“ไอ้ตู่” เสแสร้งค้านแนวคิด “อีเพ็ญ” เคลื่อนไหวใต้ดินโดยยึดวิธีใช้ความรุนแรง อ้างแกนนำคนอื่นไม่เห็นด้วย ยันแก้ปัญหาไม่ได้ สันติภาพไม่เกิด ยังโกหกหน้าตายบอกมาถูกทางชุมนุมโดยไม่ทำให้คนเสียชีวิต ขู่ชุมนุมรอบใหม่คนมากกว่าเดิม เย้ย “เทพเทือก” แจงไม่เคลียร์จับ ตร.สวมเสื้อน้ำเงิน ทั้งยกยอ “นช.แม้ว” ไม่ธรรมดา เป็นนกมีขน คนมีเส้น ใครจะจับกุมตัวยาก ตีหน้าจริงใจอ้างเมื่อสภาปิดพร้อมมอบตัวแน่
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่ม นปช.ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงหลังจากนี้จะเป็นการเคลื่อนไหวใต้ดินและจะมีการใช้อาวุธว่า เชื่อว่าเป็นเพียงความคิดของนายจักรภพเพียงคนเดียว เพราะล่าสุดตนยังไม่ได้ติดต่อกับนายจักรภพเลยภายหลังจากที่เดินออกไปต่างประเทศ ซึ่งหากมีโอกาสจะพูดกับนายจักรภพว่าแกนนำกลุ่มเสื้อแดงทั้งในส่วนของตน นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่เห็นด้วย เพราะการใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การต่อสู้ต้องจบลงที่สันติภาพเท่านั้น และไม่ควรเปลี่ยนแนวทาง
ขู่ชุมนุมรอบใหม่คนมากกว่า 8 เม.ย.
นายจตุพรกล่าวอีกว่า เชื่อว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาถูกทางแล้ว ที่ทำให้ประชาชนไม่ต้องเสียชีวิต หากวันที่ 13 เม.ย.อยู่ท่ามกลางฝูงชนเราอาจเป็นฮีโร่ แต่ต้องแลกกับชีวิตประชาชน วันนี้จึงบอกได้เลยว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เวทีในสภาเป็นเพียงการต่อสู้อีกอย่างหนึ่ง เส้นทางการต่อสู้ยังอีกยาวไกล ต้องบอกว่าคนเสื้อแดงไม่ได้พ่ายแพ้ แต่อยู่ในฐานที่ตั้งพร้อมที่จะออกมาทุกเมื่อ หากเราถูกท้าทาย ถูกไล่ล่า เอาผิดอย่างที่รัฐบาลตำรวจทำอยู่กับแกนนำคนเสื้อแดง และพยายามบิดเบือนป้ายสีความผิดมาให้เรา วันนั้นเราก็พร้อมออกมาชุมนุมด้วยจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสน มากกว่าและยิ่งใหญ่กว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนเงื่อนไขและเงื่อนเวลาว่าเราจะกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่นั้นอยู่ที่การกระทำของรัฐบาลที่จะทำให้คนเสื้อแดงทนไม่ไหวและต้องออกมาต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมอีกครั้ง
เย้ย “เทพเทือก” เคลียร์ไม่ชัดจับ ตร.สวมเสื้อน้ำเงิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังอภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ยังไม่ได้ติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ภาพรวมการชี้แจงของฝ่ายค้านนั้นจะเชื่อมโยงให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริง ทั้งนี้มองว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีไม่สามารถชี้แจงได้ ในหลายประเด็น ทั้งในเรื่องการใช้อาวุธสงครามกับประชาชนและการที่ไปเอาตำรวจ จ.บุรีรัมย์ และจ.ชัยภูมิ มาสวมเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นจุดหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า กลุ่มเสื้อแดงมีจุดแข็งคือ คนมาชุมนุมเองไม่ได้จัดตั้ง แต่ก็มีจุดอ่อนคือ มีช่องว่างทำให้คนมาสวมรอยได้ง่าย
หยันไร้น้ำยาลากคอ “แม้ว” ยันปิดสภามอบตัวแน่
สำหรับกรณีที่กระทรวงต่างประเทศร่างสนธิสัญญา UAE เพื่อเตรียมนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีนั้น นายจตุพรกล่าวว่า เท่าที่ทราบรัฐบาลยังแค่ร่าง แต่มาให้ข่าวก่อน เชื่อว่าไม่สามารถจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณได้ เพราะคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ธรรมดา เป็นนกมีขน คนมีเส้น มีมิตรอยู่ทั่วโลก ส่วนกรณีที่มีการมองว่า นายจตุพรยังไม่ยอมมอบตัวนั้น เพราะต้องการรอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน นายจตุพรกล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยกลัวติดคุก หากวิปรัฐบาลโหวตให้ตนมอบตัวตนก็พร้อมไปมอบตัวทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม ภายหลังปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 19 พฤษภาคม ตนจะไปมอบตัวอย่างแน่นอน
ส.ส.เหนือ พท.เปรียบเหมือนรัฐบาลรับสารภาพกลางสภา
ด้าน นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยในการอภิปรายกรณีวิกฤตการเมืองต่อที่ประชุมร่วม 2 สภานั้น ความจริงแล้วแค่เป็นวันเริ่มต้นการรับสารภาพของรัฐบาล เพราะการที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ หรือนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ปฎิเสธกลางสภานั้น เท่ากับว่าเราบรรลุเป้าหมายในเบื้องต้นแล้ว เพราะเหมือนกับเป็นการรับสารภาพ เนื่องจากภาพ หลักฐานหลายอย่าง เช่น ภาพการยิงประชาชนต่อหน้ารมว.กลาโหมนั้นสะท้อนว่ารัฐบาลโกหก ซึ่งต่อไปเชื่อว่าจะเป็นสงครามสื่อที่ประชาชนจะตัดสินด้วยข้อมูลระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายอมาตยาธิปไตย
โบ้ยถามลูก “สนธิ” รู้ดี เสื้อแดงต้องสลายเพราะอะไร
นายสงวนกล่าวด้วยว่า ทราบมาว่าเบื้องหลังที่นายวีระตัดสินใจยุติการชุมนุมนั้น เพราะได้รับข้อมูลเชิงลึกว่าทหารจะเข้าสลายการชุมนุมครั้งใหญ่ จากนั้นจะมีพระเอกขี่ม้าขาวซึ่งเป็นคนของฝ่ายที่วางแผนทั้งหมดออกมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วโยนความผิดให้ผู้ปราบปราม และจะกำจัดสีเหลืองสีแดงโดยใช้วิธีปฎิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงอำนาจการเมือง ส่วนคนที่มาเป็นนายกฯก็จะทำตัวเป็นพระเอก ได้ภาพที่ดีไป ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปถามคนที่รู้ดีที่สุดคือ ลูกชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย