xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” แถลงปัดลาออก ลั่นจัดการ “ม็อบแดง” ทำผิด กม.-สั่ง 10 เม.ย.หยุดราชการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ แถลง ปัดลาออกหรือยุบสภาตามแรงบีบของม็อบเสื้อแดง ชี้ไม่นำสู่ประชาธิปไตย ซ้ำดึงสถาบันหลักของชาติมายุ่งการเมือง ระบุ ม็อบลิ่วล้อ “แม้ว” ละเมิดกฎหมาย เตรียมดำเนินการเอาผิดขั้นเด็ดขาด พร้อมใช้ช่อง 11 เกาะติดความเคลื่อนไหว ประกาศ 10 เม.ย.หยุดราชการ บรรเทาผลกระทบจราจร เริ่มใช้มาตรการเข้มแยกผู้ชุมนุมโดยบริสุทธิ์ใจออกจากผู้กระทำผิด



คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลง

เมื่อเวลา 21.20 น.วันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ช่อง 11 ถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ เนื่องจากเป็นข้อเรียกร้องที่สับสนเรื่องจะให้ยุบสภา หรือให้ลาออก และมีการดึงเอาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และเห็นว่าไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่จะนำไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พร้อมระบุว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงตั้งแต่เวลา 16.00 น.วันที่ 9 เม.ย.เป็นต้นมาได้กระทำผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดขึ้นเด็ดขาดต่อไป ดังรายรายละเอียดคำแถลงดังนี้

“พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสพบปะกับพี่น้องประชาชน เพื่อที่จะบอกกับพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลได้ประเมินสถานการณ์และเตรียมการในเรื่องของการชุมนุมใหญ่ ซึ่งมีการประกาศว่าจะมีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 วันนี้ผมอยากจะขอใช้เวลาอีกสักนิดหนึ่งครับกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้รับทราบถึงสถานการณ์ เหตุผล จุดยืนของรัฐบาล และการดำเนินการของรัฐบาลต่อไป เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้มีความเข้าใจและมีความมั่นใจในแนวทางต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่

ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนว่าเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้มีการชุมนุมใหญ่ทางการเมือง ก็ปรากฏว่ามีพี่น้องประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมทางการเมืองเป็นจำนวนค่อนข้างมาก แม้ว่าตัวเลขที่ชัดเจนอาจจะมีการประเมินแตกต่างกันไป แต่อาจจะกล่าวได้ว่า ค่อนข้างจะมองตรงกันว่ามีประชาชนที่เข้ามาร่วมชุมนุม ประมาณ 100,000 คน ซึ่งผมได้ย้ำมาตลอดครับว่า ผู้ที่มาชุมนุมนั้น สามารถจะใช้สิทธิเสรีภาพภายในขอบเขตของรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้ และผมก็ถือว่า ประชาชนที่มาจำนวนมาก ก็มีข้อเรียกร้อง หรือมีเหตุผลที่จะมาแสดงออก ซึ่งผมได้พูดตลอดเวลาว่า ในเรื่องของหลักการประชาธิปไตยนั้น เป็นสิ่งที่ผมสนับสนุน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ชุมนุมไปแล้วก็ปรากฏว่ามีการเสนอข้อเรียกร้องออกมา เบื้องต้นก็คือ 3 ข้อ และก็มีการกำหนดเส้นตายว่าจะต้องได้รับการตอบสนองภายใน 4 โมงเย็นของวันนี้ อยากจะเรียนว่า ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อนั้นมีความสับสนอย่างมาก และไม่ได้นำไปสู่เรื่องของการที่จะได้ประชาธิปไตย หรือการปฏิรูประบบการเมืองการปกครองอย่างที่ควรจะเป็น อย่างที่ได้ประกาศไว้

ตัวอย่างเช่น การไปตั้งข้อเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับท่านประธานองคมนตรีก็ดี หรือท่านองคมนตรีก็ดี เป็นอีกครั้งหนึ่งครับที่ผมต้องย้ำว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เป็นเรื่องที่มีความพยายามที่จะขยายวงความขัดแย้งทางการเมืองไปสู่สถาบันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไปสู่เรื่องของตัวบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง และมีความพยายามที่จะขยายผลต่อไปด้วย ซึ่งจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ


ส่วนข้อเรียกร้องในเรื่องของตัวผมเองนั้น ผมย้ำกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งครับว่า การตัดสินใจของผมในเรื่องเหล่านี้จะอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ที่จริงก่อนหน้านี้มีข้อเรียกร้องให้ผมยุบสภา และผมก็ได้มีโอกาสชี้แจง รวมทั้งชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศด้วยว่า การยุบสภาถือเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่สามารถจะทำได้ในระบบรัฐสภา แต่การยุบสภาในภาวะเช่นนี้ ที่ผมย้ำว่า คงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ ก็คือ คงไม่นำไปสู่การเลือกตั้งที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของประชาธิปไตย เพราะเห็นได้ชัดว่า ยังมีกลุ่มบุคคลจำนวนมากมีการดำเนินการเคลื่อนไหวในลักษณะของการขัดขวางไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ข่มขู่คุกคามในเรื่องของการใช้ความรุนแรงต่อพรรคการเมือง ซึ่งมีความคิดความอ่านไม่ตรงกับตัวเอง

ผมอยากให้พี่น้องประชาชนนึกภาพนะครับว่า ถ้าเรายุบสภาภายใต้บรรยากาศ และการประกาศการเคลื่อนไหวเช่นนี้ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของชาวโลก ไม่ใช่เรื่องของกระบวนการประชาธิปไตย แต่จะนำไปสู่ภาพลักษณ์ของความวุ่นวาย ของความไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะการข่มขู่คุกคาม จำกัดสิทธิ ของการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง ที่จะเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น ขัดกับหลักประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง ดีไม่ดีถ้าหากว่าเกิดความรุนแรงขึ้นในช่วงของการเลือกตั้ง อันนั้นจะเป็นการซ้ำเติมภาพลักษณ์ในเรื่องของประชาธิปไตยของประเทศอย่างรุนแรง เพราะว่าที่ผ่านมาเรายังไม่เคยมีกรณีของการมีการเลือกตั้งที่ผสมผสานกับความรุนแรง และผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนนึกออกนะครับว่า เวลาที่มีการเลือกตั้งในประเทศใดและมีเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น เราก็มีความรู้สึกว่าประชาธิปไตยในประเทศนั้นมีปัญหา

ดังนั้น ผมจึงได้ย้ำมาโดยตลอดว่า ในแง่การเมือง ในแง่การพัฒนาประชาธิปไตย การยุบสภาคงไม่เหมาะสมในช่วงนี้ ผมต้องการเห็นเสถียรภาพ ความยอมรับในการใช้สิทธิเสรีภาพของทุกฝ่าย ที่ไม่มีความรุนแรงใดๆ เข้าไปปะปนเสียก่อน จึงจะพิจารณาได้ว่าการยุบสภามีความเหมาะสมหรือไม่
ที่สำคัญ ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการแก้ไขปัญหาที่มีความสำคัญต่อพี่น้องประชาชน และการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของประเทศในฐานะประธานของอาเซียน งานในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ดี ซึ่งกำลังเดินหน้าไปอย่างชัดแจ้ง การจัดการประชุมสุดยอดผู้นำของอาเซียน บวกกับประเทศคู่เจรจา ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วง 3 วันข้างหน้านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการเสริมความเชื่อมั่น ล้วนแล้วแต่เป็นมาตรการสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ หากมีการยุบสภาขึ้นในขณะนี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องหยุดชะงักลง

ประการถัดมาครับ เมื่อมีการยืนยันชัดเจนอย่างนี้ก็จะสังเกตได้ว่า ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมก็หมุนเปลี่ยนมาเป็นเรื่องของการลาออก ผมก็อยากเรียนกับพี่น้องประชาชนเช่นเดียวกันครับว่า ข้อเรียกร้องตรงนี้มีความสับสนมาก เพราะถ้าหากผมตัดสินใจลาออกจริง สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ สภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ วันนี้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรค ยังยืนยันทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ถ้ามีการลาออกแล้วเลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง แล้วพรรคการเมืองต่างๆ เขาตัดสินใจจะทำงานร่วมกันต่อ เลือกผมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เราก็กลับมาสู่สถานการณ์อย่างเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นผมจึงอยากจะเรียนว่า ข้อเรียกร้องไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับองคมนตรีก็ดี หรือตัวผมเองก็ดี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการจะได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ผมฟังเสียงของพี่น้องที่มาชุมนุมกันเป็นแสน ในข้อเรียกร้องข้อที่ 3 เท่านั้นครับ ก็คือ ความปรารถนาที่จะเห็นระบอบประชาธิปไตยมีการพัฒนาต่อไป ซึ่งขณะนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปิดโอกาสให้รัฐสภานั้น เปิดกว้างให้ฝ่ายต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการของการปฏิรูปทางการเมือง เพื่อปรับปรุงกติกา รัฐธรรมนูญ กฎหมายต่างๆ ให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าดำเนินการไปตามนั้น เราก็จะสามารถพิจารณาได้อย่างเหมาะสมต่อไปว่า การตัดสินใจในทางการเมืองของผมเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมควรจะเป็นอย่างไร

แต่ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะเริ่มเข้าใจ ว่าการผสมผสานข้อเรียกร้องข้อที่ 3 ซึ่งมีเหตุมีผลนะครับ แต่ว่าไม่มีรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร เข้ากับข้อ 1 ข้อ 2 เป็นความพยายามที่จะสร้างความสับสนทางการเมืองมากกว่า แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่า ขีดเส้นตายเอาไว้โดยไม่มีเหตุผลชัดเจนว่าทำไมจะต้องขีดเส้นตายกันภายในวันนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการชุมนุมผ่านพ้นไปในวันที่ 8 ซึ่งเหตุการณ์โดยส่วนรวมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยนั้น ในวันนี้ก็จะพบความจริงว่าผู้ชุมนุมประมาณร้อยละ 70 ได้ตัดสินใจเดินทางกลับไปแล้ว เพราะผมเชื่อว่าคนเหล่านั้นก็มีเจตนาที่จะมาแสดงออกในการเรียกร้องประชาธิปไตย ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ก็คือ จำนวนผู้ชุมนุมซึ่งเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 30 ของวันที่ 8 ได้เปลี่ยนแนวทางของการชุมนุมอย่างชัดเจน วันนี้หลัง 4 โมงเย็น สิ่งที่มีการประกาศบนเวที สิ่งที่มีการประกาศเป็นข้อเรียกร้อง กลายเป็นเรื่องซึ่งผิดกฎหมาย กลายเป็นเรื่องที่มีการปฏิเสธในเรื่องของการมีอยู่ของรัฐบาล ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก เพราะว่ารัฐบาลนี้ก็มาตามวิถีทางเดียว หรือรัฐธรรมนูญฉบับเดียว กับรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่ผู้ชุมนุมเหล่านี้ก็ไม่เคยตั้งข้อสงสัยว่ามีความชอบธรรมหรือไม่ อย่างไร กลับมีการชักชวนพี่น้องประชาชนในขณะนี้ให้เข้าไปร่วมในกระบวนการของการละเมิดกฎหมาย โดยอ้างว่าไม่จำเป็นจะต้องเคารพกฎหมาย เนื่องจากไม่มีรัฐบาล ซึ่งก็เป็นข้อเรียกร้องที่แปลกอยู่ เพราะก็ยังเรียกร้องให้ผมลาออก นั่นก็แสดงว่ายอมรับสถานะของผมในการเป็นนายกรัฐมนตรี

ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนครับ ว่า แนวทางตรงนี้มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว แม้กระทั่งผู้ชุมนุมซึ่งได้ตัดสินใจเดินทางกลับไป ผมก็มั่นใจว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางเช่นนี้ เพราะนั่นเท่ากับว่าเป็นการบอกว่า บ้านเมืองของเรานั้นไม่ต้องมีกฎหมายก็ได้ แล้วจะตั้งข้อหากันขึ้นมา แม้ว่าจะมีรัฐบาลที่มาที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ชอบด้วยกฎหมาย มาตามวิถีทางประชาธิปไตย และที่สำคัญก็คือ ได้บริหารราชการแผ่นดินด้วยจิตวิญญาณของนักประชาธิปไตย ไม่เคยปิดกั้นในเรื่องของสิทธิเสรีภาพ ไม่เคยขัดแย้งกับพี่น้องประชาชน ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน กลับมาเรียกร้องตรงนี้เพื่อที่จะให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ด้วยเหตุนี้การกระทำของผู้ชุมนุมในช่วงบ่ายเป็นต้นมา เป็นการกระทำผิดกฎหมาย และสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน การปิดถนนในจุดสำคัญๆ ต่างๆ ซึ่งทำให้การจราจรมีปัญหา และพี่น้องประชาชนประสบกับความเดือดร้อน ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมขอเรียนครับว่า ไม่มีนักประชาธิปไตยคนใดจะสนับสนุนได้ ดังนั้นพฤติกรรมเช่นนี้ เป็นพฤติกรรมที่เป็นการกระทำของคนที่ไม่เชื่อในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต้องอิงอยู่กับหลักของการใช้กฎหมาย และการเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น

