xs
xsm
sm
md
lg

อาการ ปชป.กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก “สุเทพ”กอด”ยี้ห้อย”ต่ออายุรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ยังไม่ทันที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะหายใจได้เต็มปอด หลังผ่านกร่ำศึกหนักจากการลองของค่อนข้างรุนแรงจากกลุ่มม็อบเสื้อแดง ที่ปลุกปั่นระดมมวลชนภายใต้ยุทธการ “แดงทั่วแผ่นดิน” เมื่อช่วงสงกรานต์เดือนที่ผ่านมา

งานนี้ ฝ่ายรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ถือเป็นการมีชัยในเกมด่านแรก สามารถจัดการควบคุมสถานการณ์จนทำให้กลุ่มเสื้อแดงต้องล่าถอยกลับไปได้ ถึงจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่นัก ก็ยังได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วมุมโลกอยู่พอสมควร

แต่ก็ใช่ว่า รัฐบาลชุดนี้จะหมดวิบากกรรมไปซะทีเดียว

เพราะยังมีคลื่นปัญหาอีกหลายลูกที่ยังถาโถมเข้าใส่ให้ต้องแก้ไขกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเปิดเกมสกปรก มุดลงใต้ดิน ของ นักโทษหนีคดีอาญา ทักษิณ ชินวัตรและสมุนคู่ใจ จักรภพ เพ็ญแข ที่ประกาศสร้าง เครือข่าย “แดงสยาม”ในต่างประเทศ คอยตอดเล็ดตอดน้อยผ่านสื่อนานาชาติ ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ และความเชื่อมั่นของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีปมความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนกลุ่มสีใหม่เกิดขึ้นมา หลังเกิดเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามถล่มยิง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จนถึงวินาทีนี้ยังไม่สามารถจับมือใครดมได้

และได้กลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างสีขึ้นรอบใหม่ระหว่าง "เหลือง-แดง-เขียว-น้ำเงิน-กากี" ที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า

สุดท้ายแล้วจะมีผลสรุปอย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ดูเหมือนจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องตกอยู่สภาวะอึดอัดกระอักกระอ่วนใจในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น

ปัญหาแรงกระเพื่อมภายในพรรคร่วมรัฐบาล

ที่มักจะคอยมีปฏิกิริยาขึ้นมา เมื่อใดก็ตามที่พรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลอยู่ในสถานะอ่อนแอกับปัญหาหลายหลากเต็มมือ

การออกมาเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ชัดเจนอย่าง มังกรการเมืองอย่าง บรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ออกมาเรียกร้องให้ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาล ทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนิรโทษกรรม ปลดโซ่ตรวนที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมัดตึงไว้ให้หลุดออกมา เพื่อจะได้โลดแล่นในเวทีการเมืองได้ต่อไป

รวมถึงการออกมาทวงขอ “งบประมาณ”ในยามที่บ้านเมืองยังอยู่ในหน้าสิ่งหน้าขวาน

หลังจากบุตรชาย สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมาแฉถึงเบื้องหลังเบื้องลึกในการลอบสังหารบิดา ที่มีหลายกลุ่มอยู่เบื้องหลัง รวมถึงการเสนอบทวิเคราะห์ของสื่อหลายสำนัก ทำให้ต้องให้ความสนใจมองลึกเข้าไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง

กลุ่มเพื่อนเนวิน กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี

แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่กำกับดูแลด้านความมั่นคงว่า ยังหวานชื่นเหมือนเมื่อครั้งที่ร่วมกันจับมือจัดตั้งรัฐบาลอยู่อีกหรือไม่?


หลังปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งจากเหตุการณ์กลุ่มม็อบแดงถ่อยบุกปิดล้อมรถนายกฯที่พัทยาท่ามกลางความอดสูในสายตาของผู้นำหลายประเทศ ไปถึงการรุมกินโต๊ะนายกฯ และบุคคลอื่นๆที่กระทรวงมหาดไทย ผนวกกับข้อมูลเบื้องหลังการลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล ทำให้สมาชิกประชาธิปัตย์หลายคนได้ทวงถามความนัยกับ สุเทพ กลางที่ประชุมพรรค

การยอมกล่าวขอโทษต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมดของสุเทพ เทือกสุบรรณ กลางที่ประชุมพรรคที่ผ่านมา และอ้อมแอ้มขอให้สมาชิกให้ความมั่นใจกับพรรคร่วมรัฐบาลเพราะยังต้องทำงานอีกต่อไป

แม้จะเป็นคำตอบที่ไม่ได้ฟันธงชัดๆ แต่ก็พอจะเห็นถึงภาวะความรู้สึกอึดอัดใจดังกล่าวพอสมควร


พิเคราะห์ดูสถานภาพความสัมพันธ์ระหว่าง เนวิน กับ สุเทพ ในตอนนี้เปรียบเสมือน “ผีเน่าต้องพึ่งพาโลงผุ”แม้แต่ละฝ่ายจะระแวงซึ่งกันและกัน แต่ก็ยังจำต้องกอดคอกันเดินหน้าต่อไป โดยกลุ่มเนวิน ยังจำต้องเกาะภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อไปเพื่อฟอกตัว รอจังหวะที่เหมาะสมในการกลับมายิ่งใหญ่

