xs
xsm
sm
md
lg

สวดยับระบบ รปภ.นายกฯ ห่วย-เชื่อ"ม็อบแดง"แพ้แปรสภาพเป็นแก๊งป่วนเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ
“ประทิน”จวกระบบ รปภ.นายกฯ สุดหลวม ปล่อยขบวนติดไฟแดงรอม็อบถ่อยมารุมทุบ แถมให้นายกฯ ออกจากรถ จนตกเป็นเป้า “ปฐมพงษ์”จี้สอบผู้รับผิดชอบทั้งหมดด่วน ระบุต้องรู้ผลภายใน 6 ชม. ย้ำขบวรการล้มระบอบปกครองมีจริง เพื่อผลประโยชน์มหาศาลของกลุ่มทุน อดีต อธิบดี ตร.เย้ย “แม้ว”เรียกร้องยุบสภา-นิรโทษ เหมือนคนบ้า เชื่อม็อบแดงโค่น “มาร์ค”ไม่ลง แต่จะแปรสภาพเป็นขบวนการป่วนเมือง คล้ายยุคหลัง 19 ก.ย.49



รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 18.30-20.00 น.วันที่ 7 เม.ย. ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายแสงธรรม ชุนชฎาธาร ดำเนินรายการ โดยในช่วงสนทนา พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย มาร่วมรายการ เพื่อร่วมสนทนาถึงประเด็นการโค่นล้มระบอบการปกครองปัจจุบันว่ามีจริงหรือไม่ โดย ดร.เจิมศักดิ์ ได้เริ่มตั้งคำถามตั้งแต่ประเด็นที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะรุมทำร้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะรถติดไฟแดง ระหว่างเดินทางออกจากโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา ภายหลังการประชุม ครม.นอกสถานที่เสร็จสิ้น เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 เม.ย.

พล.ต.อ.ประทิน กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า การข่าวควรจะมีการหาข่าวคนเสื้อแดงก่อน และรถนายกฯ ไม่ควรจะติดไฟแดงให้เป็นเป้านิ่ง ตำรวจจราจรท้องที่ต้องรายการว่าขบวนนายกฯ ถึงไหนและเปิดไฟเขียวให้ตลอด นี่แสดงว่าการวางระบบความปลอดภัยไม่ดีพอ

“แล้วคนเสื้อแดงมาอยู่ตรงไฟแดงโดยบังเอิญหรือมาทำอะไรอยู่ 20-30 คน เขารู้ได้อย่างไรว่ารถนายกฯ จะมาติดไฟแดง แล้วคนเสื้อแดงที่ไปอยู่จุดนั้น เขาอยู่ที่ไหนมาก่อน ตำรวจจราจรน่าจะสังเกตเห็นว่า ถ้ามีคนเสื้อแดงมาอยู่ตรงนั้น ไม่ควรจะเปิดไฟแดง ต้องไฟเขียวให้ตลอด”

พล.ต.อ.ประทิน กล่าวต่อว่า กรณีที่ ศรภ.นำนายกฯ ออกจากรถบีเอ็มดับเบิลยูที่ถูกคนเสื้อแดงเข้ามาเขย่า ไปขึ้นรถพราโดแทนนั้น สถานการณ์อย่างนี้ ไม่ควรจะให้นายกฯ ออกมาจากรถ เพราะอันตรายมาก เป็นจุดอ่อน ถ้าคนเสื้อแดงรุมมาแย่งตัวนายกฯ มากระทืบก็เจ็บแล้ว เพราะจำนวนมากกว่า แล้วถ้าเหตุการณ์อย่างนั้น คนที่มารุมล้อมไม่ได้มีอาวุธมาด้วยแค่เอามือมาเขย่า ก็ไม่ควรให้นายกฯ ออกมา และความจริงรถของนายกฯ ก็กันกระสุนได้ กระจกก็แข็งแรงพอที่จะไม่ให้คนข้างนอกเข้าไปได้ รถควรจอดอยู่นิ่งๆ และตำรวจควรจะรีบมาจับคนเสื้อแดงไป เพราะถือว่าจะทำร้ายนายกฯ และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย กรณีนี้จับได้เลย เพราะทุบรถของหลวงเสียหาย ขณะนั้นต้องวิทยุขอกำลังตำรวจมาช่วยทันที เพราะเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นตั้งหลายนาที

