xs
xsm
sm
md
lg

“ไอ้ตู่” เสแสร้งบอก “อีเพ็ญ” อย่าใช้ความรุนแรง ยึดสันติวิธี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไอ้ตู่” เผยเตรียมส่งทนายยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาล ขอประกันตัวแกนนำเสื้อแดง โวยวายรัฐบาลสร้างเงื่อนไข 2 มาตรฐาน ต่างจากม็อบเหลือง ซัดตั้งกรรมการ 2 ชุด ตรวจสอบแก้ไขสถานการณ์เหตุปราบจลาจลไร้ประโยชน์ อ้างเอาคนไม่รู้มาสอบ ชี้ต้องไม่ใช่ตัวแทนจาก 3 ฝ่าย เชื่อต้องมาทะเลาะกันเอง ปัดข่าวติดต่อ “อีเพ็ญ” มอบตัว เสแสร้งคนดีบอกไม่อยากให้ใช้วิธีรุนแรง ให้ยึดสันติวิธี

วันนี้ (27 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มแกนนำ นปช.ว่า ในวันนี้นอกจากนายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช.จะเข้ามอบตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รวมถึงผู้ที่ถูกออกหมายจับที่อยู่ในต่างจังหวัดจะเข้ามอบตัวภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ จะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย รวมถึงหลักทรัพย์ในการประกันตัว ซึ่งขณะนี้กรรมการบริหารพรรคกำลังดำเนินการอยู่

นายจตุพรกล่าวต่อว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงเข้ามามอบตัวแล้ว ก็ควรเร่งรัดในการดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรฯด้วย ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า การบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิไม่เป็นไปตามที่ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ยืนยันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จ และนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็ได้ยืนยันด้วยว่าจะให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ แต่ดูจากท่าทีของการให้ข่าวแล้วอาจจะเสร็จภายในสิ้นเดือน ซึ่งผิดกับคดีของคนเสื้อแดง คนที่ได้รับการประกันตัว 3 คน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ. เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ซึ่งทางทีมกฎหมายจะรีบเร่งเพื่อยื่นคดีต่อศาลอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น กรณีคดีของคนเสื้อแดงจึงมีเงื่อนไขต่าง ทั้งการห้ามออกนอกประเทศ ห้ามยั่วยุปลุกปั่น ซึ่งแตกต่างจากคดี 9 แกนนำพันธมิตรฯ เมื่อมีการมอบตัวแล้วสามารถกลับมาชุมนุมได้อย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อเทียบกันแล้วก็มีความผิดในลักษณะเดียวกัน จึงขอตั้งคำถามว่าคดีทั้งสองฝ่ายใช้กฎหมายฉบับเดียวกันหรือไม่ ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลปฏิบัติ 2 มาตรฐาน
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กำลังจะดำเนินการฟ้องนายสุเทพ และนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ในข้อหาใส่ร้ายกรณีรถแก๊สที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง และหน้าห้างสรรพสินค้าคิงเพาเวอร์ ซึ่งนำมาจากบริษัท สยามแก๊ส ที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ เป็นกรรมการบริหารอยู่

นายจตุพรกล่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุด เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องการยุบพรรค จากการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในการยักยอกเงินในตลาดหลักทรัพย์ของ บจก.ทีพีไอโพลีน ผ่านทางบริษัท เมสไซอะ ครีเอชั่น จำกัด รวมถึงเงินกองทุนพัฒนาการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้น พรรคที่จะรอการถูกยุบ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และอย่าเฉไฉเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ หากจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ตรงกันจะถูกหาเศษหาเลยโดยคนพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ก็ไม่ควรตั้งคณะกรรมการให้เสียเวลา เพื่อเป็นการซื้อเวลาใดๆ

