“วิปรัฐบาล” เตรียมแผนประชุมสองสภา มั่นใจรัฐบาลใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินตามกฏหมาย เชื่อฝ่ายค้านตีรวนประเด็นใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมจนทำให้เสื้อแดงเสียชีวิต พร้อมหนุนรัฐแจกซีดี 1 ล้านแผ่น ชี้แจงการสลายชุมนุม นปช.
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ทำเนียรัฐบาล นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงผลการหารือภายในวิปรัฐบาลว่า จากการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาวิปรัฐบาลเห็นว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นมีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน และระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหาย ทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเป็นมาตรฐานที่จะนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาการชุมนุมต่อไปในอนาคต
นายชินวรณ์กล่าวว่า วิปรัฐบาลยังได้หารือประเด็นที่ฝ่ายค้านจะมีการหยิบยกขึ้นมาอภิปราย ในการประชุมร่วมสองสภา ซึ่งรัฐบาลจะต้องชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นแล้ว ทางวิปรัฐบาลยังต้องการเห็นสภาเสนอทางออกเพื่อคลี่คลายปัญหาของประเทศ อย่างไรก็ตาม ทางวิปรัฐบาลเองห่วงว่า ฝ่ายค้านจะหยิบยกประเด็นความชอบธรรมในการออก และการใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาโจมตีรัฐบาล ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลจากฝ่ายรัฐบาลและกฤษฎีกา ยืนยันว่ารัฐบาลได้ประกาศใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยชอบตามกฎหมายทุกประการ ส่วนกรณี ส.ส.ฝ่ายค้านบางคนกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่มีการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิตนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการสลายการชุมนุม และไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด แม้มีผู้บาดเจ็บบ้าง รัฐบาลก็ได้รับผิดชอบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุขดูแล
นายชินวรณ์กล่าวว่า สำหรับการประชุมร่วมสองสภานั้น ทางวิปรัฐบาลกำหนดไว้ 2 วัน คือ วันที่ 22-23 เม.ย.เวลา 10.00-22.00 น.รวม 24 ชั่วโมง โดยแบ่งเวลาให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีได้ชี้แจงตอบข้อสงสัยเพื่อนสมาชิก 4 ชั่วโมง หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 2 ชั่วโมง ส่วนเวลาที่เหลือจะแบ่งตามสัดส่วนของจำนวน ส.ส.และส.ว. นอกจากนี้ ทางวิปรัฐบาลจะเสนอให้มีการถ่ายทอดสดการอภิปรายครั้งนี้ให้ประชาชนได้รับทราบอีกด้วย
นายชินวรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้ ทางวิปรัฐบาลยังได้กำหนดให้มีคณะทำงานยุทธศาสตร์ดูแลการอภิปรายครั้งนี้ โดยมีตนเป็นประธาน โดยคณะทำงานมีหน้าที่กำหนดและติดตามยุทธศาสตร์การอภิปราย และดำเนินการประสานข้อมูลจากฝ่ายรัฐบาลและกองอำยวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้การชี้แจงเป็นไปอย่างมีเหตุผล ไม่ต้องการเห็นการประท้วงหรือตอบโต้อย่างไม่มีเหตุผล นอกจากนี้ ทางวิปรัฐบาลจะประสานให้ทางวิปแต่ละฝ่ายไปศึกษาประเด็นการปฏิรูปการเมืองเพื่อนำเสนอในการประชุมร่วมกันภายใน 2 สัปดาห์ต่อไป
นายชินวรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้ทางวิปรัฐบาลเห็นว่าหลังการอภิปรายครั้งนี้น่าจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 ชุด เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนแก้ไขสถานการณ์ ตลอดจนการดำเนินการปฏิรูปการเมือง เพื่อแก้ปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ โดยคณะกรรมการชุดที่ 1 คือ คณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.คณะกรรมการที่ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศในระยะยาวและระยะสั้น 3.คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ทางการเมือง
