พันธมิตรฯแถลงชี้เหตุลอบยิง “สนธิ” ท่ามกลาง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สะท้อนกลไกรัฐสิ้นสภาพ มี ทหาร-ตร.ทุกสี่แยก แต่กลับปล่อยให้คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงกลางเมือง แถมทีวีวงจรปิดเสีย เชื่อปมลอบสังหารโยงการเมือง คนลงมือเกี่ยวข้องอำนาจรัฐ หนุนนายกฯ ใช้ภาวะผู้นำเปลี่ยน ผบ.ตร.และผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคงยกชุด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เหล่าแกนนำพันธมิตรฯ แถลงข่าว
เมื่อเวลาประมาณ 14.40 น.วันที่ 17 เม.ย.แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดแถลงข่าวที่บ้านพระอาทิตย์ กรณีคนร้ายลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บ ในตอนเช้าวันเดียวกัน โดย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำ แถลงว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ภาวะมิกสัญญีแล้ว สถานการณ์ขณะนี้ การจัดตั้งกองกำลังได้ลดรูปลงมาจากการชุมนุมใหญ่มาเป็นกองโจร อาศัยการรบแบบจรยุทธ์ กำหนดเป้าหมายแต่ละครั้งเป็นจุดๆ แล้วล่าถอยไป ซึ่งเป็นการลงทุนน้อย แต่ได้ผลตามเป้าหมาย ไม่ต้องทำโฆษณาการผ่านสื่อทีวี และสื่ออื่นๆ แต่มันสะท้อนว่าประเทศนี้ไม่มีความปลอดภัยอีกแล้ว รัฐบาลใช้กฎหมายที่ให้อำนาจสูงสุดในการรักษาความปลอดภัยก็ยังเกิดเหตุ แสดงว่า มีกลไกรัฐบางอย่างไม่ทำงาน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นการประกาศภาวการณ์ใช้อำนาจรัฐเต็มที่ในการระงับเหตุร้ายในบ้านเมือง แสดงว่า ก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะกลไกรัฐบางส่วนโดยเฉพาะทหารและตำรวจไม่ทำงาน เป็นไปได้อย่างไร การประกาศภาวะฉุกเฉิน มีทหาร-ตำรวจประจำอยู่ทุกสี่แยก แต่ให้อาวุธสงครามผ่านเข้ามาได้อย่างหน้าตาเฉย และเป็นไปได้อย่างไรที่ทีวีวงจรปิดเสียหาย ไม่มีภาพปรากฏ แสดงว่า กลไกของรัฐสิ้นสภาพแล้ว เราจึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในกลไกของรัฐ โดยสนับสนุนภาวะผู้นำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ผู้อำนวยการข่าวกรอง สรุปคือ เปลี่ยนผู้รับผิดชอบหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกหน่วย ไม่เช่นนั้นนายกรัฐมนตรีเองก็อาจจะไม่รอด หลังจากนายกฯ ถูกคุกคาม 2 ครั้ง เลขาธิการนายกฯถูกกระชากลากถูลงมาจากรถ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ก็โดน ขณะที่ผู้นำต่างประเทศที่มาร่วมประชุมต้องหนีกระเจิง
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ศัตรูของชาติได้มุ่งทำลายนายอภิสิทธิ์ ด้วยการล้มประชุมสุดยอดอาเซียน จัดการเอาความรุนแรงไปสี่ตัวนายกฯ รองนายกฯ เลขาธิการนายกฯ เสร็จแล้วก็มาจัดการใส่ความรุนแรงกับแกนนำพันธมิตรฯ ต่อ มันทำให้เห็นว่าความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่เป็นพลังทางศีลธรรมนั้นกำลังประสบชะตากรรมเดียวกันกับรัฐบาลคือถูกแนวรบของความชั่วร้ายเข้ามาประทุษกรรมมุ่งหวังต่อชีวิต ซึ่งรัฐบาลจะต้องจัดการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการเสียสมดุลในการใช้อำนาจบริหารบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติ กล่าวว่า กำหนดการคอนเสิร์ตการเมือง ที่สวนสาธารณะสะพานหิน ภูเก็ต ในวันที่ 18 เม.ย.ยังกำหนดจัดเหมือนเดิม เพราะเราถอยไม่ได้ ส่วนที่ จ.ระยอง ในวันที่ 25 เม.ย.จะยังจัดเหมือนเดิม เพราะจิตใจเรายังเข้มแข็งเพียงพอ
ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงถึงผลการประชุมแกนนำในวันนี้ว่า ความเห็นโดยรวมของที่ประชุมสรุปได้ดังนี้
1.เราประณามคนที่ลงมือและคนที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังว่าเป็นพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม เราปักใจเชื่อว่าเหตุครั้งมาจากความเกี่ยวข้องทางการเมือง เพราะบทบาทนายสนธิ ได้มายืนแถวหน้าต่อต้านระบอบทักษิณและความไม่ชอบธรรมใดๆ ของการเมืองเก่า
2.พันธมิตรฯยังไม่ปักใจเชื่อว่าใครอยู่เบื้องหลังตัวจริง แต่อยากให้โอกาสรัฐบาลหาตัวผู้กระทำผิด แต่เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเกี่ยวข้องกับคนในอำนาจรัฐ น่าจะเป็นการปฏิบัติการของคนในเครื่องแบบ เพราะคนทั่วไปไม่น่าจะกล้าลงมือในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งการกระทำครั้งนี้เป็นการท้าทายภาวะฉุกเฉินอย่างรุนแรง ตำรวจทหารมีเป็น 100 จุด แต่ปล่อยให้เกิดเหตุ ขฯที่กล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าใช้ไม่ได้ ซึ่งมักจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อพันธมิตรฯ ถูกทำร้าย
3.ขอให้นายกรัฐมนตรีอย่าชะล่าใจ จนทำให้เกิดภาพว่านายกฯ อ่อนแอ ไม่สามารถป้องกันคุ้มกันประชาชนผู้บริสุทธิ์ รัฐบาลต้องหาตัวคนที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหกลัง และรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ รวมทั้งนายกฯ ต้องจัดระเบียบหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะตำรวจ ความล้มเหลวที่พัทยา การจลาจลในเมือง สะท้อนว่ากลไกรัฐล้มเหลวในการสนองตอบรัฐบาล
4.เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนระบอบการเมืองเก่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราถูกกระทำ ตั้งแต่ช่วงการชุมนุม 193 วัน ที่ทำเนียบ ที่ดอนเมือง ที่เอเอสทีวี รวมทั้งพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัดเราถูกกระทำ ทั้งทางตรง และทางอ้อม แต่คดีไม่คืบหน้า และหลายครั้งที่เราถูกข่มขู่คุกคาม เพียงแต่เราไม่ได้แจ้ง แต่ก็มีตลอดเวลา
5.ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจพวกเรา ขออย่าหวั่นไหว ไม่ว่าเราจะเผชิญหน้ากับอะไรอีก ขอให้อยู่ในที่ตั้ง เราจะรายงานให้พี่น้องทราบเป็นระยะๆ เป็นภาระของแกนนำที่เราจะติดตามรานงาน และนายกต้องรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นอกจากนี้ ถ้าใครมีภาพถ่าย หรือวีดีโอคลิปเหตุการณ์ให้ติดต่อมาที่เอเอสทีวี เพื่อดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เป็นสถานการการต่อสู้ทางการเมืองของพี่น้องประชาชน ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยมี นายสนธิ เป็นแกนำ ดังนั้น ความเข้มแข็งของพี่น้องประชาชนและสถานีโทรทัศน์อเอสทีวี ที่ขึ้นมาตรวจสอบการเมืองเก่า ทำให้นักการเมืองเก่าที่หลุดไปแล้ว และอยู่ในคราบนักการเมืองปัจจุบัน รวมถึงข้าราชการอำนาจเก่าที่ยังยึดติดกับอำนาจ จึงไม่อยากให้การเมืองใหม่เข้ามา การทำร้ายคุณสนธิและอาจจะนำไปสู่การทำให้สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ไม่ให้มีการตรวขสอบ แต่ตนขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อพลังการตรวจสอบ แม้ว่าแกนนำพันธมิตรฯรุ่น 1 และรุ่น 2 จะถูกทำร้ายหรือทำลาย พี่น้องประชาชนต้องไม่ย่อท้อ เราต้องการการเมืองใหม่เกิดขึ้นให้ได้
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า นายกฯอภิสิทธิ์ เป็นที่สังคมให้ความหวัง แต่ความเป็นผู้นำกลับไม่ถูกปกป้อง มีการรังแก จนถึงขั้นจะมีการทำลายนายกฯหรือไม่ แต่เมื่อนายกฯกลับมามีความเป็นผู้นำอีกครั้ง นายกฯจะต้องดูแลความสงบเรีบร้อบให้ได้ การที่สั่งการได้ไม่หมดและไม่ให้ความร่วมมือจากหลายส่วนนั้น นายกฯจะต้องจัดการกลไกอำนาจรัฐให้ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณสนธิถูกลอบยิงแล้วทหารจะไม่รู้ เพราะขณะนี้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีทหารทุกสี่แยก
“นายกฯอภิสิทธิ์ รู้ว่าอำนาจรัฐที่ซ้อนรัฐอยู่ ประกอบด้วย แก๊งมาเฟีย มีทั้งทหารและตำรวจ ทั้งผบ.ทบ.และ ผบ.ตร.ก็รู้ หากไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ แสดงว่าสองท่านไม่ให้ความร่วมมือ ต้องการเมืองเก่าและไม่สนับสนุนนายกฯอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำ ต้องการนำประเทศและนายกฯไปสู่มิคสัญญี”
นายพิภพ กล่าวว่า เราข้อเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน ร่วมมือกับนายกฯอภิสิทธิ์ ให้จัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ นายกต้องกล้าหาญแก้วิกฤตประเทศให้ผ่านพ้น ถ้านายกฯไม่กล้าตัดสินใจ แกนนำในภาคสังคงจะถูกลอบฆ่าอีกเยอะ แต่ตนเชื่อว่าผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนพร้อมร่วมมือกับนายกฯแก้ไขปัญหาประเทศ
ด้าน นายวีระ สมความคิด ขอให้นายกฯใช้อำนาจที่มีอยู่ ทำเรื่องนี้เหล่านี้ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อคนในประเทศและต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นจะกระทบเสถียรภาพของนายกฯเอง เรื่องนี้กระทบความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศ เพราะข่าวดังกล่าวเหล่านี้ได้แพร่ไปทั่วโลกแล้ว นายกฯต้องกระชับอำนาจ เพราะหมายถึงศักดิ์ศรีของไทยด้วย ขณะเดียวกัน ภาคประชาชนก็ต้องระมัดระวัง ขอยืนยันว่า พวกเราจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำงานของเราต่อไปให้เกิดการเมืองใหม่เร็วที่สุด เพราะหากการเมืองยังเช่นนี้ความมั่นของประเทศคงไม่เกิดขึ้น
ขณะที่ นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 กล่าวว่า เรื่องนี้ยิงนัดเดียวหวังนกหลายตัว ซึ่งคงต้องการปลิดชีวิต คุณสนธิ เพราะคุณสนธิก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ รวมถึงฝ่ายความมั่นคงบางส่วนก็คงไม่ชอบ ตนขอยืนยันว่า 3-4 ปี ที่ผ่านมา คุณสนธิ สู้เพื่อบ้านเมือง อย่างเหตุการณ์ที่พัทยา คุณสนธิ ก็บอกให้พวกเราอย่าไปยุ่ง ผสมกับเกมอำนาจ ส่วนตัวตนเชื่อว่า 1.เป็นเกมที่ต้องการล้มรัฐบาล 2.หวังฆ่า คุณสนธิ ก็จะทำให้เอเอสทีวี ที่มีทั้งคนชอบไม่ชอบ ต้องสิ้นชีพไปด้วย 3.พันธมิตรฯต้องอ่อนกำลังลง แต่ก็คิดผิด เพราะยังมีแกนนำอีกมาก ทั้งรุ่น 1 และ 2 ที่จะมาแทน 4.สั่นคลอนเสียรภาพ ล่าสุด กลุ่มที่ออกมาไล่รัฐบาล ก็ต้องการล้มรัฐบาล
“ถึงเวลาที่นายกฯ ที่อดทนมาซักระยะหนึ่งแล้ว จะได้แสดงภาวะผู้นำที่เด็ดเดี่ยว อย่าปล่อยให้ถูกกระทำ เพราะแทนที่ประชาชนจะเชียร์ แต่เมื่อเห็นขาดภาวะผู้นำ ท่านก็จะไปไม่ได้ พ.ร.ก ฉุกเฉิน ทำเต็มกำลังก็ได้แค่นี้ ดังนั้นอะไรที่สมควรเปลี่ยนต้องก็เปลี่ยน คนให้กำลังใจแน่นอน โดยต้องยึดเอาความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ผมเห็นว่าคดีคุณสนธิคดีนี้ ควรให้ดีเอสไอมาดูแล แต่นายกฯต้องเปลี่ยนตัว โยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและสบายใจ” แกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 กล่าว
รายละเอียดพันธมิตรฯแถลงข่าว กรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบยิง
สุริยะใส กตะศิลา
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่อยู่ทางบ้าน และที่ให้ความสนใจกรณีเหตุการณ์ลอบสังหารคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทันทีที่เกิดเหตุได้มีการเรียกประชุมด่วนของแกนนำทั้งรุ่น 1 รุ่น 2 ท่าน พล.ต.จำลอง คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด แต่ก็มีการโทรศัพท์ปรึกษาหารือกัน มีการวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ เบื้องหน้าเบื้องหลัง ความเป็นไปได้ หรือสมมติฐานของเรา หรือแม้กระทั่งเป้าหมายในการปฏิบัติการครั้งนี้ จะให้ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นคนนำแถลงก่อน
อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
ขออนุญาตแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนผ่านไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และต่างประเทศ ทราบว่าขณะนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคมิคสัญญีแล้ว เพราะว่าสถานการณ์ขณะนี้บ่งบอกว่าการจัดตั้งกองกำลังถูกลดส่วนลงจากการชุมนุมใหญ่มาเป็นระดับกองโจร แล้วกองโจรนี้อาศัยวิธีจรยุทธ์ คือเดินทางไปเพื่อกำหนดเป้าหมายแต่ละครั้ง เป็นจุดๆ แล้วก็ล่าถอยไป และเป็นการลงทุนที่ประหยัดและได้ผล สงครามนี้เป็นสงครามรูปแบบใหม่ที่จะไม่ใช้โฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่ออื่นๆ
อยากจะเรียนพี่น้องประชาชนผ่านสื่อมวลชนว่า เราไม่อาจจะมีความปลอดภัยในประเทศนี้ได้อีกแล้ว เพราะว่าขนาดรัฐบาลได้ใช้อำนาจสูงสุดที่รัฐบาลมีอยู่ คือการประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่ก็ไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนได้ แสดงว่ามันต้องมีกลไกอะไรบางอย่าง เป็นกลไกที่ไม่ทำงาน หรือทำงานอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เพราะว่ารัฐบาลไม่มีเครื่องมืออย่างอื่นอีกแล้ว การประกาศภาวะฉุกเฉินถือว่าเป็นประกาศใช้รูปแบบของกำลังของรัฐเต็มที่ ใช้อำนาจรัฐเต็มที่ สูงสุดของการปราบปราม หรือการยุติความรุนแรงในสังคม ขณะนี้รัฐได้ใช้กลไกสูงสุดแล้ว แต่ความปลอดภัยของประชาชนไม่มี
สาเหตุที่ไม่มี เราวิเคราะห์ได้ว่ากลไกของรัฐในส่วนของตำรวจและทหารบางกลุ่มไม่ทำงาน และอาจจะทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อภาคประชาชน เราสังเกตดูเหตุผล 2 ประการ ที่ช่วยอธิบายเรื่องนี้ หนึ่ง เป็นไปได้อย่างไรที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน และมีตำรวจ ทหาร ยืนอยู่ทุกสี่แยก แต่ไม่เห็นเหตุการณ์นี้ ปล่อยให้อาวุธสงครามผ่านสี่แยกออกมาแบบหน้าตาเฉย ไปดูทหารตอนนี้ก็เต็มไปหมด แต่ให้อาวุธสงครามผ่านมาได้แบบสะดวกโยธิน เป็นไปได้อย่างไร ขนาดใช้กองทัพทั้งกองทัพออกมาแล้ว เป็นไปได้อย่างไร และสอง เป็นไปได้อย่างไรที่กล้องวงจรปิดตรงนั้นเสีย ชำรุด เสียหายไป ไม่มีภาพปรากฏเลย
เพราะฉะนั้นการที่รัฐได้ใช้อำนาจสูงสุด แสดงว่ากลไกของรัฐสิ้นสภาพ เราจึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในกลไกของรัฐ โดยสนับสนุนภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้ภาวะผู้นำและอำนาจสูงสุดในการเปลี่ยนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนผู้บัญชาการเหล่าทัพบางเหล่าทัพ และเปลี่ยนศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ พูดรวมๆ ว่า เปลี่ยนกลไกและองค์กรเกี่ยวกับด้านความมั่นคงทั้งหมดของรัฐ ไม่อย่างนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะก็จะเอาตัวไม่รอดเช่นเดียวกัน
เพราะว่าขณะนี้ขนาดนายกรัฐมนตรียังถูกกระทำการตั้ง 2 ครั้ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรีถูกฉุดกระชากลากออกมาจากรถ และรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงถูกอีก จบแล้ว และผู้นำต่างประเทศหนีสุดชีวิตเลยเพื่อหนีการประชุม เพราะว่าเกิดความอลเวงและไม่ปลอดภัย มันจบแล้วความปลอดภัยของประเทศถ้ารัฐบาลไม่เรียกภาวะความปลอดภัยของประเทศกลับคืนมา แล้วจะให้ประชาชนอยู่อย่างไร นี่เป็นข้อแรกที่ผมอยากจะเสนอต่อท่าน
ข้อที่ 2 สถานการณ์ขณะนี้เป้าหมายของศัตรูของประชาชน ศัตรูของประเทศชาติ ศัตรูของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้มุ่งทำลายรัฐบาลที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำลายทั้งภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในสายตาต่างประเทศ โดยการล้มการประชุมอาเซียนลง ทำลายโดยจัดการความรุนแรงไปใส่ตัวนายกฯ รองนายกฯ และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อจัดการรัฐบาลเสร็จก็มาจัดการพันธมิตรฯ พอจัดการรัฐบาลสิ้นท่าแล้วที่พัทยา ที่กรุงเทพฯ สิ้นท่าหมดแล้ว ก็เลยมาจัดการพันธมิตรฯ เพราะฉะนั้นการจัดการที่ถูกออกแบบขึ้นเป็นลำดับขั้น มันทำให้เห็นว่าองค์กรพันธมิตรฯ ที่เคลื่อนไหวเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นพลังทางศีลธรรม ประสบชะตากรรมอันเดียวกันกับรัฐบาล ก็คือถูกแนวรบของระบอบชั่วร้ายเข้ามากล้ำกราย และประทุษร้ายหวังชีวิต
เพราะฉะนั้นเราจึงเรียกร้องให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจบริหาร ได้ใช้สภาวะผู้นำ และสนับสนุนนายกรัฐมนตรีให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้หากไม่มีรัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สังคมจะเสียดุลทันทีเลย สังคมจะกลายเป็นสังคมที่ทุกฝ่ายเล่นในรูปแบบกองโจรหมด เมื่อนั้นสงครามไม่ประกาศในประเทศจะเกิดขึ้น ผมจึงขอเรียกร้องว่า พี่น้องประชาชน พพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เราจะร่วมกันฝ่าข้ามวิกฤตการณ์นี้ เราจะจับมือกัน แล้วกำลังใจของแกนนำพันธมิตรฯ ที่มีอยู่ และความปลอดภัยของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นกำลังใจสำคัญให้เรายืนหยัด และขอประกาศว่า การจัดคอนเสิร์ตการเมือง พี่น้องโปรดฟังนะครับ การจัดคอนเสิร์ตการเมืองพรุ่งนี้ที่ภูเก็ต ยังคงเข้มข้นดำรงอยู่เหมือนเดิม พวกเราจะไปที่นั่น และวันที่ 25 เมษายน คอนเสิร์ตการเมืองที่ระยอง เราจะไปที่นั่น และยืนยันเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ ไม่มีอำนาจใดมาขวางกั้นพลังทางศีลธรรมที่จะลุกขึ้นมาปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้
