“มาร์ค” เผยไทยได้รับความเชื่อมั่นจากนานาชาติ โดยเฉพาะ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ที่แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้ยั่งยืน ยัน “อาเซียน” ไม่ยอมรับกีดกันการค้า
วันนี้ (27 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียแปซิฟิก (ESCAP) สมัยที่ 65 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีความยึดมั่นและยินดีที่ได้สนับสนุนสหประชาชาติเป็นเวลา 2-3 ปี ซึ่งหลังจากที่ได้ฉลองความสัมพันธ์ครบ 60 ปีมาแล้วนั้น ทางยูเอ็น เอสแคป เหมือนเป็นรัฐสภาของเอเชียแปซิฟิก 60 ปีที่ผ่านมาเอเชียแปซิฟิกผ่านวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจร่วมกัน และมีความจำเป็นในการสร้างความร่วมมือเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคทั้งวิกฤตเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้ให้ผ่านไปได้ ตนในฐานะประธานอาเซียน จะผลักดันวิสัยทัศน์อาเซียนให้ประชาคมอาเซียนประสบผลสำเร็จตามกฎบัตรอาเซียน ทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชน และการขยายผลข้อริเริ่มเชียงใหม่ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อประชาคมอาเซียนเท่านั้น แต่ยังขยายไปยังเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า การแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจโลกและวิกฤตทางการเงินในครั้งนี้ ในฐานะประธานอาเซียนตนได้แสดงวิสัยทัศน์ ในเวทีการประชุม จี 20 ที่กรุงลอนดอนที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าอาเซียนไม่ยอมรับ หรือต้องการเห็นการกีดกันทางการค้า และอยากให้ทุกประเทศให้ความร่วมมือและผลักดันไม่ให้เกิดการกีดกันทางการค้า นอกจากนี้ยังได้ประสานการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหากับสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศให้คำนึงถึงความสนใจของประเทศกำลังพัฒนาอีกด้วย รวมไปถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศ ซึ่งถือเป็นปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำว่า ปัญหาในแต่ละครั้งทำให้สามารถเรียนรู้ปัญหาได้ดีกว่าเก่ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้รับการยอมรับจากนานาชาติในการร่วมมือกันแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้ไทยได้รับความเชื่อมั่นจากต่างประเทศในการเป็นเจ้าบ้านจัดการประชุมอาเซียน นอกจากนี้ไทยยังได้รับการยืนยันในการให้ความสนับสนุนร่วมมือจากองค์กรระหว่างประเทศ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการปฏิบัติและดำเนินการร่วมมือกันอย่างจริงจังและคาดว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาได้เป็นอย่างดี
