xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ย้อนถามเสื้อแดง โค่นอำมาตย์ฯ หวังตั้งประธานาธิบดี?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิชาต สุขัคคานนท์
กกต.โยนสภาฯ-พรรคการเมือง ตัดสินแก้ รธน.แนะให้คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน เชื่อตะแบงแก้ กม.ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเมืองไม่ช่วยลดปัญหาความขัดแย้ง หากความคิดยังแตกต่าง ย้อนถามพวกโค่นล้มอำมาตยธิปไตย จะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประธานาธิบดีหรืออย่างไร

วันนี้ (20 เม.ย.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องฟังเสียงประชาชนและแก้เท่าที่จำเป็น อย่าแก้ไขเพื่อช่วยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สิ่งที่ต้องปรับปรุงมีมากมาย แต่ต้องให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่ง กกต.พร้อมมีส่วนร่วมในการแก้ไข ส่วนเรื่องการแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ถูกตัดสิทธิ ขอให้เป็นเรื่องที่สภาฯ จะตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถทำให้เกิดความสงบได้หรือไม่ก็ขึ้นกับประชาชน เพราะปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายส่วนหนึ่งมาจากประชาชนถูกยุยง ปลุกปั่น ให้เข้าไปร่วม ดังนั้น ถ้าประชาชนมีจิตสำนึก และรู้ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความวุ่นวาย มีการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถแยกแยะได้

เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะประชาชนยังไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยใช่หรือไม่ นายอภิชาตกล่าวว่า บ้านเมืองเราที่มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ในจิตใจ ซึ่งมีการปกครองกันมายาวนาน ดังนั้น ที่มีการระบุว่าจะมีการโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตยขณะนี้โดยหมายถึงข้าราชการของพระมหากษัตริย์ก็คงจะไม่ใช่ และถ้าเราไม่ใช้ระบบการเลือกตั้งอย่างที่มีอยู่ในปัจจุบัน เราจะไปใช้การเลือกตั้งระบบประธานาธิบดีหรืออย่างไร เราต้องไม่ลืมว่าสังคมไทยปัจจุบันมีความจงรักภักดีต่อสถาบันเป็นที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายอภิชาตให้สัมภาษณ์แล้วก็กลับไปยังห้องทำงานและเดินกลับมาหาผู้สื่อข่าวอีกครั้ง พร้อมกับนำสำเนาหนังสือพิมพ์ของบรูไน ที่ประธาน กกต.ได้นำกลับมาในช่วงระหว่างที่เดินทางไปบูรไน ขณะประเทศไทยเกิดเหตุการณ์ขึ้น โดยเนื้อหาและภาพในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวปรากฏข่าวและภาพสุลต่านบูรไนเสด็จมาร่วมประชุมอาเซียนที่พัทยา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย ส่งผลภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อประเทศไทย

ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า ให้พรรคการเมืองและผู้ที่เกี่ยวข้องไปหารือกันว่าจะมีประเด็นใดที่ต้องแก้ไข แต่ส่วนตัวเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศขณะนี้ไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากความขัดแย้งทางความคิด รวมทั้งการแก้ไขปลดล็อคให้กับคนบ้านเลขที่ 111 ซึ่งก็อยู่ที่พรรคการเมืองว่าเห็นเป็นปัญหาหรือไม่ ทาง กกต.คงไม่เข้าไปยุ่ง อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหากเรายึดขั้นตอนทางกฎหมายก็ไม่น่าจะมีปัญหา ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย อย่าใช้วิธีการนอกสภา แต่ต้องทำให้กฎหมายสามารถบังคับใช้ได้

ส่วนการจะแก้ไขมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการยุบพรรค นายประพันธ์กล่าวว่า ถ้านักการเมืองเห็นว่าเป็นปัญหาก็ปรับปรุงกันไป แต่มาตราดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองเข้าไปรู้เห็นเกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้ง

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ต้องรอดูก่อนว่ารัฐบาล พรรคการเมืองจะเสนอแก้ไขในประเด็นใดอย่างไรบ้าง และหลังจากรัฐบาลได้รวบรวมแล้วคงจะสอบถามมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงกกต.ว่ามีประเด็นใดที่จะแก้ไขบ้าง ทั้งนี้หากมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. ก็อยากให้คำนึงถึงกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นด้วยเพื่อให้สอดคล้องกัน เช่น ในกรณีการนับคะแนนที่การเลือกตั้งระดับชาติจะนับที่หน่วยเลือกตั้ง แต่เลือกตั้งท้องถิ่นจะนับที่สถานที่นับคะแนนรวม ซึ่งทำให้ประชาชนสับสน

ส่วนเรื่องการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรค ทาง กกต.ยังไมได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ แต่นโยบาย กกต.ก็อยากเห็นพรรคการเมืองเข้มแข็งสร้างจุดสมดุล อะไรที่จะทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็งได้ กกต.พร้อมจะสนับสนุน รวมถึงการคุ้มครองพยานที่มาให้ข้อมูลต่อ กกต.เพราะที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายคุ้มครองพยานเหมือนคดีอาญา ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือนับแต่ กกต.ชุดนี้เข้ามาจัดการเลือกตั้งปัญหาที่สำคัญคือการซื้อสิทธิขายเสียง ดังนั้น การจะแก้ไขกฎหมายก็ควรมีการคำนึงเรื่องดังกล่าวเพื่อให้การซื้อสิทธิขายเสียงลดน้อยลงไป

“การแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากขอความร่วมมือมาทางสำนักงานก็พร้อมนำเสนอ กกต. ทั้งนี้ ประเมินว่าเบื้องต้นรัฐบาลน่าจะขอความเห็นจากพรรคการเมืองก่อนเมื่อได้แนวทางใดแนวทางหนึ่งแล้ว ก็น่าจะสอบถามมายัง กกต. แต่ขณะนี้เราคงยังไม่เสนอไปก่อน” นายสุทธิพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ได้เป็นประธานเปิดการประชุมจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะครบวาระในปี 52 โดยมีผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม ซึ่งในปี 52 นี้จะมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3,827 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 3,474 แห่ง จะครบวาระ ถือว่ามากที่สุด โดยประธาน กกต.ได้ฝากให้เตรียมการป้องกันปัญหาที่จะเกิดเฉพาะอย่างยิ่งการร้องเรียนการทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งของเจ้าหน้าที่ เพราะที่ผ่านมาเรื่องดังกล่าวมีการร้องเรียนมากที่สุดในจำนวนเรื่องร้องคัดค้าน

นายประพันธ์ นัยโกวิท กล่าวถึงการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 จ.ร้อยเอ็ด แทนนายนพดล พลซื่อ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 18-19 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า มีผู้มาใช้สิทธิใกล้เคียงกับการเลือกตั้งเมื่อเดือน ธ.ค. 50 เบื้องต้นมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า 4,764 คน มากกว่าครั้งที่แล้วที่มาใช้สิทธิ 4,692 คน จึงเชื่อว่าการเลือกตั้งในวันที่ 26 เม.ย.นี้คนจะมาใช้สิทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 แม้สถานการณ์การเมืองจะยังอึมครึม แต่อยากให้ประชาชนใช้การเลือกตั้งแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็คงไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง เพราะเป็นการประกาศใช้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น