รัฐบาลต้องขออภัยนะครับที่เกิดความไม่สะดวก และทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน และเข้าใจความรู้สึกพี่น้องประชาชนที่มีความอึดอัด หรือหลายคนที่มีความหงุดหงิด หรือแม้กระทั่งโกรธเคืองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อยากจะเรียนอย่างนี้ครับว่า รัฐบาลก็ได้ทราบเช่นเดียวกันว่า จุดมุ่งหมายของบรรดาผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่ คือต้องการที่จะยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ของการเผชิญหน้า และความรุนแรง หวังผลที่จะขยายไปเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ แล้วจะนำไปสู่ลักษณะของการเป็นการเชิญชวนให้ประชาชน แทบจะเรียกได้ว่ามาร่วมกันจลาจล

เป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่ง ก็คือต้องการหยุดยั้งไม่ให้บ้านเมืองของเราสามารถเดินต่อได้ในฐานะประธานของอาเซียน ในการจะเชิญผู้นำต่างๆ เข้ามาร่วมประชุม ซึ่งเป็นผลประโยชน์ไม่ใช่เฉพาะของคนไทยเท่านั้น แต่ว่าเพื่อนบ้านของเรา และประเทศสำคัญๆ ที่เป็นคู่เจรจาของภูมิภาคอาเซียนด้วย จะเห็นได้ครับว่า แกนนำผู้ชุมนุมบางคนได้เคยพยายามมาแล้ว ในการที่จะไปเรียกร้องให้ผู้นำของประเทศต่างๆ ไม่มาประชุมอาเซียนครับ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะบรรดาประเทศอาเซียนต่างๆ และคู่เจรจานั้น เข้าใจดีถึงสถานะของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน และให้การยอมรับในการทำงานของรัฐบาล และพร้อมที่จะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป

เพราะฉะนั้นแนวทางที่ผมได้เคยบอกกับพี่น้องประชาชนเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่าเราจะไม่ใช้ความรุนแรง และจะบังคับใช้กฎหมายนั้น ยังเป็นแนวทางที่ยึดถืออยู่ เพียงแต่ว่าเราเลือกที่จะไม่ผลีผลามเข้าไปดำเนินการใดๆ ที่จะตกเป็นเหยื่อของผู้ที่วางแผนที่จะให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายออกไป แล้วกระทบกับประโยชน์ของประเทศ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่า ด้วยเหตุนี้ผมขอยืนยันนะครับว่า การดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และกำลังดำเนินการเดี๋ยวนี้ครับ ขณะนี้รัฐบาลจะเริ่มดำเนินการในการบังคับใช้กฎหมาย ผมจึงอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนที่ถูกชักจูงให้มาชุมนุมและกระทำผิดกฎหมายว่า ขอให้ท่านได้ไตร่ตรองให้ดี แล้วดำเนินการในการที่จะตัดสินใจยืนอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศ ยืนอยู่กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ยืนอยู่กับความถูกต้อง ยืนอยู่กับความยั่งยืนความมั่นคงของบ้านเมืองของสังคมของเรา ละเว้นจากการกระทำเหล่านี้เสีย เพราะรัฐบาลจำเป็นจะต้องบังคับใช้กฎหมาย และผมเรียนครับว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการในบางจุด ซึ่งเรามองเห็นว่า สามารถดำเนินการได้โดยไม่กระทบกระทั่งมากนัก และจะไม่นำไปสู่การเป็นเงื่อนไขข้ออ้างที่จะนำไปสู่ความรุนแรง และขยายผลต่อไป

ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนครับว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมบอกว่า เป้าหมายในการทำงานของรัฐบาลชัดเจน 1 รักษาสถานที่ราชการไม่ให้มีการบุกรุก อันนี้ดำเนินไปขณะนี้ ก็ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 2 ที่ผมเตือนไว้ครับว่า เราต้องดูแลเรื่องการจราจร เพราะทราบว่า มีแผนการของผู้ชุมนุมบางส่วนที่จะกระทำสิ่งที่กำลังกระทำขณะนี้ ซึ่งได้มีการเตรียมแผนการรองรับไว้ และจะดำเนินการ ซึ่งผมจะเรียนต่อไปว่า การดำเนินการของรัฐบาลในการตัดสินใจช่วงต่อไป จะทำให้การทำเรื่องนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินการให้ได้ผลได้อย่างไร

ประการแรกคือว่า จากสภาพปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะนี้ สิ่งที่ผมต้องการคือว่า เราแยกแยะคนที่มาชุมนุมในเรื่องของประชาธิปไตย คนที่อาจถูกชักจูงและหลงผิดให้เข้ามาทำสิ่งเหล่านี้ โดยคิดว่าไม่มีความผิด คนเหล่านี้เราต้องการแยกออกมาครับ ขอให้ท่านเลิก ละ การกระทำเหล่านี้ทั้งหมด แล้วจะเหลือเพียงผู้ที่ดำเนินการต่อไป ซึ่งเราถือว่าคนเหล่านี้กระทำผิดกฎหมาย จงใจอย่างชัดเจน และกระทบต่อความมั่นคงต่อไป ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการ ภาพ เสียงต่างๆ บันทึกไว้หมดแล้วครับ รวมถึงทะเบียนรถ รวมถึงบุคคล ซึ่งจะมีการดำเนินการพิจารณาในการดำเนินคดีลงโทษต่อไป แต่เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่สะดวกยิ่งขึ้น และพี่น้องประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสะดวกสบายพอสมควร

ผมขอเรียนอย่างนี้ครับว่า ผมปรึกษากับคณะรัฐมนตรี และมีความเห็นพ้องต้องกันว่า จะประกาศให้วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการ ตรงนี้คงจะช่วยบรรเทาภาระความเดือดร้อนในเรื่องการสัญจรไปมาของพี่น้องประชาชนได้ระดับหนึ่ง และจะทำให้ง่ายต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการแยกแยะกลุ่มคนต่างๆ ซึ่งอยู่ในจุดที่มีการกระทำผิดกฎหมายอยู่ ตรงนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมอยากจะกราบเรียน เพื่อให้เห็นชัดว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังวางแผนวางแนวทางที่จะดำเนินการอย่างรัดกุม

ประการที่ 2 เพื่ออำนวยความสะดวกและให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้รับทราบเหตุการณ์ต่างๆ อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผมได้ขอให้ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เป็นสถานีที่รายงานสถานการณ์ข่าวสารเพื่อประชาชนตลอดเวลา คงจะมีรายการปกติในช่วงที่ไม่จำเป็นต้องสื่อสารข่าวสารอะไรที่มีความสำคัญเป็นพิเศษ แต่ว่าเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมีการรายงานอย่างตรงไปตรงมา ให้พี่น้องเห็นอย่างโปร่งใสว่ากลุ่มบุคคลต่างๆ ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง เป็นไปตามคำกล่าวอ้าง เป็นไปตามคำพูด ที่ว่ายึดถือเรื่องของหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ และเพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้เห็นด้วยว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่นั้นเป็นไปตามหลักการของการเคารพสิทธิ แต่เป็นการรักษากฎหมายด้วยความเด็ดขาดอย่างไร ตรงนี้ก็จะช่วยให้พี่น้องประชาชนได้ทราบและเข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ในแง่ของการจราจร ข่าวสาร เพื่อที่จะบอกกับประชาชนได้ตลอดเวลาว่า พื้นที่ไหนพึงหลีกเลี่ยง หรือมีเส้นทางไหนที่สามารถจะใช้ได้ ทดแทนจุดที่ยังมีปัญหาอยู่ ก็จะสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง

และนอกจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ผมขอถือโอกาสนี้ขอความร่วมมือจากสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ให้ได้ช่วยเผยแพร่ข่าวสารที่จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในการดำเนินชีวิต ในการดำเนินการ ให้มีความเป็นปกติ หรือมีความสะดวกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

อย่างไรก็ตาม ขอเรียนต่อไปว่า ในส่วนของการประเมินสถานการณ์และการติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้รัฐบาลพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์การเผชิญหน้าและการใช้ความรุนแรง ก็มีการประเมินว่า ผู้ชุมนุมบางส่วนก็ต้องการที่จะเพิ่มหรือยกระดับของความรุนแรงของการชุมนุมมากยิ่งขึ้น ตรงนี้ผมได้ประชุมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง จะอาศัยกำลังพล ทั้งของตำรวจ ทหาร รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่น คือเทศกิจ ในการที่จะดูแลพื้นที่สาธารณะต่างๆ ป้องกันไม่ให้เหตุร้ายต่างๆ เกิดขึ้นอย่างดีที่สุด

