xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” ยอมรับแผน “นช.แม้ว” ดันคนเดือนตุลานำม็อบแดงน่ากลัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวนายกรัฐมนตรี
โฆษกส่วนตัวนายกฯ จวก ส.ส.ไข่แม้วปล่อยศพพลทหารไปสู่สุคติ อย่าหวังผลกับศพ ท้า “ไอ้ตู่” แน่จริงให้โชว์คลิปหลักฐานพิสูจน์ อย่าตีกินหวังข่มขู่แล้วค่อยหาหลักฐาน เชื่อเหตุดันคนเดือนตุลานำหน้าม็อบแดงเป็นไปตามแผนตากสิน หวังล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า ตามเป้าหมายปฏิญญาฟินแลนด์ หวังใช้ความรุนแรงเปลี่ยนโครงสร้างสังคม พร้อมยอมรับเป็นเรื่องที่น่ากลัว เหตุคนตุลามีประสบการณ์ต่อสู้ทางการเมือง ทั้งแผนใส่เสื้อคละสียิ่งจะทำสับสน

วันนี้ (28 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการผ่าพิสูจน์ศพ พลทหาร อภินพ เครือสุข พลทหารรับใช้ประจำบ้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าทางแพทย์ของโรงพยาบาลศิริราช ยืนยันว่า เป็นการเสียชีวิตเกิดจากการกระทบกับของแข็งเพียงครั้งเดียว ซึ่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็คงจะใช้กรณีนี้ขยายผลต่อไป ทั้งที่ข้อเท็จจริงชัดเจนแล้วว่าไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ ในศพของพลทหาร อภินพ รวมถึงไม่ได้เป็นการเสียชีวิตทันที ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริง ที่เพื่อนพลทหารรับใช้อีกสองนาย ยืนยันว่า พลทหาร อภินพ ได้บอกเล่าว่าได้ลื่นหกล้มในห้องน้ำ เมื่อเย็นวันที่ 14 เม.ย.และรู้สึกปวดหัวมาก จึงได้มาหายาแก้ปวดรับประทาน และได้มาเสียชีวิตวันที่ 15 เม.ย.เพราะฉะนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย น่าจะยุติการขยายผลในประเด็นดังกล่าว เพื่อให้ดวงวิญญาณของพลทหาร อภินพ ไปสู่สุคติ

นายเทพไท กล่าวว่า จากกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ได้ออกมาข่มขู่ว่า มีคลิปวิดีโอ เหตุการณ์ดังกล่าว ตนจึงขอท้าให้นำมาเปิดเผย ไม่ใช่มาตีกินข่มขู่ก่อน แล้วค่อยมาหาหลักฐานเติมภายหลัง เช่นเดียวกับกรณีที่ได้มีการอภิปรายถึงเหตุการณ์การควบคุมการจลาจลในช่วงสงกรานต์ในสภาที่พึ่งผ่านไป ซึ่งเป็นการเปิดเผยหลักฐานเพียงครึ่งๆ กลางๆ เป็นภาพตัดต่อ พูดความจริงไม่หมด เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น จึงยืนยันว่าการเสียชีวิตของพลทหาร อภินพ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ไปพักบ้านของแม่ทัพภาค 1 ในช่วงเวลานั้น

นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับกรณีการเปลี่ยนกลยุทธ์การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่แกนนำอย่าง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ที่ออกมาระบุว่า จะมีการปรับเปลี่ยนโดยไม่อิงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่จะเปลี่ยนมาชูคนบ้านเลขที่ 111 อย่างเช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์แทน เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ในอดีตเคยผ่านการต่อสู้ เป็นทหารป่ามาก่อน พร้อมทั้งจะปรับเปลี่ยนยุทธวิธีการต่อสู้ โดยจะใช้ทุกรูปแบบ ทั้งแบบกองโจร จรยุทธ์ หรือจับอาวุธขึ้นต่อสู้ ล้วนเป็นการอธิบายในตัวเองอยู่แล้วว่า เป็นการดำเนินการตามแผนตากสิน ที่มีแนวคิดล้มทุน ล้มปืน และล้มเจ้า เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายตามปฏิญญาฟินแลนด์ ที่โยงถึงสถาบัน ทั้งหมดนี้สอดรับกับกรณีที่ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.ที่หลบหนีคดีอยู่ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ อย่าง บีบีซี ว่า คนเสื้อแดงจะสู้ทุกรูปแบบ เพื่อล้มรัฐบาลให้มีการเลือกตั้งใหม่ให้ได้ จึงชัดเจนแล้วว่าเป็นความต้องการที่จะมีการใช้ความรุนแรงเปลี่ยนโครงสร้างของสังคมไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

นายเทพไท กล่าวอีกว่า ที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ กรณีที่ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ซึ่งเป็นอดีตแนวร่วมของพลพรรคแนวคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้แต่งชุดทหารป่า ประดับดาวแดงเต็มยศเข้ามอบตัว เพื่อสู้คดีจากเหตุการณ์จลาจลช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า เป็นกระบวนการคอมมิวนิสต์หลงยุคที่สังคมไทยยอมรับไม่ได้ หรือแม้กระทั่งสังคมโลกเองก็ไม่ยอมรับ เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่าการปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม สุดท้ายก็ไปไม่รอด และก็มีการปรับเปลี่ยน ดังนั้น การต่อสู้ของคนเหล่านี้จึงเป็นเพียงการต่อสู้ของพวกไดโนเสาร์หลงยุค เพราะระบอบการปกครองแบบพรรคคอมมิวนิสต์ได้ล่มสลายไปแล้วทั่วโลก ดังนั้น การแต่งชุดทหารป่าของ นายสุรชัย เป็นการแสดงความเหิมเกริม ท้าทายอำนาจรัฐ ซึ่งจำเป็นที่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง และฝ่ายความมั่นคงจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปอย่างเด็ดขาด

เมื่อถามว่า การที่ดึงฝ่ายซ้ายจัดมาเป็นทีมงานของคนเสื้อแดงจะส่งผลกระทบอย่างไร นายเทพไท กล่าวว่า การที่แกนนำรุ่นสองซึ่งเป็นคนบ้านเลขที่ 111 ที่ผ่านประสบการณ์ต่อสู้ทางการเมืองในอดีต ทั้งในฐานะผู้นำนักศึกษา และการต่อสู้ที่เข้าป่า เป็นเรื่องที่น่ากลัว ส่วนการปรับยุทธวิธีที่ไม่ใช้เสื้อสีแดง แต่ใช้คละสีนั้น ถือเป็นการสร้างความสับสนให้กับสังคม อำพรางตัวเองให้ฝ่ายรัฐบาลเข้าไปจัดการยากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีการเคลื่อนไหว เชื่อว่า สันติบาล หน่วยข่าวกรองก็จะมีข้อมูลเชิงลึก ที่เสนอต่อรัฐบาลเพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น