“ผบ.ทบ.”ยืนยันทหารไม่เป็นศัตรูกับประชาชน ไม่นำกองทัพไปเป็นผู้ต้องหาของสังคม ลั่นยอมทำตามคำสั่งรัฐบาลในสิ่งที่ถูกต้องและเกิดประโยชน์เท่านั้น ระบุเข้าได้กับทุกรัฐบาลไม่แบ่งแยก ชี้ "แดงถ่อย" ทำผิดกฎหมายจนทหารต้องออกควบคุมสถานการณ์
วันนี้ (9 พ.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับลวงพราง ออกอากาศทางวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกกะเฮิร์ซ ถึงกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของทหารกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาว่า ในช่วงที่ผ่านมาบ้านเมืองเรามันไม่ปกติและสถาบันต่างๆ ก็ถูกดึงเข้าไปในสถานการณ์ด้วย ในส่วนของกองทัพบกจะดูบทบาทของตัวเองว่าจะต้องอยู่ในจุดไหนอย่างไร ซึ่งตนมีแนวคิดง่ายๆ คือจะไม่เป็นศัตรูกับประชาชนและไม่นำกองทัพไปเป็นผู้ต้องหาอย่างในเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในอดีตที่ผ่านมาคือไม่ทำร้ายประชาชน ที่สำคัญคือต้องปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งรัฐบาล เมื่อสั่งการอะไรเราก็ทำ แต่จะทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับส่วนรวมและไม่ผิดหลักการเบื้องต้น โดยเฉพาะจะต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด และเป็นหลักได้เมื่อบ้านเมืองวิกฤต
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หลายเหตุการณ์เกิดจากคนไม่เข้าใจ เราก็ต้องทำความเข้าใจเท่าที่จะทำได้ แต่เราไม่มีสิทธิ์จะโอนเอนออกไป และต้องพยายามยืนหลักให้ได้ แต่หากมีโอกาสทำความเข้าใจได้ก็จะทำ ส่วนคนเข้าใจและให้กำลังใจก็มีเยอะ ในทางกลับกันคนไม่เข้าใจก็มีมาก แต่เราไม่มีสิทธิ์จะไปแสดงตัวโอนอ่อนตามกระแส
เมื่อถามว่า กองทัพวางตัวในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ใครมาเป็นรัฐบาลแล้วให้เราทำงานที่ถูกต้องเราก็ต้องทำ หากย้อนไปในสมัยของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ขอให้กองทัพแสดงบทบาทด้านความมั่นคง อย่างเรื่องชายแดน เรื่องภาคใต้ โดยใช้คำว่าอย่าไปแตะตัวประชาชน แม้กระทั่งการปกครองภายในกองทัพ ซึ่งตอนนั้นรัฐบาลมีนโยบายไม่ใช้กำลังทหารไปสลายผู้ชุมนุมเหมือนนโยบายสมัยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งจะเห็นได้ว่าตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ แต่ไม่ได้ใช้ตน จนสื่อมวลชนเองมองว่าตนเดินตามนายสมัครเพราะกลัวว่าจะหลุดออกจากตำแหน่ง ยืนยันได้ว่ารัฐบาลนายสมัครกับตนนั้นมีความเข้าใจกันดี แม้กระทั่งวันที่หมดอำนาจและนายสมัครไม่สบาย ตนก็ยังไปเยี่ยม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จนกระทั่งรัฐบาลสมชาย ก็คล้ายๆ กันคือไม่ใช้ทหาร จนกระทั่งถูกกดดันจากสังคม ทำให้ตนไม่มีจุดจะยืนก็ออกไปช่วยตำรวจรักษาการตามจุดต่างๆ ซึ่งรัฐบาลนี้ก็เช่นเดียวกันการดำเนินการที่ผ่านมาก็สนับสนุนตามขอบเขต ตามกฎหมาย ในขณะที่มีการประชุมก็ได้หารือกัน ซึ่งรัฐบาลและกองทัพเห็นตรงกันคือไม่จำเป็นต้องสลาย เพราะหากชุมนุมโดยสงบจะไม่มีใครทำอะไรเสื้อแดงไม่ได้ แต่ฝ่ายเสื้อแดงไปทำผิดกฎหมายมาก มีการปิดการจราจรทั้งหมด จนฑูตหลายประเทศก็เห็นตรงกันว่าไม่มีความชอบธรรม กระแสสังคมก็มองอย่างนั้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่เป็นการไปรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลสามารถอยู่ได้จนถึงวันสุดท้าย และหากยังมีการชุมนุมอีกก็ขอรับรองด้วยเกียรติว่าจะไม่มีการสลาย เพียงแต่อาจจะมีการล้อมเอาไว้ไม่ให้คนมาใหม่เข้าไปได้ ซึ่งสามารถตอบคำถามได้ว่าไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ทำหมดทั้งสิ้น