ขณะที่ สุเทพ เองก็จำต้องพึ่งพา “เนวิน” ในเสียงสนับสนุนในสภา อีกทั้งต้องพึ่งพาสมอง เล่ห์เพทุพาย ในเกมการเมืองบางอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถลงมือทำเองได้ หรืออะไรที่มันโจ่งแจ้งเกินไป ก็โยนลูกไปให้ “เนวิน” รับไปเพราะยังต้องรักษาภาพลักษณ์ความเป็นพรรคการเมืองผู้ดีเก่าเอาไว้ต่อไป

ตราบใดที่ผลประโยชน์ของทั้งสองกลุ่มยังไปด้วยกันได้ ภาพของการถ้อยทีถ้อยอาศัยก็จะยังปรากฏให้เห็นอยู่ต่อไป

ที่สำคัญต้องยอมรับว่า เวลานี้พรรคประชาธิปัตย์ แม้จะได้เป็นแกนนำรัฐบาล แต่ก็ตกอยู่สภาวะเหมือนยักษ์ที่มีแต่กระบอง แต่ไม่มีอำนาจฤทธิเดช เพราะไม่สามาถที่กุมสภาพคล่องภายอำนาจรัฐได้ โดยต้องยืมจมูกของ “เนวิน”หายใจ ซึ่งต้องยอมรับว่า นับวัน “เนวิน”จะ ยิ่งสยายปีก แผ่อิทธิพลเข้าไปถึงกองทัพและตำรวจ จนสามารถได้รับความไว้วางใจ

โดยนาทีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเนวิน กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งนับตั้งแต่ก่อตั้งรัฐบาลก็มีเสียงเล็ดลอดตลอดว่า

“เนวิน”เป็นกุนซือให้กับประวิตร ซึ่งเป็นถึงอาจารย์ของ พล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.

ทั้งนี้ในช่วงที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีมีแผนการปฏิวัติเกิดขึ้น โดยมีวางตัวบุคคลที่จะขึ้นเสียบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทน มีเพียงชื่อเดียวที่ถูกเขียนไว้ในฝ่ามือผู้มีอำนาจคือ “ประวิตร วงษ์สุวรรณ”

และที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องมีชื่อประวิตร ติดโผมาในรายชื่อ ครม.หนึ่งเดี่ยวของกระทรวงกลาโหมตั้งแต่วินาทีแรกที่ฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จจนถึงนายที่สุดท้าย เพราะมีการส่งสัญญาณ พล.อ.อนุพงษ์ ถึง สุเทพ ว่า

ชื่อเดียวที่จะยอมรับให้มาเป็นนายคือ ประวิตร เท่านั้น

แต่ทีมงานความมั่นคงกำลังประสบปัญหาเกิดความหวาดระแวงกันอย่างหนัก เป็นแรงสะเทือนจากสาเหตุที่ทำให้ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล โดนลอบสังหารในครั้งนี้ ที่ถูกมองในประเด็นที่ว่า เนื่องจากการออกมาเคลื่อนไหวโจมตีอย่างหนักถึงบทบาทของกองทัพและตำรวจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใส่เกียร์ว่างและการทำงานที่ไร้ประสิทธ์ภาพในการปราบม็อบเสื้อแดง

จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ สุเทพ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีดูแลหน่วยงานด้านความมั่นคงไม่สามารถที่จะจับมือใครดมได้ และไม่อาจที่จะนิ่งนอนใจ

หันหลังให้ใครได้อย่างสนิทใจ!

ทั้งหลายทั้งปวงของปัญหารุมเร้า การแก้เกมของพรรคประชาธิปัตย์จึงทำได้เพียงอย่างเดียวคือ การยอมผ่อนมากกว่าตึงโดยการลดอุณหภูมิร้อน

ด้วยการรับลูกแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนิรโทษกรรม

เพื่อขยับให้พรรคร่วมรัฐบาลได้มีพื้นที่หายใจหายคอมากขึ้น รวมถึงต่อลมหายใจรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์

งานนี้ อภิสิทธิ์ ย่อมรู้ดีแก่ใจว่าการนิรโทษกรรมนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ย่อมทำให้กลุ่มพันธมิตรฯไม่พอใจแน่ จึงได้เสนอออปชั่นแยกปลาออกจากน้ำ โดยมีเงื่อนไขว่างานนี้ต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้กับคดีอาญาที่ติดตัวของ ทักษิณ

นัยเพื่อเป็นการเตะถ่วง เพราะรัฐบาลรู้ดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะต้องฝ่าด่านหินอีกหลายขั้นตอน

อย่างน้อยก็เป็นการต่ออายุของรัฐบาล ท่ามกลางสถานการณ์รุมบีบรอบด้าน!
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - เนวิน ชิดชอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น