เพราะฉะนั้นจึงฝากพี่น้องทุกท่านว่า กำหนดการเหมือนเดิม จิตใจเรายังเข้มแข็งเพียงพอ คุณสนธิได้บอกกล่าวว่า ขอให้พี่น้องเข้มแข็งอดทนต่อไป พลังทางศีลธรรมจะไม่มีวันย่อท้อ และจะไม่มีทางที่จะยอมแพ้ฝ่ายอธรรมเด็ดขาดครับ
สุริยะใส กตะศิลา
ผมขออนุญาตสรุปความเห็นโดยรวมของที่ประชุมอย่างเป็นทางการ
ข้อที่ 1 เราต้องประณามบุคคลที่ลงมือในปฏิบัติการลอบสังหารคุณสนธิ และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลัง ว่าเป็นพฤติกรรที่ป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม และเราปักใจเชื่อและมั่นใจว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุของความขัดแย้งทางการเมือง ก็คงไม่ต้องสาธยายกันว่าบทบาทของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล นอกจากในฐานะสื่อมวลชน และในฐานะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมายืนอยู่แถวหน้าในการต่อต้านระบอบทักษิณ และความไม่เป็นธรรมทางการเมืองใดๆ โดยเฉพาะการเมืองในระบบเก่า ฉะนั้นเราปักใจเชื่อว่ามีสาเหตุจากการเมือง
ข้อที่ 2 พันธมิตรฯ จะยังไม่ปักใจเชื่อว่าปฏิบัติการดังกล่าวใครอยู่เบื้องหลังและเป็นคนสั่งการ แต่จะให้โอกาสรัฐบาลในการดำเนินการโดยเร็ว เพื่อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังในปฏิบัติการครั้งนี้ แต่มีข้อสังเกตอยู่ 2-3 ประการที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการครั้งนี้ว่า อาจจะเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอำนาจรัฐหรืออำนาจทางการเมืองบางกลุ่ม เพราะ
(1) ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นปฏิบัติการของบุคคลในเครื่องแบบ คนทั่วไป หรือซุ้มมือปืน คงไม่สามารถดำเนินการในช่วงที่กรุงเทพมหานครตกอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
(2) เป็นปฏิบัติการที่ท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างรุนแรง อย่างที่ท่าน อ.สมเกียรติ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า กำลังทหาร ตำรวจ ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีอยู่หลายจุด อาจจะมากกว่าร้อยจุดเฉพาะในกรุงเทพมหานคร แต่ว่าปล่อยให้ปฏิบัติการลอบสังหารคุณสนธิ โดยเฉพาะลอบยิงตั้ง 4-5 นาที เกิดขึ้นได้อย่างไร
(3) กล้องวงจรปิดตรงสี่แยกบางขุนพรหม เจ้าหน้าที่แจ้งว่าใช้การไม่ได้ ทุกครั้งก็จะเป็นอย่างนี้ที่มีการลอบยิงแกนนำ ลอบยิง ASTV ลอบยิงพันธมิตรฯ ในช่วงที่มีการชุมนุม กล้องวงจรปิดมักไม่ทำงานในช่วงที่มีการลอบทำร้ายพวกเรา
ข้อที่ 3 เราขอเรียกร้องท่านนายกรัฐมนตรี อย่าชะล่าใจ และอย่านิ่งนอนใจ เพราะกรณีดังกล่าวทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลด้วยในขณะเดียวกัน ว่ารัฐบาลชุดนี้อ่อนแอ และไม่อยู่ในฐานะที่จะคุ้มกัน ป้องกัน แกนนำ/บุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ จากการบริหารงานแผ่นดินของท่าน ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งรัดดำเนินการ หาตัวผู้ปฏิบัติการลอบสังหารคุณสนธิ และบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลัง แล้วรายงานให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะๆ และย้ำว่าในขณะเดียวกัน ตามข้อเสนอของ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องจัดระเบียบกลไกรัฐ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งความล้มเหลวในการประชุมอาเซียนที่พัทยา การก่อจลาจลกลางเมืองหลวง ชี้ให้เห็นชัดเจนว่ากลไกรัฐไม่สนองตอบนโยบายของรัฐบาล ฉะนั้นท่านจะนิ่งนอนใจไม่ได้ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับแกนนำคนอื่นๆ บุคคลสำคัญของบ้านเมือง และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ใช้สิทธิเคลื่อนไหวทางการเมือง
ข้อที่ 4 เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนของการเมืองระบบเก่า ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่พันธมิตรฯ ถูกกระทำ เราถูกลอบยิงนับครั้งไม่ถ้วนในระหว่างการชุมนุม 193 วัน ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ดอนเมือง ที่สุวรรณภูมิ ที่ ASTV หรือแม้กระทั่งมวลชนที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับเราหลายจังหวัด ถูกคุกคามทั้งทางตรง ทางอ้อม แต่ไม่มีความคืบหน้าในการจับตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการ และอีกหลายครั้งที่มีการข่มขู่คุกคาม แต่พวกเราเลือกที่จะไม่ให้ข่าวเท่านั้นเอง มีตลอดเวลา ผมยืนยันว่ามีตลอดเวลา ทุกคนก็โดนคุกคามตลอดเวลา แม้แต่ตอนนี้ก็เช่นกัน
ข้อที่ 5 อยากสื่อสารไปถึงพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนอื่นต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับพี่น้องประชาชนที่ทราบข่าวและไม่สบายใจ ให้กำลังใจคุณสนธิ ให้กำลังใจพวกเรา ก็อยากให้พี่นเองอย่าหวั่นไหว เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรอีกวันข้างหน้า แต่ว่าให้พี่น้องมีสติ อยู่ในที่ตั้ง และรอความคืบหน้าจากแกนนำ ซึ่งจะส่งสัญญาณกับพี่น้องเป็นระยะๆ โดยเฉพาะความคืบหน้าที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารคุณสนธิ เราไม่นิ่งนอนใจเด็ดขาด และถือว่าเป็นภาระของแกนนำที่จะต้องติดตามการทำงานของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี จะต้องให้หลักประกันว่าจากนี้ไปจะไม่มีใครเป็นเหยื่อของการเมืองแบบนี้อีก อย่างที่ท่านพยายามจะสร้าง
สุดท้าย ถ้าใครมีเบาะแส มีภาพถ่าย มีคลิปวิดีโอ ที่เกี่ยวข้องกับการลงมือลอบสังหารคุณสนธิ เมื่อเช้ามืด ให้ส่งแฟกซ์ หรือติดต่อมาที่ ASTV เพื่อเป็นประโยชน์ในการสะสางและดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้อง
พิภพ ธงไชย
สวัสดีครับพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกฝ่ายที่รับฟังการถ่ายทอดทาง ASTV อยู่ ก่อนอื่นผมอยากจะเรียนกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกฝ่าย ในฐานะเป็นคนไทย สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมือง พี่น้องประชาชนหลายฝ่ายได้เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากการเมืองเก่าไปเป็นการเมืองใหม่ โดยการตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพี่น้องที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยใช้สื่อ ASTV เป็นเครื่องมือ และมีตัวคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นผู้นำในด้านสื่อมวลชนและข้อมูลข่าวสาร พูดอธิบายกับพ่อแม่พี่น้องทุกเช้า ทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์
เพราะฉะนั้นความเข้มแข็งของ ASTV ความเข้มแข็งของพ่อแม่พี่น้องในการลุกขึ้นมาตรวจสอบการเมือง ซึ่งเป็นการเมืองเก่า และเป็นทั้งการเมืองที่กำลังหลุดจากขั้วอำนาจไปแล้ว หรือหลุดไปแล้ว และอยากจะหวนกลับเข้ามาสู่อำนาจอีก รวมทั้งการเมืองเก่าที่อยู่ในคราบของนักการเมือง และในคราบของข้าราชการที่กุมอำนาจรัฐอยู่ ล้วนแต่ไม่ต้องการให้ประชาชนเติบโตขึ้นมาตรวจสอบ เพราะฉะนั้นการทำร้าย ลอบสังหารคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และอาจจะนำไปสู่การทำลาย ASTV ซึ่งพยายามทำมาแล้วหลายครั้ง วัตถุประสงค์ก็เพื่อไม่ให้พลังของฝ่ายประชาชนมีพลังในการตรวจสอบได้
เพราะฉะนั้นผมจึงพูดกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้เชื่อมั่นในพลังตรวจสอบของตนเอง ถึงแม้แกนนำพันธมิตรฯ ไม่ว่ารุ่น 1 / รุ่น 2 จะถูกทำร้ายหรือจะถูกทำลายไป พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม และต้องการการเมืองใหม่ โดยเฉพาะพ่อแม่พี่น้องที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะต้องไม่ย่อท้อ จะต้องร่วมกันต่อสู้และฟันฝ่าอุปสรรค เพราะเป้าหมายของการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็คือระบบการเมืองใหม่ ที่พูดกับพ่อแม่พี่น้องที่รับฟังอยู่ สอง ผมอยากจะพูดกับท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่สังคมไทยให้ความหวัง และรู้สึกตกใจเมื่อนายกรัฐมนตรีถูกอำนาจรัฐไม่ปกป้องการรังแกจากประชาชนกลุ่มหนึ่ง ทำให้มีความสงสัยกันว่านี่จะเป็นการทำลายความเป็นผู้นำของท่านนายกรัฐมนตรี คือคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือไม่ แต่เมื่อสถานการณ์ผ่านไป นายกรัฐมนตรีได้กลับมาเป็นภาวะผู้นำอีกครั้งหนึ่ง และสามารถดูแลความสงบเรียบร้อยในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงได้ ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงภาวะผู้นำ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็รู้อยู่แล้วว่า กลไกของรัฐที่ท่านดูแลอยู่ในฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาลนั้น ท่านสั่งการได้ไม่หมด และไม่ให้ความร่วมมือกับท่านในหลายส่วน
เพราะฉะนั้นถ้าท่านมุ่งหวังต้องการจะพัฒนาประชาธิปไตยไปในทางที่ดีขึ้น และสร้างการเมืองใหม่ได้ ท่านจะต้องจัดการกับกลไกอำนาจรัฐ หรือหัวหน้าของกลไกอำนาจรัฐต่างๆ ให้ได้ เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่คุณสนธิจะถูกลอบฆ่าโดยที่ทหารไม่รับรู้ เพราะมีทหารทุกมุมเมือง สอง หน่วยความมั่นคง หน่วยสันติบาล หน่วย ศรภ.ทั้งหมด ได้บอกกับผมว่าได้ติดตามคุณสนธิในการที่จะเดินทางไปไหนอยู่ตลอดเวลา แล้วถามหน่อยว่าเมื่อเช้านี้การติดตามเป็นอย่างไร อันนี้ทางฝ่ายความมั่นคง คุณอภิสิทธิ์จะต้องเรียกมา
สาม คุณอภิสิทธิ์ และประชาชนก็รู้ว่าอำนาจรัฐที่ซ้อนรัฐอยู่ ซึ่งประกอบไปด้วยแก๊งมาเฟีย ซึ่งอยู่ทั้งส่วนของทหารและตำรวจนั้นมีอยู่จริงในสังคมไทย และผู้บัญชาการทหารบกก็รู้ ว่าทหารในกลุ่มนี้มีใครบ้าง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็รู้ เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าการสอบสวนไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนในเครื่องแบบมาได้ แสดงว่าท่านผู้บัญชาการทหารบกไม่ร่วมมือกับท่านนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ร่วมมือกับท่านนายกรัฐมนตรี นั่นก็แสดงว่าสองท่านต้องการให้ระบบการเมืองเก่าดำเนินต่อไป และไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องชัดเจนในเรื่องนี้ และจะต้องเรียกทุกฝ่ายในระดับหัวหน้ามาคุยกัน ว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ในการที่จะทำให้ประเทศไม่ไปสู่มิคสัญญี มิฉะนั้นแล้วท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ จะหมดภาวะความเป็นผู้นำ เราก็อยากจะเรียกร้อง