ส่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง นายจตุพรกล่าวว่า หากมีการนับวันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เพราะมีภาพการใช้ปืนอูซี่ ของชุดรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ใช้ปืนอูซี่ยิงใส่ประชาชน ซึ่งมีภาพเผยแพร่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์บีบีซี และทางยูทูป เพราะฉะนั้นการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวก็ควรที่จะตั้งบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือและไม่ควรจะเป็นสมาชิกทั้ง 3 ส่วน คือ วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และ สมาชิกวุฒสภา (ส.ว.) เพราะเป็นการตั้งคณะกรรมการเพื่อไปทะเลาะกันเท่านั้น และหากจะตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงก็ควรเป็นเช่นเดียวกับชุดหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่แยกเรื่องการเมืองกับเรื่องการปราบปรามประชาชน ซึ่งผลการสอบสวนของกระทรวงกลาโหม ของ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่เมื่อเป็นประธานทำหน้าที่สรุปผลการสอบสวนก็อยู่บนหลักของความเป็นจริง และระบุผลได้ชัดเจนที่สุด ส่วนการตั้งผู้ไม่รู้เพื่อไปทะเลาะและหาความจริงไม่ได้ก็ไม่เป็นประโยชน์ และเสียเวลา

ส่วนเรื่องการเสียชีวิตของทหารเกณฑ์ในบ้านแม่ทัพภาคที่ 1 นั้น นายจตุพรกล่าวว่า ที่มีการส่งข้อความบอกแฟนก่อนเสียชีวิตว่านายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาพักที่บ้านหลังดังกล่าวนั้น และทางรัฐบาลได้ให้เงินจำนวน 17,000 ในการเผาศพนั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีชี้แจงเหมือนเดิมว่าอยู่ในบ้านหลังดังกล่าววันที่ 12-13 เม.ย.แต่พลทหารเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ซึ่งยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเสียชีวิตวันใด ซึ่งจะมีใครเชื่อหรือไม่ว่าเด็กหนุ่มจะลื่นล้มในห้องน้ำและเสียชีวิต กับเรื่องการ์ด นปช.ที่ถูกฆ่า มัดมือแล้วโยนลงแม่น้ำเจ้าพระยา

“อภิสิทธิ์เป็นชายไทยที่หนีทหาร อภิสิทธิ์ก็อาจจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับพลทหารคนนี้ที่ถูกส่งมารับใช้บ้านแม่ทัพภาคที่ 1 และอาจมีชะตากรรมเดียวกัน” นายจตุพร กล่าว

ส่วนเรื่องที่รัฐบาลอ้างเหตุผลในการปิดวิทยุชุมชนร่วมถึงสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น ว่า เป็นไปตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เมื่อเลิกใช้ก็จะกลับมาสู่ภาวะปิกติ แต่ขณะนี้ได้มีการยกเลิก พ.ร.ก.แล้ว แต่มีการอ้างกฎหมายฉบับอื่นขึ้นมาอีก ซึ่งคนเป็นนายกฯไม่ควรมีพฤติกรรมกะล่อน มะกอกสามตะกร้า ทั้งนี้ มีสถานีโทรทัศน์อีกหลายแห่งที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี จึงมีคำถามว่าใช้กฎหมายฉบับเดียวกันหรือไม่ รวมถึงกรณีที่ลอบสังหารประชาชน ต่อไปจะมีหลักฐานที่ชัดเจนมากขึ้น และหากมีการพิสูจน์พบว่ามีประชาชนตายเพียงหนึ่งศพ รัฐบาลก็ไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ ดังนั้น อย่าคุกคามคนเสื้อแดง หากวันหนึ่งคนเสื้อแดงไม่ใส่เสื้อสีแดง ก็จะเป็นเหตุการณ์น่ากลัว เพราะรัฐบาลจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.จะเป็นหน้าที่ของแกนนำรุ่นที่ 2 ที่จะเคลื่อนไหวต่อไป เพราะไม่ได้ถูกออกหมายจับ ซึ่งการชุมนุมเป็นสิทธิที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่ทำการยุยงปั่นป่วน ส่วนกรณีนายจักภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ พร้อมทั้งประกาศว่าจะใช้ความในรุนแรงในการล้มรัฐบาล จะเดินเข้ามอบตัวหรือไม่นั้น ยังไม่มีการพูดคุยกัน และไม่ทราบว่าขณะนี้อยู่ที่ไหน หากติดต่อได้ก็จะเตือนว่าอย่าใช้แนวทางความรุนแรง ควรใช้สันติวิธีปราศจากอาวุธ เพราะเป็นแนวทางที่ใช้มาทั้งโลก



กำลังโหลดความคิดเห็น