xs
xsm
sm
md
lg

“อนุพงษ์” ย้ำต้องใช้ทหารคุมเข้มประชุมผู้นำอาเซียน หวั่น ตร.เอาไม่อยู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
“ผบ.ทบ.” ยันต้องใช้ทหารทำหน้าที่รปภ.คุมการประชุมผู้นำอาเซียน เชื่อ ตร.เอาม็อบไม่อยู่ ปัดไม่รู้รายละเอียดเหตุยิง “สนธิ” ยัวะถูก “หางแดง” กล่าวหาทหารวางพล็อตสร้างเรื่องเสื้อแดงบุก มท.ทำร้ายนายกฯ ชี้ไม่มีความคิดวางแผนเช่นนั้น ลั่นไม่มี 2 มาตรฐาน เข้าข้างสีใดฝ่ายใด ย้ำทำตามหน้าที่ที่ได้รับคำสั่ง ลั่นไม่เคยกลัวเสียตำแหน่ง เชื่อเหตุไม่เลือกข้างทำ 3 ฝ่ายรุมโจมตี

วันนี้ (9 พ.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจารอบใหม่ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งรัฐบาลหวังใช้กำลังทหารเป็นกำลังหลักว่า หากต้องการบล็อกไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นตามความคิดของรัฐบาล เราก็ต้องทำตามนั้น โดยเราต้องคุยกับส่วนล่วงหน้าของ 15 ชาติที่จะมาคุยเรื่องแผนการรักษาความปลอดภัยก่อน หากไม่มั่นใจก็อาจจะมีการขอแรง อย่างเอาชุด รปภ.และติดอาวุธมาเอง มันจะทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งต้องบอกตรงๆ ว่า กำลังตำรวจไม่เพียงพออย่างแน่นอนและอาจจะเอาไม่อยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากบางประเทศต้องการเอา รปภ.ติดอาวุธมาเองเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การถือติดอาวุธโดยโจ่งแจ้ง จะไม่มีใครทำตามมารยาท แต่ตนไม่สามารถพูดขณะนี้ได้

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้อำนาจกับทหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นการคิดง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร ซึ่งถ้าใช้กฎหมายปกติทำได้ก็ทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องมาดูว่าจะใช้กฎหมายอะไร ฝ่ายปฏิบัติเลยเสนอไปว่า ถ้ามีอำนาจก็รักษาสถานการณ์ได้ แต่ถ้าไม่มีอำนาจเลยก็รักษาสถานการณ์ไม่ได้

ต่อข้อถามถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯที่โจมตี ผบ.ทบ.อย่างต่อเนื่อง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังให้ผู้เกี่ยวข้องดูว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป หากใครรู้อะไรหรือมีหลักฐานอะไรก็ให้ไปบอกตำรวจ จะได้จับคนถูกว่าชื่อใครอย่างไร พลทหารคนนี้ นายสิบคนนี้ นายร้อยหรือนายพันคนนี้

เมื่อถามว่า ได้ตัวผู้ต้องหาหรือยัง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ผมไม่รู้เรื่อง ผมจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร ผมไม่เคยเห็นปลอกกระสุน ไม่เคยเห็นรถ ไม่เคยเห็นสำนวนแม้แต่ตัวเดียว ไม่เคยคุยกับใครทั้งสิ้นที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เคยเห็นกล้อง ไม่เคยเห็นภาพ สื่อมวลชนเองก็ไม่เคยเห็นแล้วจะไปวิพากษ์ได้อย่างไร ผมไม่ทราบ ผมเห็นแค่นั้นผมจะไปรู้ได้อย่างไร”

เมื่อถามว่า เสื้อแดงสงสัยว่าทหารวางพลอตเรื่องที่เกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คนคิดกันด้วยเหตุด้วยผล จะมีใครไปวางพล็อตอะไรได้ ซึ่งช่างคิดกันได้จริง ซึ่งตนยืนยันว่าตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นเลย แต่ได้รับการร้องขอจากตำรวจว่าขอทหารเพิ่มเติมก็ส่งไปให้ โดยไม่ได้มีการทำแผนอะไรเลย จึงทำอะไรไม่ถูก และคนที่ไปทำได้เพียงควบคุมฝูงชน แต่ไม่ได้ฝึกเฉพาะเรื่อง รปภ.บุคคลสำคัญ และที่สำคัญตนไม่เคยคิดอะไรเลย โดยวุฒิภาวะและความรู้ของตนไม่คิดว่าใครจะไปคิดแผนอะไรอย่างนั้นได้ ซึ่งตนไม่เชื่อโดยสิ้นเชิงว่าจะมีการสร้างสถานการณ์

เมื่อถามถึงการนัดรวมพลของคนเสื้อแดงวันที่ 10 พ.ค.ที่วัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนสถานที่ยังมีทหารอยู่ก็คงเป็นทำเนียบรัฐบาล ส่วนพื้นที่อื่นเป็นเพียงการเตรียมพร้อมหากมีการร้องขอ ก็ออกไปสนับสนุนเท่านั้น