สุดท้าย พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครับ เราจำเป็นต้องร่วมมือกับรัฐบาลโดยนายกฯ อภิสิทธิ์ ซึ่งมีภาวะความเป็นผู้นำ และสนับสนุนท่านให้มีภาวะความเป็นผู้นำในการจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ต้องมีความกล้าหาญ เพราะตอนนี้สังคม ประชาชน ยอมรับท่านในการเป็นผู้นำแล้ว ที่จะแก้ไขวิกฤตของประเทศให้ผ่านพ้นการลอบฆ่าลอบสังหารซึ่งจะมีต่อไปอีกหลายคน ถ้าท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องนี้ การตายของผู้นำภาคประชาชนจะเกิดขึ้นอีกหลายคน และนี่จะเป็นการทำลายกระบวนการความเข้มแข็งของประชาชน และสุดท้ายเราก็ไม่สามารถสร้างสังคมใหม่ในเรื่องการเมืองใหม่ได้
ผมเอง ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมจะให้ความสนับสนุนภาวะความเป็นผู้นำของท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ และผมเชื่อว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และประชาชนไม่ว่าในส่วนไหน ก็พร้อมที่จะร่วมมือกับนายกฯ อภิสิทธิ์ในการแก้ไขวิกฤตของประเทศชาติครั้งนี้
วีระ สมความคิด
ขอให้ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านต้องใช้อำนาจของท่านในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ท่านต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้เกิดความเชื่อมั่นกับคนทั้งประเทศและต่างประเทศด้วย เพราะมิฉะนั้นแล้วมันจะกระทบต่อเสถียรภาพของท่านเอง ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อภาพพจน์ของประเทศไทย
ข่าววันนี้มันเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้ว หลังจากที่ประเทศไทยในระยะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีแต่ภาพข่าวที่ไม่ได้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นกับชาวต่างชาติเลย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือนักลงทุน ดังนั้นต่อไปนี้ผมว่าท่านนายกฯ คงจะต้องกระชับอำนาจ การกระชับอำนาจก็อย่างที่ท่าน อ.สมเกียรติ ท่าน อ.พิภพ ได้พูดมาแล้ว
ตรงนี้หมายถึงศักดิ์ศรีของประเทศไทยด้วย แต่สำหรับภาคประชาชน พวกเราก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ก็ต้องขอขอบคุณพี่น้องพันธมิตรฯ ที่แสดงความเป็นห่วง พวกเราก็จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และต้องพยายามที่จะทำงานของเราต่อไป เพื่อทำให้เกิดการเมืองใหม่เร็วที่สุด เพราะถ้าการเมืองยังเป็นเช่นนี้ ความมั่นคงของประเทศ ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไปก็คงไม่เกิดขึ้น
สำราญ รอดเพชร
ขอบพระคุณและสวัสดีพี่น้องทางบ้าน ท่านสื่อมวลชนทุกท่าน คงไม่ต่างจากทั้ง 3-4 ท่านที่พูดมา แต่ผมมองและอยากตอกย้ำว่า การลอบสังหารดักยิงคุณสนธิเที่ยวนี้ ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ ยิงนัดเดียวหวังนกหลายตัว กระสุนจริงๆ นี่เป็นร้อยนัดนะครับ เอ็ม-79 ด้วย ดีที่ไม่ระเบิด ยิงนัดเดียวหวังนกหลายตัว นกตัวแรกผมคิดว่าเขาคงต้องการปลิดชีวิตคุณสนธิ คือเอาให้ตายแน่นอน แต่คนดีผีคุ้ม คุณสนธิก็มีทั้งคนรักคนชัง และฝ่ายความมั่นคงบางหน่วยก็คงจะไม่ชอบอะไรต่างๆ ด้วย แต่ผมอยากยืนยันกับเพื่อนสื่อมวลชนว่า มีภาพอีกหลายมิติที่พวกเรา หรือเพื่อนสื่อมวลชน ยังมองคุณสนธิไม่ทะลุรอด อยากจะยืนยันว่า 3-4 ปีที่ผ่านมา คุณสนธินี่สู้เพื่อบ้านเพื่อเมือง ผมก็เป็นนักข่าว ผมไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆ แต่หลายครั้งก็พิสูจน์ว่าคุณสนธิทำเพื่อบ้านเพื่อเมือง
สุดท้ายก็คือ อย่างที่พัทยา คุณสนธิก็ยกหูโทรศัพท์ไปบอกแกนนำภาคตะวันออก บอกว่าพวกเราอย่าไปยุ่ง อย่าไปเป็นส่วนผสมของเกมอำนาจ หรือของความรุนแรง ซึ่งสุดท้ายถ้าเพื่อนผู้สื่อข่าว เพื่อนสื่อมวลชน ไปคิดดูดีๆ นะครับ มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากมาย ณ ที่ตรงนั้น ก็คืองานนี้ถึงขั้น ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า เป็นเกมที่ต้องการล้มรัฐบาลกันเลย นี่ความเชื่อส่วนตัวนะครับไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ
ประการที่ 2 นกตัวที่สองก็คือหวังว่า ถ้าฆ่าคุณสนธิได้ ASTV ซึ่งก็มีทั้งคนชอบ คนไม่ชอบ ก็หวังว่าสนธิดับไป ASTV ก็ต้องสิ้นชีพ จริงๆ ก็ไม่สิ้นหรอกครับ แต่ผมจะไม่อธิบาย เดี๋ยวเสียเวลา
ประการที่ 3 ก็คือหวังผลว่า สนธิดับไป พันธมิตรฯ จะต้องอ่อนกำลังลง ไม่สลายก็เหมือนสลาย คงคิดประมาณนั้น ซึ่งเขาก็คิดผิด เพราะยังมี อ.สมเกียรติ คุณพิภพ คุณสมศักดิ์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังมีแกนนำรุ่น 2 ใครต่อใครอีกมากมาย และพี่น้องก็ได้ตื่นขึ้นมาในขอบข่ายทั่วประเทศแล้ว
อันที่ 4 ผลพลอยได้นกตัวที่ 4 ก็คือสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล ผมเชื่อว่าหลายฝ่าย ทั้งกลุ่มที่มาขับไล่รัฐบาลประชาธิปไตยที่ผ่านมาในห้วงตั้งแต่ 26 มีนาฯ เป็นต้นมา 20 วันที่หน้าทำเนียบฯ และกระจายไปที่โน่นที่นี่ ส่วนหนึ่งก็คือต้องการจะล้มรัฐบาล ล้มด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น ให้นายกฯ ยุบสภา ให้นายกฯ ลาออก หรือต้องการให้เกิดปฏิวัติรัฐประหาร อย่างนี้เป็นต้น นี่คือคร่าวๆ นะครับ นัดเดียวหวังนกอย่างน้อย 4 ตัว
