นายกฯ แถลงผ่านช่อง 11 เตรียมพร้อมรับมือม็อบเสื้อแดง 8 เม.ย.แล้ว เน้นวางกำลังดูแลบ้านประธานองคมนตรี-สถานที่สำคัญ ไม่ให้มีการบุกรุกสถานที่ราชการเด็ดขาด ยันไม่เกิดสงครามกลางเมือง หรือสงครามประชาชนแน่ ย้ำจะไม่ใช่กฎหมายพิเศษให้ภาพลักษณ์บ้านเมืองเสียหาย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงการณ์
เมื่อเวลา 20.35 น.วันที่ 6 เม.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงถึงแนวทางปฏิบัติของรัฐบาลต่อการชุมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 8 เม.ย.ออกอากาศสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศให้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่หากมีปัญหาจะใช้วิธีการทางกฎหมายเข้ามาจัดการ โดยจะไม่ใช้กฎหมายพิเศษ ทั้งนี้ จะเน้นการจัดวางกำลังดูแลบ้านประธานองคมนตรี สถานที่ราชการที่สำคัญ และจะไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง หรือการปฏิวัติภาคประชาชนโดยเด็ดขาด ดังรายละเอียดดังนี้
“พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ วันนี้ขอมาพบกับพี่น้องประชาชนสดๆ เนื่องจากว่าพี่น้องประชาชนจำนวนมากมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลกับเหตุการณ์การชุมนุม ซึ่งจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เมษายน หรือในอีก 2 วันข้างหน้า ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า นับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมได้บอกกับพี่น้องประชาชนว่า ผมจะทุ่มเททำงานให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนบนความเสมอภาค และต้องการที่จะนำพาบ้านเมืองประเทศชาติของเราออกจากภาวะวิกฤต ซึ่งมีทั้งวิกฤตการเมือง และวิกฤตเศรษฐกิจ
3 เดือนที่ผ่านมาจากการทุ่มเททำงาน และจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ทำให้บ้านเมืองของเราได้เดินมาไกลพอสมควร ได้รับความยอมรับ ได้รับความเชื่อถือ จากนานาประเทศ จากประชาคมโลก และการแก้ไขปัญหาที่เป็นปัญหาพื้นฐานของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นความเดือดร้อนมากที่สุด คือ วิกฤตเศรษฐกิจ ก็มีความคืบหน้าไปมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ผมยอมรับว่า ปัญหาความคิดที่แตกต่าง หรือความขัดแย้งในเชิงความคิดทางการเมืองยังมีอยู่และตลอดระยะเวลา 3 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ผมก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลนี้ซึ่งเป็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย พร้อมที่จะให้สิทธิเสรีภาพกับพี่น้องประชาชนที่มีความประสงค์จะแสดงออกในทางการเมือง โดยหลักที่ผมได้ยึดตลอดมาก็คือว่า การชุมนุมเรียกร้องต่างๆ นั้นจะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย และภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตราบเท่าที่เป็นเช่นนั้นรัฐบาลก็เปิดโอกาสให้เต็มที่ เมื่อใดก็ตามที่มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลก็จะไม่ละเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น อาจจะมีการกระทบกระทั่ง ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินเล็กน้อย ก็มีการดำเนินการ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ว่า ถ้าการเคลื่อนไหวนั้นกระทบต่อความมั่นคง กระทบกับสถาบันหลักของชาติ รัฐบาลก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ผมได้พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้จะระมัดระวังอย่างเต็มที่ ไม่เข้าไปสู่การเผชิญหน้า ความขัดแย้งกับกลุ่มคนใดในสังคม หลีกเลี่ยงการปะทะ หรือการใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ต้องการให้ประเทศชาติบอบช้ำ หรือมีความสูญเสียในหมู่พี่น้องประชาชนแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นที่ผ่านมาผมได้ยึดหลักนี้มาโดยตลอด ขณะเดียวกัน ก็ต้องการจะให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ อะไรซึ่งพอที่จะอะลุ้มอล่วย ก็อะลุ้มอล่วยกัน อะไรที่เป็นปัญหาเริ่มส่งผลกระทบ เราก็จะดำเนินการอยู่ในกรอบของกฎหมาย อย่างเช่นกรณีเรื่องของทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบันนี้ ซึ่งข้าราการมีปัญหาในการเดินทางเข้าไป เราก็ใช้แนวทางของการขออำนาจศาลให้มีคำสั่ง ซึ่งก็จะได้มีการดำเนินการและมีการบังคับคดีต่อไป
นี่คือสถานการณ์และแนวทางที่เราได้ทำที่ผ่านมา สำหรับในอีก 2 วันข้างหน้า สิ่งที่พี่น้องประชาชนไม่สบายใจ ก็คือว่า มีการพูดถึงขั้นว่า การชุมนุมเรียกร้องนั้นจะนำไปสู่เรื่องของสงครามกลางเมืองบ้าง บางครั้งพูดจากันไปถึงขั้นว่าจะมีการปฏิวัติประชาชนบ้าง ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า รัฐบาลซึ่งเคารพกฎหมาย ต้องดำรงระเบียบ ต้องดำรงความสงบเรียบร้อยในประเทศ ไม่สามารถที่จะให้เกิดสงครามกลางเมือง ไม่อาจที่จะให้เกิดมีลักษณะของการปฏิวัติประชาชนได้ เพราะรัฐบาลได้พูดตั้งแต่วันแรกเช่นเดียวกันว่าการสร้างความสมานฉันท์ปรองดองนั้นอยู่บนพื้นฐานของการรักษากฎหมาย และอยู่บนพื้นฐานของการปกป้องสถาบันหลักของชาติ ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูนของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
ดังนั้น ผมจึงให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลจะยึดแนวทางเดิมในการใช้ความนุ่มนวล ไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำร้ายประชาชน แต่จะมีความมั่นคงไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายจนกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ถึงขั้นที่จะเป็นสงคราม ถึงขั้นที่จะเป็นการปฏิวัติ หรือที่คนไทยนั้นจะต้องมารบราฆ่าฟันกันเอง รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
ดังนั้น เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาผมจึงได้มีการประชุมบรรดากระทรวง ทบวง กรม เจ้าหน้าที่ของรัฐทางด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เพื่อที่จะเตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้
ขอเรียนว่า การประชุมนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและความเป็นเอกภาพของทุกหน่วยงานที่เป็นกลไกของรัฐ ที่จะดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงที่มีการชุมนุมเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอื่นๆ กระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมายของเรา ก็คือ ประการแรก เราจะดูแล รักษาสถานที่สำคัญทางราชการและสถานที่สำคัญ จะมีการเตรียมกำลัง ซึ่งจะผสมผสานกันระหว่างตำรวจกับทหาร และฝ่ายท้องถิ่น ที่จะช่วยดูแลไม่ให้เกิดการละเมิดกฎหมายในเรื่องของการบุกรุกสถานที่ราชการ เหมือนกับที่ได้ทำมา ทำด้วยความนุ่มนวล ทำโดยไม่ให้มีการปะทะ ไม่ให้มีการสูญเสีย แต่จำเป็นจะต้องรักษาหลักตรงนี้ไว้สำหรับบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเรียนว่าครั้งนี้เนื่องจากมีการประกาศว่าจะเข้าไปชุมนุมหน้าบ้านท่านประธานองคมนตรี ซึ่งผมได้ย้ำหลายครั้งว่า สังคมนั้นพึงที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้นำสถาบันองคมนตรี หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเข้ามาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง เรามีหน้าที่ในการที่จะปกป้องคุ้มครองสถาบันหลัก ปกป้องคุ้มครองคนดี ปกป้องคุ้มครองผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และที่สำคัญคือรักษาความสงบเรียบร้อย
เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ก็เช่นเดียวกัน การมีกำลังที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งหน้าบ้านท่านประธานองคมนตรี ไปจนถึงสถานที่ราชการสำคัญทั้งหลายก็จะดำเนินไป แล้วก็จะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการปะทะ ส่วนผู้ชุมนุมนั้นอยากจะแสดงออก อยากจะใช้สิทธิเสรีภาพอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญ หรืออยู่ในขอบเขตของกฎหมายก็ทำได้
ประการที่ 2 การชุมนุมซึ่งมีการพูดกันว่าจะมีการนำคนจำนวนมากเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบในเรื่องของการสัญจรไป-มา คือการจราจร ผมก็ขอให้ความมั่นใจว่า เราจะมีการเตรียมความพร้อม ดูแลอำนวยความสะดวกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะให้การจราจรได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการตกลงกันว่า หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐทั้งหลาย ก็จะใช้เครือข่ายวิทยุกระจายเสียง เครือข่ายอื่นๆ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารให้พี่น้องประชาชนที่สัญจรไป-มาใช้รถใช้ถนนทราบอยู่ตลอดเวลาว่า พื้นที่ไหนบ้างที่พึงหลีกเลี่ยง และรัฐบาลก็จะดูแลให้ผลกระทบต่อการจราจรนั้นน้อยที่สุด
ผมอยากเรียนว่า ประเด็นที่ 3 ก็คือ ในส่วนของการดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรงในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง ผมทราบว่าความเห็นที่แตกต่างย่อมหมายถึงการมีกลุ่มมวลชน ซึ่งอาจจะมีความคิดที่จะเข้ามาเคลื่อนไหวพร้อมๆ กัน หรือในสถานที่เดียวกัน ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ผมขอความกรุณาทุกฝ่าย อยากจะแสดงออกนั้นสามารถทำได้ แต่อย่าเข้ามาแล้วทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของการปะทะกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของรัฐจะดูแล จะขอให้การชุมนุมที่มีความเห็นไม่ตรงกันไม่เข้ามาอยู่ในระยะซึ่งเสี่ยงต่อการที่จะเกิดการเผชิญหน้า การปะทะกัน อันนำไปสู่ความรุนแรงหรือความสูญเสีย ในเรื่องของเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนคนไทย
และถ้าเป็นไปได้ ผมเรียนว่าหนทางในการแสดงออกถึงความรู้สึก ความคิดเห็นต่างๆ มีมาก โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำไปสู่ความเสี่ยงในเรื่องของการปะทะกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเรียนยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยไม่มีความจำเป็นใดๆ ในขณะนี้ที่จะต้องไปใช้กฎหมายพิเศษ ความเป็นเอกภาพของหน่วยงานต่างๆ นั่นหมายความว่า ทางตำรวจจะเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งจะต้องเป็นหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อยแต่ก็ได้ร้องขอเพื่อให้ทางทหาร หน่วยงานอื่นๆ เช่น ท้องถิ่น หรือฝ่ายปกครอง หรืออาสาสมัครต่างๆ เข้ามาเป็นผู้ช่วยได้ โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษแต่ประการใด
ตรงนี้ก็ขอเรียนว่า เพื่อที่จะให้ภาพลักษณ์ของบ้านเมืองเรานั้นเป็นไปด้วยดี และสามารถที่จะคลี่คลายปัญหาได้โดยไม่มีข้อครหาใดๆ ทั้งสิ้นที่อาจจะนำไปสู่ความคิดความอ่านว่า รัฐบาลนั้นต้องการอำนาจพิเศษเพื่อที่จะใช้ความรุนแรงหรือมาตรการใดๆ
ผมเรียนว่า การดูแลคลี่คลาย รักษาสถานการณ์ครั้งนี้ แน่นอนครับว่าผมไม่ต้องการให้ใครมีความประมาท แต่ผมก็ให้ความสบายใจ ให้ความมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า รัฐบาลมีความพร้อม ผมต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนด้วยว่า ในช่วงเหตุการณ์ที่มีการชุมนุมในคนหมู่มากนั้น ถ้ามีอะไรผิดสังเกต ถ้ามีอะไรที่คิดว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐควรจะรับรู้ ก็ขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนนั้นได้แจ้งเข้ามา
ผมย้ำว่า การวางแผนทั้งหมดนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ และขอยืนยันว่า จากการทำงานไม่ใช่เฉพาะแค่ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ตลอดอายุการทำงานของผม ในฐานะนักการเมือง สิ่งที่ผมไม่ต้องการเห็นที่สุดคือความสูญเสียของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะมีความคิดความอ่านหรืออยู่ฝ่ายใด เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะยึดแนวทางของความนุ่มนวลของการทำงาน ที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียใดๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ของบ้านเมืองถ้านำไปสู่ สิ่งที่เรียกว่า สงคราม หรือการจลาจล รัฐบาลก็จะอยู่เฉยไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการ แต่เราจะดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย ด้วยความเด็ดขาด
ผมเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ดังนั้นในช่วงระยะเวลาวันที่ 8 เมษายนเป็นต้นไปนั้น ขอให้พี่น้องได้มีความสบายใจในระดับหนึ่งและขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในสิ่งที่ผมได้กล่าวไป เพื่อที่จะให้บ้านเมืองของเรานั้น ผ่านเหตุการณ์ในช่วงนี้ไปได้ และผมเรียนครับว่า ถ้าบ้านเมืองของเราผ่านเหตุการณ์ช่วงนี้ไปได้ นั่นหมายถึงความมั่นคงในเรื่องของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั่นหมายถึงว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาอื่นๆก็จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล นั่นหมายถึงว่าประเทศไทยของเราซึ่งกำลังจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมอาเซียน +3 อาเซียน +6 จะสามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ได้ฟื้นตัวขึ้นมานับตั้งแต่ต้นปีนี้ จนเป็นที่เชื่อมั่นของประชาคมโลก ซึ่งจะดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศ และอำนวยให้การแก้ไขปัญหาในประเทศของเรากระทำได้ง่ายขึ้น ดังนั้นตรงนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนคนไทยส่วนใหญ่จะสามารถเป็นกำลังใจให้กันและกัน ให้เราฝ่าฟันปัญหาเหล่านี้ไปได้
แน่นอนครับสำหรับผู้ที่ชุมนุมผมได้ยืนยันมาตลอดว่าท่านมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออก และผมยังยืนยันเหมือนเดิมครับว่า ข้อเรียกร้องของท่านที่มีเหตุมีผล ไม่ว่าจะเป็นความกังวลของท่านว่า รัฐบาลจะไปเลือกปฏิบัติในคดีความต่างๆ นั้น รัฐบาลได้ยินเสียงท่าน ยอมรับเหตุผลของท่านและก็จะมุ่งมั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าเราจะไม่เลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มใดทั้งสิ้น
เช่นเดียวกันกับข้อเรียกร้องในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญหรือระบบการเมือง ผมก็ขอยืนยันว่า ใครที่มีความรักประชาธิปไตย ผมให้ความมั่นใจ ให้ความจริงใจว่า รัฐบาลนี้พร้อมที่จะตอบสนอง เราพร้อมที่จะเดินหน้าในกระบวนการของการปฏิรูปการเมือง แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะมีข้อบกพร่องหรือความไม่เป็นประชาธิปไตยในส่วนไหนอย่างไรก็แล้วแต่ ก็จะทำโดยเชิญชวนทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และหลีกเลี่ยงไม่ให้กระบวนการนี้เป็นกระบวนการซึ่งนำมาสู่ความขัดแย้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่เราเผชิญมาตลอดปีที่แล้ว
นอกจากนั้น ผมต้องเรียนว่า ข้อเรียกร้องอื่นๆ นั้นมีช่องทาง มีกระบวนการ ความไม่พอใจในการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลนี้ก็เป็นรัฐบาลที่จริงจังกับการรับผิดชอบต่อผู้แทนปวงชนชาวไทย ต่อระบบรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการตอบกระทู้ถาม ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับการอภิปรายของเพื่อนสมาชิกในสภา ทั้งในญัตติทั่วไป หรือแม้แต่ที่พี่น้องประชาชนได้เห็นในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา
แต่ถ้าการเรียกร้องชุมนุมนั้นส่งผลต่อความมั่นคง ส่งผลต่อสถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งผลต่อการนำความขัดแย้งขยายวงไปสู่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือสถาบันที่พวกเราทุกคนเคารพเทิดทูน รัฐบาลก็วางเฉยไม่ได้ และจะดำเนินการเด็ดขาดภายใต้กรอบของกฎหมาย บนความตระหนักว่าเราจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสูญเสียใดๆ ทั้งสิ้น กับชีวิตและเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนคนไทย
วันนี้รัฐบาลมีความพร้อม ผมมาให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน เพื่อที่ว่าความวิตกกังวล ความสับสนทั้งหลายที่ท่านมี ท่านจะได้มีความผ่อนคลายไประดับหนึ่ง และผมเรียนว่าในทุกเรื่องที่รัฐบาลจะทำ จะตัดสินใจ จะอยู่บนเหตุบนผล บนผลประโยชน์ของส่วนรวม พี่น้องประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น และจะมีความโปร่งใส พร้อมให้พี่น้องประชาชนตรวจสอบได้ตลอดเวลา
ผมขอขอบคุณที่พี่น้องประชาชนมีความห่วงใยในประเทศชาติของเรา และขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันพาประเทศชาติบ้านเมืองของเราฟันฝ่าช่วงเวลาที่มีความยากลำบาก ทั้งทางเศรษฐกิจการเมือง เพื่อความผาสุกของประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่อไป ขอขอบคุณอีกครั้งครับ สวัสดีครับ”