ด้าน พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ในการอารักขาบุคคลสำคัญเขามีระเบียบประจำ โดยเฉพาะนายกฯ การเคลื่อนที่แต่ละทีจะต้องมีข้อมูลเตรียมพร้อม ทันทีที่เคลื่อนออกมาจากโรงแรมตำรวจท้องที่กับหน่วยรักษาความปลอดภัยจะต้องประสานกันตลอดว่านายกฯ ไปถึงไหนแล้ว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ จะต้องสั่งสอบว่าใครเป็นคนคุมขบวน ตำรวจในพื้นที่ใครรับผิดชอบขบวนที่ผ่าน ใครรับผิดชอบแผนรวมทั้งหมด สอบตั้งแต่ พลขับ ชุด รปภ. ทำไมเอานายกฯ ออกมาจากรถ เพราะมันมีระเบียบว่าถ้ารถมีปัญหา หรือถูกยิงจะทำอย่างไร ถ้าไม่ทำ สาเหตุอะไรต้องตอบให้ได้ เอานายกฯ ออกมาเพราะอะไร รถเสียหรือไม่ ถ้าไม่เสียก็ต้องถามว่าเอาออกมาทำไม เพราะการเอาออกมาเป็นจุดอ่อน ให้ฝ่ายตรงข้ามได้

"แล้วการติดไฟแดง วีไอพีเขาไม่ติดกันหรอกไฟแดง เพราะเป็นเป้านิ่ง อันตราย และอีกอย่างต้องทำการสอบสวนว่ากลุ่มคนที่ไปทำร้ายนายกรัฐมนตรีกับรถคราวนี้ มันมาจากไหน ต้องเก็บรายละเอียดให้หมด และการสอบสวนต้องไม่ล่าช้า เพราะมันมีหลักฐาน มีทีวีต่างๆ การสอบสวนครั้งแรกต้องให้ได้ผลภายใน 6 ชั่วโมง ต้องรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เสร็จแล้วคนที่รับผิดชอบต้องแถลงข่าว ต้องรับผิดชอบ"

พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าวต่อว่า คนที่รับผิดชอบมีตั้งแต่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงที่ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ แล้วต้องมีคำตอบให้ประชาชนรับทราบโดยเร็วที่สุดว่ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ต่างๆ จะตามมาอีกเยอะแยะ สถานการณ์วิกฤติมันเกิดขึ้นมานานแล้ว หน่วยข่าว ศรภ. หรือตำรวจต้องรู้หมดแล้วว่า ในฝ่ายตรงข้ามที่เขาคิดจะขับไล่ประธานองคมนตรี องคมนตรีบางท่าน และนายกฯ เขาพูดตลอดเวลา จะต้องรู้แล้วว่าจะวางแผนยังไง ต้องคิดตลอดเวลา

เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะรู้แล้วแต่ไม่วางแผน หรือจงใจปล่อยให้เกิดขึ้นมา ใครคนใดคนหนึ่งอาจต้องการให้เกิดขึ้นอย่างนั้นก็ได้ หรืออาจเป็นเพราะการหละหลวม รวมทั้งการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ

เรื่องการการข่าว ตำรวจอาจจะบอกว่าไม่ทราบว่าคนเสื้อแดงจะไปอยู่ตรงนั้น แต่ก็ควรจะทราบว่าตรงไหนบ้างเป็นจุดอ่อน เช่น สี่แยก ถนนซ่อม จุดอับ รถช้า รถเลี้ยว จะต้องรู้ ถ้าเกิดเหตุขึ้นมาตรงนี้ ทุกส่วนต้องร่วมรับผิดชอบว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน ต้องมีการสอบสวน