ผมก็คงเหมือน อ.สมเกียรติ กับคุณพิภพ ว่ามันถึงเวลาแล้วที่นายกฯ ซึ่งได้อดทนและถูกทุบถูกตีมาแล้ว 2-3 รอบ จะได้แสดงภาวะผู้นำในความเด็ดเดี่ยว ทุกคนเห็นใจท่าน ท่านมีความชอบธรรม เพราะท่านถูกกระทำมามากแล้ว พอรุกคืบขึ้นมาครั้งหนึ่งคนก็เชียร์ให้กำลังใจท่าน แต่ท่านจะปล่อยให้ท่านถูกกระทำต่อไปอย่างนี้มากๆ ชาวบ้านแทนที่เขาจะเชียร์ เขาจะรู้สึกว่าท่านอาจจะขาดภาวะผู้นำ จริงๆ ท่านมีแล้ว ผมก็ให้กำลังใจและขอหนุนท่านนายกฯ ให้มีกำลังใจในการที่จะกู้วิกฤต ฝ่าข้ามวิกฤตตรงนี้ไปให้ได้ ซึ่งต้องแสดงภาวะผู้นำด้วย
ภาวะฉุกเฉิน พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ก็ใช้กันอย่างเต็มกำลังแล้ว มันก็ได้แค่นี้ ดังนั้นมันอยู่ที่ว่าต้องกระชับอำนาจอย่างคุณวีระว่า อะไรที่ควรโยกย้ายสับเปลี่ยนในกลไกราชการบ้าง ก็ต้องสมควรทำ ไม่ใช่ว่าไปยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก อยู่เรื่อยๆ อย่างนี้ก็ไม่ได้ ต้องสำแดงออกซึ่งภาวะผู้นำตรงนี้ แล้วคนจะให้กำลังใจท่านแน่นอน หรือตอนนี้ทำอะไรก็ต้องยึดความถูกต้อง เอาบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง
ผมก็เห็นด้วยในภาวะฉุกเฉิน ตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ มาดูแลคดีอย่างนี้ ก็เป็นตำรวจที่น่าเชื่อถือ ต่อคดีคุณสนธิ โดยรูปการณ์แล้ว มันก็ควรจะให้ DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาดูแล แต่มันก็มีคำถามอีกนั่นล่ะว่า ถ้าในทัศนะส่วนตัวของผม ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ ก็คือว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลชุดนี้ ชุดของท่านนายกฯ จะต้องสับเปลี่ยน ผบ. ตัวอธิบดีแล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นถึงไม่กล้าตัดสินใจ อย่างนี้ล่ะทำให้คนที่หนุนท่านมันอึดอัด
ดังนั้นมผว่าได้เวลา ถ้าเอาคดีคุณสนธิมาให้ DSI ดูแล ก็ควรจะต้องโยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผมไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษกับคุณทวี สอดส่อง อธิบดี ก็รู้จักกัน แต่ผมคิดว่าเพื่อความสบายอกสบายใจ และเพื่อความโล่งโปร่ง
สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้พี่น้องพันธมิตรฯ ด้วย ท่านผู้ชมทางบ้าน ก็คือ นอกจากนก 4 ตัวที่ผมว่ามาแล้ว ส่วนหนึ่งเขาก็หวังว่า ลอบสังหารคุณสนธิจะทำให้คนเสื้อเหลือง หรือพันธมิตรฯ ใครต่อใคร ดาหน้าออกมานอกท้องถนน ซึ่งหลายท่านได้ให้ข้อคิดแล้วว่าเราควรอยู่ในที่ตั้ง เราจะต้องเคลื่อนไหวภายใต้หลักการเดิม สันติวิธี สงบ อหิงสา และยึดความถูกต้อง เอาบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ขอบพระคุณพี่น้องทางบ้าน เพื่อนสื่อมวลชนครับ
ถาม-ตอบ
ถาม - จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณสนธิ ทำให้แกนนำคนอื่นๆ ต้องขอเจ้าหน้าที่มาเพิ่มการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นด้วยไหม
สมเกียรติ - เราไม่เคยขอนะ เราใช้พลังที่บริสุทธิ์ และมีการ์ดพันธมิตรฯ ของเรา ผมไม่เคยได้รับความกรุณาจากรัฐบาลเรื่องการคุ้มครองดูแลจากอำนาจรัฐ ถ้าขอมาผมกลับจะกลายเป็นคนที่ไม่มีความปลอดภัยมากกว่า พวกเราไม่ได้ขออะไรเลยนะครับ เพียงแต่ต้องรอบคอบและระมัดระวังตัวมากขึ้น ก็พูดได้เท่านี้นะครับ เพราะว่าสถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์สู้รบ ไม่ใช่สถานการณ์มาวิเคราะห์เหตุผลกัน เป็นสถานการณ์สู้รบที่เราจะต้องเฉลียวฉลาดและรู้จักจังหวะที่เหมาะสมว่า จะออกมาแสดงความเห็นและขับเคลื่อนกันอย่างไร
ถาม - เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณสนธิในครั้งนี้จะเป็นชนวนหนึ่งที่จะทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวหรือนัดชุมนุมในอนาคต หรือในระยะเวลาเร็ววัน
สมเกียรติ - ในเร็ววันนี้เราคิดว่ายังไม่มีนะครับ ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะออกมา เพราะว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสนับสนุนแนวทางของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องใช้ภาวะผู้นำ หลังจากถูกกระทำการมาแล้วหลายครั้ง การสนับสนุนนายกรัฐมนตรีใช้ภาวะผู้นำ หลังจากผู้นำอาเซียน +3/+6 ต้องแตกกระเจิงไป รู้สึกว่ารัฐบาลต้องทำอะไรบางอย่าง ก็มีการส่งสัญญาณไป นายกรัฐมนตรีก็ใช้ภาวะผู้นำอย่างเข้มข้นขึ้น และมีการออกหมายจับอย่างทันโดยพลันเหมือนกัน หลายคดี เราก็เชื่อว่าในคดีของคุณสนธิ นี่อีกไม่นาน ถ้าในระยะยาว คิดว่ากระบวนการกองโจร หรือกระบวนการอำนาจเถื่อน เรายังไม่มีปฏิบัติการจากรัฐ พันธมิตรฯ ก็คงจะได้กำหนดท่าทีกัน หลังจากที่คุณสนธิได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ในตอนนี้ผมเชื่อว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กำลังครุ่นคิดและมองดูจังหวะก้าวที่เหมาะสมอยู่ เราต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและผู้ชำนาญการในเรื่องนี้ เรามีการติดต่อกันโดยตลอด ตอนนี้ท่านอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ถาม - ที่ผ่านมาเวลามีเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง นายกฯ มักจะชอบให้คุณสุเทพเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้
