ทบ.ยันสลายม็อบเสื้อแดงตามกฎหมาย ไร้ผู้เสียชีวิต แถมทหารบาดเจ็บมากกว่าผู้ก่อจลาจล ระบุภาพตามเว็บตัดตอน แล้วเขียนบรรยายบิดเบือน ส่วนคลิปวิดีโอกล่าวหาทหารจับคนขับรถเมล์ยิงเสียชีวิต ที่แท้เป็นคนขับปลอมตัวเป็นม็อบตามไปเอารถคืน จึงโดนทหารควบคุมตัว แต่ทำความเข้าใจกันส่งตัวกลับบ้านแล้ว
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 21 เม.ย.ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงระดับกองพันทั่วประเทศ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมว่า ผบ.ทบ.ได้เชิญผู้บังคับกองพันมารับทราบข้อมูลที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการของกองทัพบกในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยในที่ประชุมได้มีการบรรยายสรุปถึงเหตุการณ์การก่อความไม่สงบในช่วงในวันที่ 12-14 เม.ย. โดย พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้ช่วยเสนาธิการฝ่ายยุทธการได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ปัญหา และการใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติของทหารต่อผู้ชุมนุมให้กับที่ประชุมให้ได้รับทราบ
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า การบรรยายสรุปได้ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติงานของทหารได้อยู่ในสายตาของสื่อมวลชน และฝ่ายการแพทย์ ซึ่งการปฏิบัติของทหารเราปฏิบัติงานไปตามกรอบของกฎหมายใช้กำลังตามหลักสากล ทั้งนี้ พล.ท.ดาว์พงษ์ ยืนยันว่าประชาชนทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชาติจะไม่มีการทำร้าย ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับพื้นที่มีการเผชิญหน้ากัน รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์มาชี้แจงเกี่ยวกับภาพเหตุการณ์ที่นำเสนอทางสื่อต่างๆ ในเว็บไซต์ โดยไม่ตรงกับความเป็นจริง รวมถึงภาพที่มีการแอบอ้างว่าทหารทำร้ายประชาชนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทุกภาพเจ้าหน้าที่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด รวมถึง ผบ.ทบ.ยังได้ทำความเข้าใจกับกำลังพลถึงการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.2549 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันถึงการออกมาปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ในที่ประชุมยังได้มีการบรรยายสรุปถึงยอดผู้บาดเจ็บเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ผ่านมาของกองทัพ ซึ่งพบว่า ขณะนี้มียอดเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บมากกว่าประชาชน นอกจากนี้ยังได้ยืนยันว่า จากตรวจสอบไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารครั้งนี้
“ภาพที่เกิดขึ้นทางอินเทอร์เน็ต เป็นการสังเกตว่ามีการตัดมาเฉพาะในภาพๆ เดียว และมีการเขียนบรรยายใต้ภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการชี้แจงบรรยายสรุปตั้งแต่ต้นจนจบรวม 40 นาที ซึ่งกองทัพค่อนข้างมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าใจ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ยังเล่าให้ฟังว่าการปฏิบัติเมื่อวันที่ 12-13 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดความรุนแรงอะไร แสดงว่าท่านสามารถนำพากองทัพไม่ให้เป็นที่รังเกียจของประชาชน ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างของกองทัพมีคำตอบ และขึ้นอยู่กับกฎหมาย และอำนาจที่ฝ่ายบริหารมอบให้กองทัพดำเนินการ ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้การทำงานที่ผ่านมาของกองทัพจะต้องชื่นชมกำลังพลชั้นผู้น้อย ซึ่งในที่ประชุมได้มีการชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง” พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ผบ.ทบ.ได้ให้นโยบายแก่ผู้บังคับกองพันถึงความเข้าใจในการรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ให้ทราบเพื่อให้ ผู้บังคับกองพันไปชี้แจงกับกำลังพล และประชาชนให้ทราบข้อเท็จจริง เพื่อไปตอบคำถามกับประชาชนได้ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ยังได้ชื่นชมการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาในช่วงการสลายการชุมนุมที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่างที่ได้ตั้งใจปฏิบัติงานตามนโยบาย และไม่ใช่ความรุนแรง และไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้ย้ำจุดยืนว่ากองทัพบกจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ซึ่งในโอกาสนี้ทางกองทัพได้ใช้โครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้ไปช่วยกันอย่าให้สังคมมีสีต่าง ๆ เกิดขึ้น และให้ทหารลงไปช่วยสร้างความสมานฉันท์ และย้ำว่าไม่อยากให้มีสีเกิดขึ้น และให้ทำอย่างไรก็แล้วให้ประชาชนเป็นสีเดียวกัน