ต่อข้อถามว่า เสื้อแดงบอกว่าการปิดถนนนั้นทหารบอกว่าสร้างความเดือดร้อนแต่การปิดสนามบินไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากย้อนกลับไปดูนาทีนั้นรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบ ที่ดอนเมืองให้ตำรวจนครบาลร่วมกับทหารอากาศรับผิดชอบ ส่วนที่สุวรรณภูมิให้พล.ต.ท. ฉลอง สมใจ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รับผิดชอบ หากมีปัญหาให้ขอกำลังทหารเรือ หากไม่พอให้ขอกำลังทหารบก ซึ่งถือว่าเป็นอันดับ 3 ซึ่งก็ได้ส่งไป 3 กองร้อย

“ท่านเห็นไหมว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตรมว.มหาดไทย ท่านทำได้ไหม ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ แล้วจะให้ พล.อ.อนุพงษ์ วันดีคืนดียกกำลังไปแล้วทำเลย มีอำนาจหน้าที่อะไร ถ้าเขาถามแล้วมาได้อย่างไร ใครสั่งให้มา แล้วจะตอบอย่างไร ถ้ามีการสูญเสีย ไปขึ้นศาลแล้วถูกถามว่าเอากำลังออกไปใครเป็นคนสั่งจะตอบอย่างไร มันไม่ใช่สองมาตรฐานนะ ไม่ใช่โจรปล้นที่โน่น ทหารบอกทำไมไม่ไปแก้ล่ะหรือนักเรียนตีกันแล้วทหารบกไม่ไปทำอะไร ก็มันไม่ใช่หน้าที่ ผมอธิบายไม่ได้ว่าเขาสั่งใคร เพราะอำนาจหน้าที่เราไม่มีอยู่แล้ว นอกจากนั้นเขาสั่งภาวะฉุกเฉินก็ให้ พล.ต.อ.โกวิท รับผิดชอบ แล้วผมเป็น ผบ.ทบ.จะให้ทำอย่างไร ไม่ใช่สองมาตรฐาน ก็ให้ไปถามพล.ต.อ.โกวิทว่าทำไมไม่ทำ ไม่ใช่มาถามผม ถ้าเรียนผมผมก็ตอบว่าเขาก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าจะทำผมก็จะเรียนว่าต้องทำอย่างนี้ จะมีการสูญเสียอย่างนี้ ตำรวจทำได้ไหม แล้วให้เขาสั่ง คงไม่มีใครกล้าสั่งหรอก เพราะไปก็อาจเจ็บล้มตายกันอีก คำตอบคงต้องไปถาม พล.ต.อ.โกวิท ว่าทำไมไม่ทำ ทำไมสองมาตรฐาน ครั้งหนึ่งทำไม 7 ต.ค.ทำแล้วครั้งนี้ไม่ทำ” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร คือตนก็ทำงานไป และไม่ได้ไปทานข้าว ไม่ได้เจอและไม่ได้โทรคุยกัน ซึ่งมีครั้งเดียวที่เคยโทรคุยกันตอนตั้งรัฐบาลเพื่อให้ข้อคิดเรื่อง รมว.กลาโหม ครั้งเดียวที่เคยคุยกัน ครั้งอื่นไม่มี

เมื่อถามต่อว่า อยากฝากอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงไม่มีอะไร เพราะจะเป็นประเด็น แต่ตนคิดเหมือนประชาชนทุกคน ประชาชนคิดอย่างไรตนก็คิดอย่างนั้น อยากให้ประเทศชาติเรียบร้อย

ต่อข้อถามที่ว่า สถานการณ์การเมืองอย่างนี้เหนื่อยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ตนเหนื่อยนั้นคือ สื่อมวลชน ที่ทำให้ตนเหนื่อยมากที่สุด และความไม่เข้าใจของคนที่ไม่เข้าใจ ทำให้เหนื่อยใจ อย่ามาถามว่าทำไมทหารไม่ไป ก็ไม่รู้หรือว่าเขาไม่ได้สั่งให้ทหารรับผิดชอบ แล้วมานั่งถามคนที่เขาไม่ได้สั่งไป เอาอะไรมายัดให้สถาบันกองทัพ

เมื่อถามว่า ที่ไม่ทำอะไรเพราะอาจจะกลัวเสียตำแหน่ง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผ่านมามันค้านกับที่ทุกคนคิด ที่ตนมาก็ทำงานไปตามบทบาทภารกิจ ตอนนั้นหากรักตัวกลัวตายนายสมัครสั่งอะไรก็ต้องทำ แต่ตนได้อธิบายไปว่าทำไม่ได้ ทุกคนวิพากษ์มาทั้งหมดว่าตนเดินตามนายสมัครเพราะกลัวเสียตำแหน่ง แต่ตอนนั้นได้อธิบายไปว่าไม่ทำ ซึ่งถ้าจะปลดจะย้ายตนก็มีอำนาจทำได้แต่นายสมัครก็ไม่ได้คิดจะทำอะไร ซึ่งก็ฟังว่าเรามีเหตุผลอะไรแล้วตนจะกลัวเสียตำแหน่งอะไร ซึ่งตนไม่เลือกทางด้านใดเลยทำให้ต้องโดนด่าสามฝ่าย หนึ่งเสื้อสีหนึ่ง อีกหนึ่งเสื้อสีหนึ่ง อีกหนึ่งคือสื่อมวลชน
กำลังโหลดความคิดเห็น