พล.ต.อ.ประทิน กล่าวเสริมว่า กรณีนี้รถขบวนของนายกฯ มีทั้งหมดกี่คัน ตามปกติจะต้องมีนำหน้าขบวน 1 คัน นำร่องและปิดท้ายอีก 1 คัน เมื่อมีเหตุการณ์จะช่วยกันได้ แต่เท่าที่ดู คงไม่มีรถติดตาม รถนำซึ่งเป็นรถพราโดถึงได้มาเอาตัวนายกฯ แต่อย่าลืมว่ารถพราโดแข็งแรงสู้รถที่นายกฯ นั่งไม่ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการสอบสวน เพราะน่าสงสัยมากว่าทำไมต้องติดไฟแดง และทำไมคนเสื้อแดงมาอยู่ตรงนั้น และคนที่มาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้นายกฯ ต้องมีความรู้ ไม่ใช่เดินตามเงอะๆ งะๆ เวลานายกฯ ให้สัมภาษณ์ก็ไปยืนหน้าสลอน

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า การเข้าไปทุบรถนายกฯ นั้น คงไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเข้าไปทำร้ายนายกฯ เพราะหากต้องการทำร้ายจริงๆ การที่เขามากัน 20 กว่าคน ก็สามารถที่จะแย่งเอาตัวนายกฯ ออกมาทำร้ายได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นแค่ต้องการแสดงออกให้เห็นว่าพวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ เป็นการขู่ให้เห็นว่า เขาสามารถทำได้ แต่ไม่ทำ และคนที่มารุมล้อมก็มีผู้หญิงหน้าตาอ่อนๆ ด้วย แสดงว่าต้องการจะทำให้ขายหน้า

ทั้งนี้ เชื่อว่า เหตุการณ์บ้านเมืองจะวุ่นวายไปเรื่อยๆ และจะมีการระเบิดที่นั่นระเบิดที่นี่เหมือนปลายปี 2549 ต่อเนื่องปี 2550 เขาต้องการให้เห็นว่ารัฐบาลบริหารไม่ได้ นักลงทุนไม่มา นักท่องเที่ยวก็จะไม่มา เขาต้องการให้เห็นว่ารัฐบาลไร้สมรรถภาพ ส่วนที่ว่าจะแตกหักใน 3 วัน โดยใช้พลังที่มาชุมนุมคงเป็นไปไม่ได้

**จับมือปืนโยงขบวนการอาฆาตองคมนตรี

กรณีตำรวจจับมือปืนที่รับจ้างลอบสังหารนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ได้ที่ จ.สมุทรปราการ พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่แน่ใจ เพราะพอจับคนร้ายได้ก็พูดเป็นตุเป็นตะว่าได้รับการติดต่อให้ไปฆ่าคนนั้นคนนี้ ไม่มีเหตุผลเลย ตามปกติ คนร้ายจะไม่พูดทันทีว่าได้รับจ้างไปฆ่าใคร เพราะทำให้เขาต้องได้รับโทษหนักกว่าการมีอาวุธปืนในครอบครอง ดังนั้นตนจึงยังไม่ปักใจเชื่อ ที่อ้างว่านำไปสอบที่เซฟเฮาส์แล้ว ก็ยิ่งน่าสงสัย เพราะถ้าจับอาวุธปืนได้ก็ควรนำไปสอบที่โรงพักเลย แต่การนำไปเซฟเฮาส์มีการกระทืบให้พูดหรือเปล่า เพราะตามปกติมือปืนจะนิ่งมาก ไม่ยอมบอกอะไรง่ายๆ ต้องใช้เวลาในการสอบสวน พูดกันจนเข้าใจ

ด้าน พล.อ.ปฐมพงษ์ บอกว่า เรื่องแบบนี้ควรดูภาพรวมทั้งหมด โดยเฉพาะ สมช. สถานการณ์ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีความเคลื่อนไหวภาพรวมเป็นอย่างไร การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร แต่ละคนที่กล่าวอาฆาตมาดร้ายต่อประธานองคมนตรี องคมนตรีท่านอื่นๆ จนกระทั่งอดีตนายกรัฐมนตรีออกมาพูดข่าวทั้งหลาย ต้องต่อภาพให้เห็น ซึ่งกรณีขบวนรถนายกฯ กรณีการจับมือปืนได้ มันเชื่อมโยงกันหมด แล้วจะสอดคล้องกับสิ่งที่แต่ละคนที่ขึ้นพูดบนเวทีม็อบเสื้อแดง หลายๆ คนพูดโดยขาดสติ เพราะเสียงกระหึ่มเยอะมาก เกิดความรู้สึกมัน สนุกสนาน คนที่เป็นมืออาชีพต้องแกะให้เห็นว่ามันจะนำไปสู่อะไรบ้าง และถ้าเกิดความรุนแรงแล้วใครได้ประโยชน์ และจะเอาประโยชน์ไปใช้อะไรในอนาคต

**จับตา"เนวิน"เล่นละคร

สำหรับการแถลงข่าวของนายเนวิน ชิดชอบ เพื่อตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า เรื่องที่นายเนวินพูดนั้นสะท้อนว่าตัวตนที่แท้จริงของอดีตนายกฯ เป็นอย่างไร และเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการโฟนอินของเขา ที่คุ้มดีคุ้มร้าย สิ่งที่นายเนวินพูดนั้นเราได้ประโยชน์ ส่วนนายเนวินจะได้ประโยชน์ด้วยหรือไม่นั้น เราต้องดูต่อไปว่าทำไมเขาจึงพูดอย่างนี้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ชีวิตเขาไม่ดีขึ้น และภาพเก่ามันไปไม่ไหว อาจมองได้ทั้งสองอย่างว่าสำนึกผิด หรือฉวยโอกาส เพราะบางทีคนเราก็ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ที่จะได้

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า โดยความรู้สึกส่วนตัวมองว่าเป็นการฉวยโอกาสในจังหวะอย่างนี้ ที่ร้องไห้ด้วยนั้น ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณลาออก เขาก็ร้องไห้เหมือนกัน ส่วนข้อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณหยุดจาบจ้วงพระมหากษัตริย์และให้คนเสื้อแดงหยุดเคลื่อนไหวนั้น ฟังแล้วหมั่นไส้นายเนวิน คิดหรือว่าที่ขอร้องนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจะทำตาม การร้องไห้น่าจะเป็นการเล่นละครมากกว่า นายเนวินมีบารมีแค่ไหนที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณฟังและหยุดได้ เขาออกมาตอนนี้ ก็เพื่อจะอ้างว่าตัวเองรักบ้านรักเมือง ส่วนที่เขาทำไว้ในอดีตนั้นเขาถูกสั่งให้ทำ เพราะฉะนั้น ใครที่เคยเป็นโจรแล้วมาบอกว่าเป็นโจรกลับใจ ตนไม่เชื่อ และตนจะไม่เอาคนไม่ดีมาเป็นแนวร่วม

**ขบวนการล้มเจ้ามีแน่นอน-เชื่อม็อบแดงไม่ชนะ

ต่อความพยายามที่จะล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุชนั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า มีจริงแน่นอน ถ้าดูตั้งแต่ที่ผ่านมาทั้งหมด ดูผลประโยชน์ที่มันใหญ่หลวง และดูว่าอะไรที่ประชาชนถวายความจงรักภักดี การที่จะไม่ให้พระราชอำนาจมาขวางเขา ก็เป็นส่วนสำคัญ เราดูรัฐธรรมนูญ 2550 เราก็จะเห็นว่ามีการป้องไม่ให้ศรีธนญชัยใช้รัฐธรรมนูญ 2540 มาโกง บล็อกไว้หมดเลย ถึงได้นำมาสู่การที่เขาต้องการให้กลับไปใช้ปี 2540

พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าวต่อว่า การพยายามล้มล้างพระราชอำนาจนั้นมีเป็นขั้นเป็นตอน ย้อนไปตั้งแต่ปี 2475 แผนสุดท้ายแล้วเขามองว่า ถ้าอยู่ด้วยกันได้ก็อยู่ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็นำไปสู้การที่ต้องล้มกันไปข้างหนึ่ง เพราะผลประโยชน์มหาศาล เพราะขณะนี้ผลประโยชน์ในชาติเรานั้น คนทั่วไปไม่ค่อยรู้หรอก แต่คนที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีรู้หมดว่ามีอะไรบ้าง