สุริยะใส - จริงๆ อยากให้ย้อนกลับไปการแถลงครั้งที่แล้วนะครับ ว่าเราพุ่งเป้าไปที่หน่วยงานด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านความมั่นคง ว่า เราพูดอย่างไม่ได้มีอคติอะไร และใช้ข้อเท็จจริงในช่วงที่มีการจัดประชุมอาเซียน +3/+6 และการก่อจลาจลทางการเมืองกลางกรุงเทพมหานคร มันก็เท่ากับเป็นการสะท้อนความหละหลวมบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านความมั่นคงอยู่แล้ว ฉะนั้นก็เป็นเหตุเป็นผล ถ้าท่านนายกฯ จะทบทวนงานด้านความมั่นคง เราถึงขั้นเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหาบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้วยซ้ำไป แล้วเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ตอกย้ำอีกว่าข้อเสนอเราเป็นเหตุเป็นผล ฉะนั้นผมเชื่อว่าท่านนายกฯ มีดุลพินิจพอที่จะรื้อระบบและทำให้งานด้านความมั่นคงมั่นใจได้มากกว่านี้ว่าบ้านเมืองจะไม่เข้าสู่มิคสัญญี
ถาม - ที่สถานีนี้ ปกติแล้วมีการรักษาความปลอดภัยของคุณสนธิ การจัดกระบวน หรือบุคคลที่มาดูแล เป็นในลักษณะไหน
สุริยะใส - ขออนุญาตไม่ตอบครับ เพราะเป็นการภายใน คือเราไม่ปฏิเสธหรอกครับ ถ้าทางรัฐบาลจะถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องคุ้มกันแกนนำ คุ้มกันบุคคลสำคัญ หรือประชาชนทั่วไป มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว พวกเราก็มีหน้าที่ดูแลตัวเอง และจากนี้ไปอย่างที่ท่าน อ.สมเกียรติ ว่า ก็ต้องเข้มงวดและระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิมหลายที่
ถาม - ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุกับคุณสนธิ มีการพูดคุยกันในแกนนำหรือไม่ หรือมีการส่งสัญญาณใดๆ กับคุณสนธิ ว่ามีสัญญาณ มีการขู่ หรือบอกว่าจะมีการลอบฆ่ามาก่อนหน้านี้ไหม
สุริยะใส - มีมาตลอดนะครับ คุณสนธิก็ทราบดี มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เรายืนอยู่ตรงนี้ แกนนำทุกคน อ.สมเกียรติ คุณพิภพ พล.ต.จำลอง คุณสมศักดิ์ คุณวีระ คุณสำราญ คุณมาลีรัตน์ หรือผมเองก็ตาม หรือหลายคนก็ตามที่เป็นแม้กระทั่งแค่แนวร่วม ก็มีการข่มขู่สารพัดวิธี จนเราถือเป็นเรื่องปกติ แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็พยายามที่จะเข้มงวดในการใช้ชีวิตแต่ละวัน แต่ที่มันคาดการณ์คาดไม่ถึงก็คือว่า ปฏิบัติการลอบสังหารคุณสนธิมันเกิดขึ้นในภาวะที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะใช้อำนาจอย่างเต็มกำลัง ภายใต้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มันเป็นไปได้อย่างไร นี่เป็นคำถามที่ท่านนายกฯ จะต้องไขข้อกระจ่าง นั่นหมายความว่าต้องมีความชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลัง ใครลงมือปฏิบัติการครั้งนี้
สมเกียรติ - คือหลักวิธีคิดที่ดีที่สุด ถ้า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุ้มครองสังคมไทย คนไทย ไม่ให้ปลอดภัยได้ แล้วจะใช้อะไรอีก เพราะอันนี้เป็นอำนาจสูงสุดแล้ว เป็นอำนาจฉุกเฉินด้วย สมมุติว่าออก พ.ร.ก.นี้ การเข่นฆ่าทำลายกันมีขึ้นตลอด แล้วเราจะใช้อะไรล่ะครับสังคมไทย เพราะฉะนั้นมันก็เหลืออย่างเดียวคือกลไกที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จะต้องแสดงภาวะผู้นำ ซึ่งเราสนับสนุน ในขณะนี้เรายังไม่ปฏิเสธและเรียกร้องให้รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยเรานะครับ เราได้รับการประสานจากรัฐมนตรีบางท่านอยู่ เพียงแต่ว่าเราขอเลือกบุคคลที่จะมาคุ้มครองดูแลเรา เพราะขณะนี้เราไม่ทราบว่าคนในสังคมไทยอยู่ฝ่ายไหน อย่างไร เราไม่รู้เรื่องเลย เพราะเราเองก็ต้องมีจังหวะการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน ในสถานการณ์สู้รบตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต้องระมัดระวังตัวเองเองนะครับ อำนาจรัฐยังคุ้มครองรัฐบาลเองยังไม่ได้เลย ถ้าปรับโครงสร้างในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเหล่าทัพ
ผมเชื่อว่าความปลอดภัยมันจะมาทันทีเลย ไม่มากก็น้อย ถ้ากล้าปรับนะครับ ในขณะนี้มันยังดำรงอยู่เหมือนเดิม เพราะว่ากลไกของรัฐตอนนี้เป็นกลไกที่ไม่อาจจะให้ความมั่นคง ความปลอดภัย และความผาสุกของประชาชนได้แล้ว ถึงเวลาแล้วครับ พวกเราสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีใช้ภาวะผู้นำในการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานด้านความมั่นคงของชาติและความผาสุกของประชาชน
ถาม - ให้เวลานายกฯ คิดเรื่องนี้อีกนานเท่าไร
พิภพ - ไม่ๆๆ นักข่าวชอบถามอย่างนี้
สุริยะใส - ก็โดยเร็วที่สุดนะครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้ถ้ามันช้าไป มันจะไม่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาล เพราะประชาชนจะรู้สึกหดหู่กับการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่สามารถคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชนได้ โดยเฉพาะบุคคลที่มีบทบาททางการเมือง ผมว่าเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องยิ่งเร็วเท่าไร ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนได้มากเท่านั้น เราจะไม่ได้กำหนดวันว่ากี่วัน แต่เราจะติดตามเรื่องนี้และทำหน้าที่รายงานกับพี่น้องประชาชนพันธมิตรฯ ทั้งประเทศอย่างเป็นระยะ
ถาม - ทำไมปักใจว่าถ้าเปลี่ยนสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วจะดีขึ้น จะปลอดภัยมากขึ้น
สุริยะใส - เราต้องมั่นใจอย่างนั้น เพราะที่ผ่านมาความผิดพลาดของรัฐบาลชุดนี้ก็คือไว้วางใจตำรวจที่ยังฝักใฝ่และถวิลหาระบอบทักษิณอย่างชัดเจน เช่นที่อาเซียน +3/+6 หรือแม้กระทั่งท่านนายกฯ เองที่ไปตกอยู่ในวงล้อมที่พัทยาและมหาดไทย ผมว่ามันเพียงพอแล้วที่สปอตไลต์จะต้องหันไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าต้องถูกจัดระเบียบหรือกระชับอำนาจเป็นการด่วน มิเช่นนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์กับตัวท่านนายกฯ ด้วย