xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ข้องใจหางแดงบิดเบือนกล่าวหาจัดฉากโดนทุบรถ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นายกฯ เล็งถก ครม.มอบ กอ.รมน.ถือดาบ พ.ร.บ.ความมั่นคงคุมสถานการณ์ประชุมสุดยอดอาเซียนที่ภูเก็ต เร่งทำความเข้าใจคนในพื้นที่ เผยยังไม่มีรัฐบาลประเทศใดตอบรับเป็นทางการ ข้องใจ “หางแดง” กล่าวหาจัดฉากโดนทุบรถ บอกไม่มีความสามารถพอสร้างสถานการณ์ ย้อนแล้วใครกันปราศรัยให้ไล่ล่านายกฯ ซัดกลับทำร้ายคนอื่นยังสร้างเรื่องบิดเบือน เหน็บภาพหลักฐานชัด แต่ไม่อยากเปิดเดี๋ยวถูกครหาสร้างความเกลียดชัง ไม่ขวางดีสเตชั่นออกอากาศ แต่ต้องขออนุญาตก่อน

วันนี้ (8 พ.ค.) ที่โรงแรมดุสิตธานี เวลา 09.15 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างการจัดการประชุมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในเดือนมิถุนายนนี้ว่า กำลังดูข้อกฎหมาย และความจำเป็นที่ชัดเจน เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาทั้งในส่วนของกองทัพ ตำรวจ และรัฐบาล ซึ่งความจริงแล้วคงไม่ประกาศใช้พ.ร.บ.นานเกินไป ประกาศเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม และต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องนำเข้าการพิจารณาของครม.ด้วยหรือไม่ ใช่เพราะเป็นอำนาจของครม.ตามกฎหมาย กำลังดูข้อกฎหมายอยู่

เมื่อถามว่า เท่าที่ดูข้อดี-ข้อเสีย ของการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ความจริงที่ฝ่ายมั่นคงต้องการมี 2 ประเด็นคือ 1.เมื่อกองกอ.รมน.เข้าไปมีบทบาทได้การใช้กำลังต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แทนที่จะเป็นภาระของหน่วยใดหน่วยหนึ่ง เช่น ตำรวจ 2.จะมีอำนาจมากขึ้นในการควบคุมการเดินทางที่มีความจำเป็น ซึ่งพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นี้ก็จะช่วยได้ นี้คือความต้องการ แต่เราจะดูให้มันสอดคล้องสถานการณ์ และกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องมีการปิดถนนในส่วนของจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงไปถึงขณะนั้น และการประกาศต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่า จะต้องควบคุมพื้นที่กี่จังหวัดและกี่วัน นายกฯ กล่าวว่า กำลังให้ดูรายละเอียด และความจำเป็น เมื่อถามต่อว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์จะได้ข้อสรุปในเรื่องนี้เลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะประชุมครม.วันพุธที่ 13 พ.ค. และถ้าดูเรื่องของกฎหมายต่างๆ เรียบร้อย และคณะกรรมการอำนวยการบริหารด้านการรักษาความปลอดภัยของผู้นำอาเซียนได้ข้อสรุปมาก็คงจะเสนอได้ ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่า เหตุผลที่ใช้พรบ.ความมั่นคงฯคืออะไร และใช้แล้วจะมีผลอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นความต้องการของประเทศที่จะมาร่วมประชุมด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องภายในของเรา เมื่อถามต่อว่า ถ้าใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะสามารถกันผู้ชุมนุมออกห่างจากที่ประชุมได้ 5 กิโลเมตรได้ตามที่ผู้นำอาเซียนต้องการได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอำนาจตามกฎหมาย เกี่ยวกับการเข้าออกเคหะสถาน และการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการกำหนดเงื่อนไขในการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการกำหนดเงื่อนไขในการใช้เส้นทางคมนาคม เพราะฉะนั้นจะมีการยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง และตนคิดว่า การที่จะไปสรุปว่าจะใช้มาตรการอย่างนั้นอย่างนี้ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างที่เรียนภาพกว้างก็คือ ต้องการใช้บุคลากรจากหลากหลายหน่วยงาน และมีอำนาจในการดูแลเรื่องเส้นทางคมนาคมเป็นหลัก

เมื่อถามว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ทำให้รัฐบาลมีความมั่นใจมากแค่ไหนในการควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อย นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องการคือเครื่องมือทีเพียงพอ ที่ทำให้การดูแลความปลอดภัย ความสะดวกเป็นที่มั่นใจของทุกฝ่าย สำหรับผู้นำประเทศต่างๆ ที่จะมาร่วมประชุมอาเซียนนั้น ส่วนใหญ่ก็ตอบกลับมาในทางที่เป็นบวกอยู่แล้ว รอการยืนยันเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหม พันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในรถที่ถูกทุบที่กระทรวงมหาดไทยว่า ตนก็ไม่เข้าใจ เพราะมีคนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ ทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น ตนก็อยู่ในรถ หลายคนก็รู้ว่าตนอยู่ในรถ ตนก็แปลกใจทำไมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่มีเหตุผลที่จะให้เวลาและสร้างความสับสนในเรื่องนี้ ตนอยากให้เวลานี้นักการเมืองทุกคนมานั่งคิดถึงเรื่องที่จะเดินทางไปข้างหน้าว่าจะสร้างความปรองดองได้อย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีคณะกรรมการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมที่จะมาประมวลก็ไปใช้เวทีตรงนั้นจะดีที่สุด

เมื่อถามว่า เป็นเพราะว่านายจตุพรต้องการขยายผลเพื่อการชุมนุมเสื้อแดงวันที่ 10 พ.ค.นี้ที่วัดไผ่เขียวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็คงจะไปห้ามไม่ได้ แต่ตนก็คิดว่า มันน่าจะตั้งคำถามความน่าเชื่อถือ เพราะถ้ามีการหยิบยกประเด็นที่คนเขาเห็นชัดๆ ว่าอะไรเกิดขึ้น และพยายามจะทำให้เป็นอย่างอื่น

“จะเป็นเรื่องการสร้างสถานการณ์ได้อย่างไร ในเมืองการปราศรัยบนเวที 2-3 วันก่อนหน้านั้น พูดถึงการที่จะจับตัวผม ผมคงไม่สามารถไปทำให้แกนนำพูดอย่างนั้นบนเวที แล้วมีการวางแผนไปที่พัทยาบ้าง มหาดไทยบ้าง ผมคงไม่มีความสามารถมีส่วนที่จะไปทำตรงนั้นได้เลย” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกับนายจุตุพรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าใครทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีไป ตนยังไม่ได้ยินนายจตุพรกล่าวหาว่าอะไร คิดว่า ทุกคนรู้ข้อเท็จจริงดี และเป็นเรื่องแปลกแทนที่เขาจะแสดงความรับผิดชอบ กับกลุ่มคนที่แสดงเจตนาไปทำร้ายคนอื่นกลับมากล่าวหาคนที่จะถูกทำร้ายเป็นเรื่องที่แปลกมาก

เมื่อถามว่า นายจตุพร ระบุว่า ทหารสวมรอยใส่เสื้อแดงทุบรถนายกฯ นายกฯ กล่าวย้อนว่า สรุปแกนนำสั่งทหารได้ใช่ไหมครับ แกนนำบนเวทีเป็นใครละครับ ทุกคนก็เห็นอยู่ มีหมายจับอยู่ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าอย่าสร้างความสับสนเพิ่มเติม มาร่วมกันแก้ปัญหาดีกว่า เมื่อถามว่า การใช้ข้อมูลแบบนี้จะเป็นการปลุกประชาชนขึ้นมาเกลียดชังรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนคงจะมองเห็นความน่าเชื่อถือ และความไม่น่าเชื่อถือของคนมากกว่า เพราะข้อเท็จจริงมันชัดเจน พยานหลักฐานอะไรต่างๆ มีพร้อมหมดอยู่แล้ว ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไปหยิบเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงกัน และความจริงมีพยานหลักฐานต่างๆ พร้อมอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ไม่อยากนำบางภาพขึ้นมา เพราะเดี๋ยวจะหาว่า สร้างความเกลียดชัง แต่ภาพบนเวทีพูดถึงการไล่ล่าตนมีอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่นายสมยศพฤกษาเกษมสุข แกนนำคนเสื้อแดงรุ่นที่2 ระบุว่า หากรัฐบาลไม่คืนสถานีดี สเตชั่น อาจส่งผลทำให้เกิดความรุนแรง นายกฯ กล่าวว่า เรื่องดีสเตชั่นมี 2 ส่วนคือ เรื่องของอุปกรณ์ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย และจากการสอบถามเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ก็ทราบว่า ยังไม่มีการยึดอุปกรณ์ใดๆ แต่ถ้าจะมีการยึดต้องมีกฎหมายรองรับ แต่การยึดก็หมายความว่า สิ่งของที่ใช้ทำผิดกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปยึดของเขา ซึ่งส่วนนี้เป็นแนวทางที่รัฐบาลได้พูดชัด อย่างไรก็ตามการเปิดสถานีดี สเตชั่นถูกต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายทั้งหมดหรือไม่ ที่กทช.ชี้แจงคือการอัพลิงค์ในประเทศไทยขณะนี้ไม่มีใครมีใบอนุญาต แต่ถ้าอัพลิงค์ที่อื่นหรือดำเนินการเทคโนโลยีอะไรก็แล้วแต่ทีไม่ขัดต่อกฎหมายทำได้ ขณะเดียวกันเมื่อออกอากาศแล้วต้องไม่มีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่นการยุยงให้คนทำผิดกฎหมาย เช่น เผาทำลายทรัพย์สินราชการ ทำร้ายผู้อื่น แต่ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ตำหนิรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับรับบาลทำได้ตลอดเวลา ขอยืนยันว่าจุดยืนรับบาลเป็นอย่างนี้

เมื่อถามว่า คิดว่าจะใช้สาเหตุนี้ไปจุดชนวนรอบใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจตรงกันว่า จุดยืนรัฐบาลคือสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก มีแน่นอน แต่ต้องอยู่ขอบเขตของกฎหมาย ถ้าได้รับอนุญาตถูกต้อง แต้ถ้าพูดไม่เป็นกลาง ไปยุยงให้คนทำผิดกฎหมายไม่สามารถทำได้
กำลังโหลดความคิดเห็น