ด้าน พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า พฤติกรรมของมัน การกระทำของมันชี้มาตลอด ตั้งแต่ประมาณปี 2544 ที่แรงขึ้นๆ มันคิดและวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนมาตลอด ที่บอกว่าจงรักภักดี แต่ต้องการกำจัดแค่ พล.อ.เปรมนั้น คนร้ายไม่เคยมีใครที่พูดความจริง แล้วก็สถาบันพระมหากษัตริย์ ใครคิดจะล้มล้างไม่สามารถที่จะทำได้ทันทีทันใด เพราะประชาชนทั้งประเทศจงรักภักดี เขาจะค่อยๆ คิด ค่อยๆ ขยับ ทำเพื่อตัวเขาเอง และความฮึกเหิม ความใฝ่สูงของคนมันมี และมันคิดเลวๆ มันหนีคุกหนีตารางหนีได้ แต่หนีกฎแห่งกรรมไม่ได้

ส่วนข้อเรียกร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ให้กลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ให้ยุบสภาและยกเลิก ส.ส.-ส.ว.ใหม่ และให้นิรโทษกรรมคดีความของเขาทั้งหมดนั้น พล.ต.อ.ประทิน กล่าวว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ เป็นข้อเรียกร้องของคนบ้า มีแต่คนบ้าที่เรียกร้องอย่างนี้ ลองคิดดูว่าข้อเรียกร้องอย่างนี้ทำได้หรือไม่คนดีๆ มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่บอกว่า ผมจะตายอยู่แล้ว ถ้าทำให้ผมดีขึ้นไม่ได้ ผมจะทำให้บ้านเมืองฉิบหายวายป่วงไปด้วย

ใครจะไปทำให้ได้คนทำผิดกฎหมายศาลตัดสินไปแล้วอยู่ๆ จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ รัฐบาลชุดนี้ดีกว่าชุดที่แล้วของเขา มาขอให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ บ้าหรือไง การเลือกตั้งแต่ละครั้งเสียเงินเสียทองมากมาย แล้วหวังว่าเลือกตั้งใหม่ใช้เงินใช้ทองแล้วจะได้ ส.ส.เข้ามามากมายแน่นอน จะให้ย้อนกลับไปก่อน 19 ก.ย. ไปถึง 2 เม.ย.49 มันเป็นความคิดของคนบ้าๆ แล้วอย่าลืมว่าก่อน 19 ก.ย.บ้านเมืองแย่ขนาดไหน เขาต้องคิดว่าเขาทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนมากแค่ไหน

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อสะท้อนว่า ตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองเป็นคนทำเกิดเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น หรือเรื่องอะไรทั้งหลายแหล่ใน 3 ข้อนั้น เพราะที่คุณเรียกร้องแสดงว่า ถ้าคุณได้ คุณจะหยุดเรื่องพวกนี้หมด ใช่หรือไม่ แต่ว่าเราไม่ค่อยได้ใส่ใจพูดถึงว่าเขาทำอะไรไว้บ้าง ทั้งที่เขาทิ้งร่องรอยไว้ตลอด ทำให้คนส่วนใหญ่หลงเชื่อเขา

ส่วนความรุนแรงในการชุมนุมวันที่ 8 เม.ย.นี้ มีสัญญาณออกมาแล้ว กรณีรถของนายกฯ กรณีลอบยิงนายชาญชัย เขากำลังรอดูว่ารัฐบาลจะจัดการอย่างไร ถ้าไม่รีบดำเนินการเขาก็ดูว่าอะไรคือสิ่งที่เขาจะดำเนินการต่อไป ถ้ารัฐบาลไม่เข้มแข็งบนพื้นฐานของอำนาจที่มีอยู่ มันจะเกิดความรุนแรงแน่ เพราะฉะนั้นความรุนแรงมันเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลนั่นแหละที่จะตัดสินว่าจะทำให้เกิดความรุนแรงหรือไม่ ด้วยการใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด การทำงานของรัฐต้องเข้มกว่านี้ ต้องรู้ว่าจุดไหนจะยับยั้งเหตุการณ์ให้ได้ จะต้องมีการประมวลข่าวกรอง และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง และเขามีส่วนช่วยอย่างไรบ้าง
พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์


กำลังโหลดความคิดเห็น