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บ้านเมืองหลังใช้กำลังทหารออกมาคลี่คลายสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินปี 2548 ว่า มีหลายคนตั้งข้อสังเกตถึงการปฏิบัติงานของทหารและตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทหารและตำรวจมีความมั่นใจว่า สิ่งที่ปฏิบัติเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและผู้บังคับบัญชาระมัดระวังทุกขั้นตอนที่ไม่ให้กระทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะเรื่องการสูญเสียกองทัพระมัดระวังมาก ที่ผ่านมาสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ก็ยืนยันว่าการปฏิบัติงานของกองทัพ ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้รับอันตรายใดๆ โดยเฉพาการสูญเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ทั้งนี้ หากมีการตรวจสอบกองทัพพร้อมไม่มีปัญหา
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องของการนำคลิปวิดีโอมาเผยแพร่ว่าทหารทำร้ายประชาชนนั้นเป็นการเข้าใจผิด ส่วนกรณีนายเทียนชัย สกุลทหาร คนขับรถเมล์สาย 64 ได้ชี้แจงรายละเอียดไปแล้ว และนายเทียนชัย ก็ไม่ได้เสียชีวิตตามที่กล่าวอ้าง และไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิง ยังมีชีวิตครบถ้วนสมบูรณ์ แต่เหตุการณ์วันนั้นนายเทียนชัย ได้ขับรถเมล์สาย 64 คันดังกล่าวมาถึงบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา กลุ่มคนเสื้อแดงได้ไปทำการยึดรถ พร้อมกับไล่ผู้โดยสารลงบริเวณหอสมุดแห่งชาติ และนำรถเมล์คันดังกล่าวมาจอดไว้บริเวณกองทัพภาคที่ 1 โดยที่นายเทียนชัย ได้แจ้งไปยังเจ้าของอู่ที่อยู่ จ.นนทบุรี โดยเจ้าของอู่บอกว่าให้นายเทียนชัย ไปเอารถเมล์คันดังกล่าวคืนให้ได้
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า จากนั้นนายเทียนชัย ได้กลับมาเอารถที่บริเวณจุดดังกล่าว โดยมีการนำเสื้อสีแดงมาใส่ เพื่อต้องการพลางตัวในการนำรถออกไปในจุดดังกล่าว บังเอิญรถที่นายเทียนชัย ขับนั้นถูกกลุ่มเสื้อแดงขับไปจอดคาไว้หลังรถที่ถูกไฟเผา เกรงว่ารถของตัวเองจะถูกเผาตาม จึงได้หาจังหวะขึ้นไปขับรถเพื่อกลับอู่ แต่บังเอิญมาเจอทหารที่ปฏิบัติงานอยู่ ทำให้นายเทียนชัย วนรถคันดังกล่าวไปมาหลายรอบ ทำให้เจ้าหน้าที่คิดว่าคนคันดังกล่าวจะขับรถชนเจ้าหน้าที่เลยบุกเข้าจับตัว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการยิงนายเทียนชัยแต่อย่างใด สอบถามจนรู้ว่าเกิดความเข้าใจผิดกัน ขณะนี้ส่งตัวนายเทียนชัยกลับบ้านโดยปลอดภัยแล้ว เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ทุกคนต้องเข้าใจว่าทหารปฏิบัติภารกิจย่อมมีการกระทบกระทั่งบ้าง เพราะการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ไปจับคนเล่นไพ่
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กองทัพเข้าไปมีส่วนร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีการจัดกำลังทหารลงไปดูแล เรื่องการป้องกันการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม ใครมีสีหรือไม่มีสีทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ใครทำผิดหรือมีข้อมูลโยงไปถึงใครต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย หรือหากมีคนของหน่วยงานใดเข้าไปเกี่ยวข้องเชื่อมั่นว่าผู้บังคับบัญชาหน่วยต้นสังกัดยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจ เชื่อว่าไม่มีหน่วยงานใดเลี้ยงคนที่ทำผิดกฎหมายไว้ ทั้งนี้ กองทัพยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจ
เมื่อถามว่า การลอบยิงนายสนธิมีกระแสข่าวว่าทหารและตำรวจ เข้าไปเกี่ยวพัน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพบกไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของตำรวจ หากมีข้อมูลว่าทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง และตำรวจขอข้อมูลกองทัพพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งมาว่าทหารมีส่วนกับเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามถึงแนวความคิดที่รัฐบาลเตรียมแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 โดยเฉพาะประเด็นการนิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า หากการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นความต้องการของสังคมโดยรวม และทำเพื่อบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่มีการแบ่งสี หรือแบ่งฝ่าย ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดก็ถือเป็นสิ่งที่ดี และบรรดา ส.ส. หรือ ส.ว. เห็นว่าการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเหมาะสมก็ดำเนินการไป กองทัพไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะกองทัพเป็นกลไกของรัฐบาล
เมื่อถามว่า กองทัพไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลหรือรัฐสภา ว่าอย่างไรต้องดำเนินการตามนั้น เราเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีหน้าที่ตรงนี้ ปัจจุบันกองทัพทำตามหน้าที่อย่างเดียว เพราะใครแล้วแต่ทำตามหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดก็จะทำให้สังคมเรียบร้อย ส่วนประเด็นการนิรโทษกรรมนั้น ไม่ขอออกแสดงความเห็น เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองที่จะพิจารณาร่วมกัน