นอกจากนี้ ทางวิปรัฐบาลยังห่วงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่ยังมีอยู่ โดยเฉพาะการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งทางวิปรัฐบาลเห็นว่าควรเร่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามหาตัวคนร้ายและดำเนินการรักษาความปลอดภัยให้บุคคลสำคัญและประชาชนอยางเข้มงวดต่อไป รวมถึงเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลเพื่อประโยชน์ทางการเมืองต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
นายชินวรณ์กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอให้ที่ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ขอย้ำว่าทางวิปรัฐบาลเห็นตรงกันว่าต้องแยกประเด็นให้ชัดเจน โดยต้องไม่รวมเรื่องที่มีการทุจริต คอร์รัปชัน หรือทำผิดกฎมายอาญา หรือการยุยงปลุกปั่นก่อการจลาจล ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นต้องรักษากฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำงานอย่างเสมอภาคเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งจะทำให้การทำงนของเจ้าหน้าที่งายขึ้น และอาจจะไม่ต้องมีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งมีการเสนอต่อสภาก่อนหน้าที่เกิดเหตุสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น ทางวิปจึงเห็นว่าควรมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยให้แต่ละพรรครับเรื่องนี้ไปพิจารณาต่อไป
“เราไม่ต้องการที่จะให้ใครก็ตามหยิบยกประเด็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลมีสองสามมาตรฐาน ใครก็ตามที่ชุมนุมโดยเปิดเผยปราศจากอาวุธ ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน เมื่อมีบางคนมาเรียกร้องว่าถ้าตนเองถูกจับกุมผู้ชุมนุมทั้งสามแสนคนมามอบตัวให้ถูกจับกุมด้วย ผมคิดว่าเป็นคำพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบ รัฐบาลยืนยันว่าจะจับกุมและดำเนินคดีผู้ที่เป็นแกนนำยุยงปลุกปั่น หรือเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดความเสียหายต่อประเทศเท่านั้น” นายชินวรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมร่วมสองสภาจะมีการพิจารณาประเด็นที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นขอใช้เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.คุ้มครองหรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า มีความชัดเจนอยู่แล้วว่าการประชุมร่วมสองสภา ไม่สามารถนำประเด็นการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 173 มาพิจารณาได้ เพราะกระบวนการขอเอกสิทธิ์คุ้มครองจะเกิดขึ้นต่อเมื่อผู้ที่ถูกดำเนินการคดีทางอาญาไปแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางเจ้าหน้าที่ได้ขอหมายศาลพื่อให้ศาลร้องขอมายังสภา หากบุคลลผู้นั้นเป็น ส.ส.และอยู่ในสมัยประชุม ซึ่งเจตนาของกฎมายฉบับนี้เพื่อคุ้มครอง ส.ส.ไม่ให้ถูกรังแกหรือก้าวก่ายจากฝ่ายบริหาร แต่กรณีของนายจตุพรนั้น เป็นการทำผิดกฎหมายอาญา ดังนั้นนายจตุพร ควรแสดงความ รับผิดชอบในฐานะแกนนำด้วยการมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ และไม่ควรแอบอ้างเอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.มาดำเนินการแถลงข่าวและท้าทายให้สภาลงมติ อย่างไรก็ตาม เมื่อปิดสมัยประชุมสภา นายจตุพรก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า กรณีที่พรคฝ่ายค้านเตรียมหลักฐานการสลายการชุมนุม และมีผู้เสียชีวิตมาแฉกลางสภา ทางวิปรัฐบาลได้มีการประเมินอย่างไรนายชินวรณ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการชี้แจงอย่างชัดเจนว่ายินดีที่ฝ่ายค้านจะนำหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ หรือภาพถ่าย หากมีผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่จริงก็มีชี้แจงแถลงในสภา เพราะฝ่ายรัฐบาลสามารถชี้แจงได้ แต่ถ้ามีข้อมูลจริงรัฐบาลก็พร้อมที่จะเยียวยา อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านก็ต้องรับผิดชอบข้อมูลที่นำมา เพราะอาจถูกฟ้องร้องจากบุคคลภายนอกได้