โฆษกส่วนตัวนายกฯ เย้ย “ไอ้ตู่” ลีลานำม็อบเผากรุงเหมือนพญาราชสีห์ แต่กลับหนีคดีเหมือนตู๊ดตู่มูดในรู แนะถึงเวลากลับไปซบอกแม่ดีกว่าไปซบเท้า “นช.แม้ว” ซัด “นายใหญ่” ตีหน้าซื่อ ปัดสวะอ้างไม่ได้ปลุกระดมมวลชน ยั่วยุผีตายซากบ้าน 111 เข้าร่วมม็อบแดงถ่อย ชี้แค่หวังให้ “ในหลวง” ลงมาหย่าศึก จวกถูกลูกน้องให้ข้อมูลที่ผิด อ้างมีประชาชนเสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุม หวังตบทรัพย์
วันนี้ (16 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศปฏิเสธความรับผิดชอบว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก่อจราจลของกลุ่มเสื้อแดงว่า อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับไปดูคำพูดผ่านวิดีโอลิงก์ไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาลบอกให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเป็นจำนวนมาก เพื่อล้มระบบอมาตยาธิปไตย รวมถึงการพูดยั่วยุให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงไปปิดล้อมการประชุมอาเซียนซัมมิตที่พัทยา ถึงขนาดมีการระบุว่าหากได้ยิงเสียงปืนแตกเพียงนัดเดียวจะมาปรากฏตัวร่วมกับผู้ชุมนุม และเมื่อทหารออกมาจะเป็นแกนนำในการเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯ และยังพูดให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยบอกไม่ต้องเหนียมอายให้ออกมาเคลื่อนไหว จนเห็นคนบ้านเลขที่ 111 ออกมาเคลื่อนไหวบนเวที นปช. ซึ่งเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้เกิดการชุลมุนและเกิดความรุนแรงกดดันรัฐบาล
“สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการ คือ ให้มีผู้มีบารมีมาหย่าศึกเท่านั้น ซึ่งผู้มีบารมีที่สังคมเข้าใจนั้นหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี แต่กลับเป็นบุคคลที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวโจมตีบนเวทีอย่างต่อเนื่องและความจริงปรากฏชัด เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีราห์ว่า ผู้ที่ต้องการให้มาหย่าศึกคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง จึงอยากเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณหยุดพฤติกรรมออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ เพื่อโจมตีประเทศไทย โดยไม่สำนึกในเหตุการณ์ที่ได้ทำไว้กับประเทศไทยและทำให้เกิดความเสียหาย” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทกล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนปลุกปั่นให้สมุนของตัวเองสร้างความรุนแรง เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความแตกหักและเคลื่อนไหวให้ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งมีการกล่าวหาว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์จลาจล 5 คนโดยทหารเป็นคนเก็บศพไว้ ซึ่งอ้างว่าได้รับรายงานจากนายตำรวจ ซึ่งตนพอจะเข้าใจดีว่านายตำรวจเหล่านั้นต้องการอะไร จึงอยากเตือน พ.ต.ท.ทักษิณว่า อย่าไปหลงเชื่อ ถ้าไม่เห็นกับตาอย่าเชื่อในสิ่งที่ไม่ได้เห็น เพราะลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณเคยให้ข้อมูลผิดจนทำให้การตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณผิดซ้ำซากถึงขนาดนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าพฤติกรรมลูกน้องคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนใหญ่ให้คำแนะนำที่ไม่ถูกต้องมักแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะตัว ดังนั้นจึงเชื่อว่าการรายงานข้อมูลเท็จเพื่อต้องการตบรางวัลเท่านั้น
นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาตรวจสอบกรณีที่รัฐบาลไทยปกปิดข้อมูลผู้เสียชีวิตว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่จำเป็นต้องให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาตรวจสอบเพราเป็นเรื่องในประเทศ และเป็นข้อมูลที่ทุกคนรับทราบอยู่แล้ว ไม่มีการปิดบัง แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะเหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณจึงเรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาตรวจสอบ ทั้งที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับองค์กรเหล่านี้เลย โดยเฉพาะกรณีฆ่าตัดตอนผู้ค้ายาเสพติด 2,000 ศพที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมระบุว่ายูเอ็นไม่ใช่พ่อ แต่วันนี้ทำไมกลับมาเรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามาตรวจสอบหรือเป็นเพราะรู้แล้วว่ายูเอ็นคือพ่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นำเหตุการณ์การจลาจลเข้ามาแก้ไขในสภาว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาในสภา ทั้งยังให้ ส.ส.เดินออกจากห้องประชุมไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ปฏิเสธระบบรัฐสภามาตลอด ส่วนการเรียกร้องนายกฯ พระราชทานนั้น ก่อนหน้านี้ก็เคยปฏิเสธมาแล้วเช่นกันและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่วันนี้กลับมาเรียกร้องทั้งๆ ที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคนพยายามที่จะปลุกปั่นปลุกระดมการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงต่อไปในรูปแบบของการต่อสู้แบบใต้ดิน
นายเทพไทยังกล่าวถึงการหลบหนีคดีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ว่า ไม่รู้ว่าวันนี้นายจตุพรไปอยู่ที่ไหน แต่เห็นลีลาบนเวทีเสื้อแดงเหมือนกับพญาราชสีห์ แต่หลังจากเหตุการณ์จราจลนายจตุพรเป็นอะไรก็ไม่ทราบ หายไปแล้วทำตัวเป็นตุ๊ดตู่อยู่ในรู วันนี้ไม่แน่ใจว่านายจตุพรอยู่ไหน ทำไมต้องหลบไปอยู่ที่กาฬสินธุ์ วันนี้ได้โอกาสแล้วที่นายจตุพรจะกลับไปซบอกแม่ที่ทิ้งแม่มานานนับ 6 ปี แต่กลับไปซุกอยู่ใต้เท้า พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าตนเป็นนายจตุพรจะออกมายอมรับความผิดแบบลูกผู้ชายจะไม่ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองแต่อย่างใด เพราะการกระทำของนายจตุพรเป็นการปฏิเสธระบอบรัฐสภาและไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย
อย่างไรก็ตาม กรณีของนายจตุพรกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีความเหมือนและแตกต่างกันความเหมือนคือทั้งคู่เป็น ส.ส.สัดส่วนและเป็นแกนนำของกลุ่มเคลื่อนไหวนอกสภาแต่ที่แตกต่างกัน คือ เมื่อนายสมเกียรติถูกออกหมายจับในฐานะแกนนำพันธมิตรนายสมเกียรติได้เดินเท้าเข้าไปมอบตัว โดยไม่ขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองแต่อย่างใด ผิดกับนายจตุพรที่หลบหนีและติดต่อให้ทนายดำเนินการแทนพร้อมทั้งใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง