ประธาน กก.สิทธิฯ แถลงชื่นชมผลงานระงับสถานการณ์ “โจรแดงเผาเมือง” พร้อมแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตจากการออกมาร่วมต่อต้านคนเสื้อแดง เสนอตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ”จากทุกกลุ่มการเมือง เศรษฐกิจและสังคม สานต่อประชาธิปไตยในยามวิกฤติ ยุติการเมืองแบบเหน็บแนมโต้ตอบ พร้อมเปิดเวทีภาคประชาชนกระตุ้นปฏิรูปการเมือง
วันนี้ (16 เม.ย.) นายเสน่ห์ จามริก รักษาการประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน ได้ออกแถลงการณ์ กรณีสถานการณ์วิกฤตการเมืองกับอนาคตประชาธิปไตย ว่า ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความวิตกห่วงใย และพยายามคิดใคร่ครวญถึงแนวทางออกเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์วิกฤต กับทั้งเพื่อร่วมกันจรรโลงระบอบประชาธิปไตย และศักดิ์ศรี สิทธิเสรีภาพของประชาชนให้สามารถพัฒนาก้าวหน้าอย่างสร้างสรรค์ยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ต้องตกเป็นกลไกเครื่องมือของการทุจริต คอรัปชั่น อย่างที่เป็นมา และกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ โอกาสนี้ แสดงความขอบคุณและชื่นชมต่อผลงานการระงับสถานการณ์อันคุกคามและเลวร้าย อย่างมีเกียรติศักดิ์ศรี อันควรแก่การยกย่องอย่างสูง
ในขณะเดียวกัน ก็ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ประคับประคองช่วยให้บ้านเมืองได้มีโอกาสฟื้นฟูสภาพจิตใจ และชีวิตความเป็นอยู่โดยปกติสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของฝ่ายปฏิบัติการด้านความมั่นคงทุกๆ คน ทุกๆ ฝ่าย ผลงานของท่านทั้งหลายเหล่านี้จะต้องถือเป็นคุณูปการอย่างยิ่งต่อพัฒนาการความก้าวหน้าของประเทศชาติโดยส่วนรวม อย่างมั่นคงยั่งยืนสืบต่อไป ไม่ว่าจะเป็นในทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมือง แต่ทั้งนี้ ก็ขอแสดงความอาลัยและเสียใจอย่างสุดซึ้ง ในความสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งสอง อันเป็นผลจากการร่วมมือร่วมใจของกลุ่มพี่น้องประชาชนในท้องที่ต่างๆ ลุกขึ้นมาต่อสู้ต่อต้านด้วยความเสียสละกล้าหาญ ต่อการกระทำและพฤติกรรมอันมุ่งเป็นการบ่อนทำลายทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของมวลประชาชนผู้บริสุทธิ์ จึงอยากร้องให้รัฐบาลจัดการดูแลชดเชยความสูญเสียของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเสียสละ อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
นายเสน่ห์ กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์การปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและจำเป็นที่ภาคสังคมและประชาชน โดยเฉพาะในระดับชุมชนท้องถิ่นที่จะต้องมีบทบาทกระทำการโดยตรงในกระบวนการปฏิรูปและแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เพียงมีส่วนร่วมรับฟังหรือเห็นชอบไม่เห็นชอบในสิ่งที่บรรดานักวิชาการปัญญาชนจัดเตรียมมาให้ เป้าหมายสำคัญของการปฏิรูปการเมืองในสภาวะพัฒนาการเมืองปัจจุบัน อยู่ตรงที่ส่งเสริมพัฒนาสิทธิอำนาจและขีดความสามารถในการปกครองของชุมชนท้องถิ่น
“ทั้งหมดที่กล่าวมาคือวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลและประชาชนคนไทยจะพึงรับผิดชอบร่วมกันในอันที่จะผลักดันให้สำเร็จลุล่วงไปในระยะเวลาอันควร ในฐานะที่รัฐบาลอภิสิทธิ์เอง เป็นผู้ริเริ่มประกาศเจตนารมณ์และนโยบายการปฏิรูปการเมือง จึงใครขอเสนอหลักการปฏิบัติเบื้องต้น ดังนี้ ในยามวิกฤตต่อความมั่นคงและการดำรงคงอยู่ของประเทศชาติขณะนี้ รวมทั้งเพื่อ มิให้พัฒนาการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนต้องสะดุดหยุดลง ขอให้นายกรัฐมนตรีประกาศจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” ด้วยความร่วมมือของกลุ่มการเมืองทุกฝ่าย และภาคเศรษฐกิจสังคมฝ่ายต่างๆ โดยหลีกเลี่ยงจากภาคราชการและนักวิชาการปัญญาชนอย่างเช่นที่ถือปฏิบัติกันมาในอดีต ยุติการเมืองแบบตอบโต้เหน็บแนมกันระหว่างพลพรรคฝ่ายต่างๆ ซึ่งไม่ได้เป็นการสร้างสรรค์อะไรเลยในยามวิกฤตของบ้านเมืองที่กำลังต้องการแสวงหาความเข้าใจต่อกันภายในชาติ” นายเสน่ห์ กล่าว
นายเสน่ห์ กล่าวอีกด้วยว่า นอกจากนี้ อยากให้เปิดเวทีภาคสังคมและประชาชน โดยเฉพาะในหมู่ชุมชนท้องถิ่นชนบท ซึ่งกำลังตื่นตัวพัฒนาตนเองและปกป้องฐานทรัพยากรท้องถิ่นอันเป็นสมบัติของชาติ พร้อมด้วยภูมิปัญญาความสามารถและศักยภาพการพัฒนา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในยุคที่ประเทศชาติกำลังถูกรุกรานจากภายนอก ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ เป็นที่หวังว่า ภายใต้กระแสการประสานงานปฏิรูปทั้งจากภาครัฐและภาคสังคมประชาชน จะได้บังเกิดผลกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปจากภายในแวดวงผู้นำทางการเมืองกันเอง โดยไม่ต้องเว้นวรรคพัฒนาการประชาธิปไตยของไทยเรา และประการสุดท้าย เป็นที่คาดหวังว่า ระบอบรัฐสภาไทยจะสามารถค่อยๆ สลัดคราบของความอ่อนแอล้มเหลวและทุจริตคอรัปชั่นจากอดีต และเข้าสู่ภายใต้การกำกับควบคุมของภาคสังคมและประชาชนทุกส่วนทุกระดับ อันเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง