหล่งข่าวในที่ประชุม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม แม้ว่า พล.อ.ทรงกิตติ จะถูกแต่งตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ ผอ.ศูนย์อำนวยการร่วมฯ แต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายมาคุ้มครองการปฏิบัติงาน และขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงออกมา จึงต้องมีการหารือกับฝ่ายรัฐบาลในการหาทางออกอีกครั้ง
แหล่งข่าวในที่ประชุมยังบอกด้วยว่า เบื้องต้นในที่ประชุมเห็นชอบที่จะให้ พล.อ.รัชกฤต พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 13-15 พ.ค.นี้ เพื่อตรวจดูสภาพ และสถานที่ตั้งของสถานที่จัดการประชุมเพื่อเสนอเป็นแผนให้กับทางรัฐบาล และหาทางรับมือหากเกิดสถานการณ์ความวุ่นวายเหมือนกับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเสนอให้รัฐบาลใช้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นรองผู้อำนวยการ รับผิดชอบในการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ เพราะเห็นว่าหากมีการนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงมาใช้ในการดูแลความสงบครั้งนี้ จึงควรจะใช้กลไกภายใน กอ.รมน. คือ ผบ.ทบ. ที่ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.รมน. ทำหน้าที่รับผิดชอบในการสั่งการ ทั้งนี้อาจจะแต่งตั้งหน่วยเฉพาะกิจของแต่ละเหล่าทัพขึ้นมา เพื่อช่วยสนับสนุนกลไกของ กอ.รมน.ในการดูแลความสงบเรียบร้อย
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า ในที่ประชุมยังได้รายงานสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง โดยประเมินว่าจะมีตัวแทนที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่ไปยื่นหนังสือตามที่ประกาศไว้ และจะปักหลักชุมนุมเรียกร้องเพื่อให้เกิดภาพข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก เพื่อให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมจะวางแผนไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในบริเวณที่ประชุม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง ทั้งนี้มีรายงานว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับการตอบรับจากประเทศเกาหลี จีน และญี่ปุ่น ว่าจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีการตอบรับ รัฐบาลอาจจะต้องมีการเลื่อนการประชุม
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า เบื้องต้นคณะอนุกรรมการจัดแผนรักษาความปลอดภัย ได้พิจารณาใช้กำลังจากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตามแผน “เทพกษัตรี-ศรีสุนทร” โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นกำลังหลักในการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ ส่วนกองทัพบกจะจัดกำลังจากกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 4 ในการลงไปปฏิบัติหน้าที่