ขณะเดียวกัน ในส่วนของสถานที่ราชการนั้น ผมถือว่าเป็นความรับผิดชอบของทุกหัวหน้าส่วนราชการที่จะต้องติดตามสอดส่องดูแล นะครับ ในช่วงระยะเวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า เพื่อให้เกิดความรัดกุม สำหรับภาคเอกชน ก็ขอเรียนไปยังบรรดาเจ้าของกิจการต่างๆ นะครับว่า ท่านก็คงต้องช่วยรัฐบาลในการสอดส่องดูแล และมีมาตรการเข้มงวดกวดขันในเรื่องของความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และผมขอถือโอกาสนี้ ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนในการจะช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแล และแจ้งข้อมูลเบาะแสต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ เพื่อเราสามารถที่จะป้องกันเหตุร้ายได้ มาตรการเหล่านี้จะดำเนินตั้งแต่วินาทีนี้ แล้วจะดำเนินการไป เพราะเราเชื่อมั่นครับว่า เมื่อมีการแยกแยะออกมาชัดเจนแล้ว ระหว่างผู้ชุมนุมซึ่งมาด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ ไม่ต้องการจะเห็นความรุนแรง ไม่ต้องการจะทำผิดกฎหมาย ออกจากผู้ที่มีวัตถุประสงค์เป็นอย่างอื่น เรามั่นใจครับว่า รัฐบาลจะสามารถบังคับใช้กฎหมาย และนำเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในระยะเวลาที่ไม่นานจนเกินไป และรัฐบาลจะสามารถปฏิบัติภารกิจในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน และการเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสุดยอดอาเซียนและคู่เจรจาที่พัทยา ให้สำเร็จลุล่วงไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ และภาพลักษณ์ของประเทศได้เป็นอย่างดี ผมเรียนว่า ในส่วนของพัทยานั้นได้มีการเพิ่มมาตรการต่างๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ และบัดนี้ทุกประเทศ ผู้นำของทุกประเทศ ยังยืนยันที่จะมาร่วมประชุมกับเรา และย้ำอีกครั้งว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นเจ้าภาพที่ดี ในการประชุมที่มีความสำคัญครั้งนี้

พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ สิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจและดำเนินการอยู่ทั้งหมดนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ส่วนตัวของผม ของคณะรัฐมนตรี ของบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง หรือของรัฐบาลครับ มีแต่ประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน และการรักษาความถูกต้อง การรักษาระบบสำหรับระยะยาว ผมให้ความมั่นใจว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มีความยั่งยืน ผมเข้าใจดีครับ มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมยืนยันครับว่า รัฐบาลไม่เพิกเฉย ไม่นิ่งดูดาย และมีความรับผิดชอบ แต่ผมขอให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมกับรัฐบาลในการใช้ความอดทนอดกลั้น ความสงบ ความรอบคอบ ความมีสติ ในการเอาชนะสำหรับประชาชนคนไทยทุกคน สำหรับสถาบันหลักของชาติ และสำหรับประเทศชาติ ผมมั่นใจครับว่า แนวทางที่เดินอยู่นี้ไม่นานเกินรอครับ จะนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง จะเป็นการนำไปสู่ความสงบโดยไม่ต้องมีความสูญเสีย และผมเอง ตลอดจนคณะรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกคนครับ ทุ่มเททำงานเต็มเวลา เพื่อที่จะดูแลให้เป็นเช่นนั้นได้

ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ที่ได้แสดงความเข้าใจต่อแนวทางที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ และจะพยายามทุกวิถีทางครับที่จะให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ไม่กระทบกระเทือนกับงานใหญ่ และประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าของส่วนรวม ของพวกเราทุกคน ผมขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง และผมพร้อมเสมอครับ ที่จะมาชี้แจงทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นฐานของความโปร่งใส ความถูกต้อง ด้วยเหตุด้วยผล และขอยืนยันครับว่า ผมจะไม่มีวันเอาผลประโยชน์ส่วนตนอยู่เหนือผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและส่วนรวม ขอขอบคุณครับ”



กำลังโหลดความคิดเห็น