“กองทัพ” ย้ำชัด 8 เม.ย.นี้ ยึดกำลังพล 21 กองร้อยปฏิบัติการ “อาร์มทอง” ตรึงกำลังดูแลความปลอดภัย ปชช.-สถานที่ราชการ ลั่นไม่ปฏิวัติสยบ “แดงถ่อย” ชุมนุมใหญ่ เตือนระวังมือที่ 3 ก่อนกร้าวใส่ “สาวก” หากทำผิดต้องถูกดำเนินคดีตาม กม. ยันไม่เคยสั่ง “เนวิน” แถลงการณ์เคาะสติ “นช.แม้ว”
วันนี้ (7 เม.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า สถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้มี 3 ประเด็น คือ 1.กองทัพเป็นของพี่น้องประชาชน เราเป็นทหารของชาติ มีหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง คงไม่สามารถไปเข้าร่วมกับกลุ่มฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองได้ ดังนั้นจุดยืนกองทัพ คือ การดูแลความปลอดภัยของประชาชน และดูแลสถานการณ์ให้เกิดความมั่นคง เพราะไม่ต้องการเห็นคนไทยปะทะกัน และเกิดความสูญเสีย
“ประเด็นที่ 2 คือ เรื่องการชุมนุม ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่คนจำนวนมากเมื่ออยู่ร่วมกันต้องมีความเหนื่อย หิว ง่วง ซึ่งทหาร และตำรวจ เข้าใจสถานการณ์ดี เราจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดการกระทบกระทั่ง และทำทุกทางเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง รวมทั้งจะใช้มาตรการทางกฎหมายเท่านั้น หากชุมนุมแล้วอยู่ในกรอบกติกา และกฎหมาย สามารถชุมนุมได้ แต่ถ้าหากส่วนหนึ่งส่วนใดทำผิดกฎหมาย ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะบ้านเมืองใดก็แล้วแต่ที่ไม่สามารถใช้กฎหมายบังคับได้ ก็ไม่สามารถที่จะอยู่กันได้” โฆษกกองทัพบก กล่าว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 3 คือ จุดประสงค์ของผู้ชุมนุม ซึ่งทุกท่านจะทราบเจตนารมณ์ดีว่า การชุมนุมครั้งนี้เพื่อต้องการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่กองทัพบกขอตั้งข้อสังเกตว่า ในระหว่างการชุมนุม หากมีกลุ่มคนหนึ่งคนใด พยายามที่จะชักชวนให้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือส่อไปในทิศทางที่รุนแรง ขอให้ตั้งข้อสังเกตว่า เขากำลังแปลเจตนารมณ์ของท่านไปในทางที่ไม่ตรงกับความตั้งใจเดิมของท่าน ดังนั้นจะตกเป็นเครื่องมือของคนที่ไม่หวังดี และท่านใดที่พบเห็น ขอให้หยุดการกระทำ เพราะหากทำจะมีความผิดทางกฎหมาย ขณะเดียวกันควรปลีกตัวออกห่างจากผู้ที่ชักชวน
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่มี เพราะ ผบ.ทบ.ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีความเหมาะสมในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ เรื่องนี้ยังไม่ได้อยู่ในความคิด ทั้งนี้ คงต้องรอดูสถานการณ์ และจะไม่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในบางพื้นที่ สำหรับการเตรียมกำลังในการรับมือการชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ยังเป็นไปตามแผนอาร์มทอง คือ ใช้กำลังจากกองทัพบก 17 กองร้อย กองทัพเรือ 2 กองร้อย และกองทัพอากาศ 2 กองร้อย รวมเป็น 21 กองร้อย โดยมี พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ควบคุมกำลังทหารทั้งหมด ทั้งนี้หากมีสถานการณ์จำเป็นต้องเรียกกำลังเพิ่ม ก็สามารถเรียกกำลังได้ ส่วนจะให้กำลังไปอยู่จุดไหน อย่างไร คงไม่สามารถระบุรายละเอียดได้
เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าผู้ชุมนุมอาจจะมีการเผาสถานที่ราชการสำคัญ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีการติดตามสถานการณ์อยู่ แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนของผู้ชุมนุมได้ หากบอกน้อยเกินไปก็จะเป็นการสบประมาท หากบอกมากเกินไปก็จะทำให้ตกใจ อย่างไรก็ตาม กองทัพ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มั่นใจว่าจะดูแลสถานการณ์ได้ ซึ่งทุกคนประกาศชัดเจนว่า ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง กองทัพ และตำรวจมีความต้องการอย่างแท้จริง ที่จะไม่ให้เกิดความรุนแรง ดังนั้นขอร่วมมือสื่อมวลชนบันทึกภาพ หากเกิดความรุนแรงขึ้นจะได้ทราบว่า ใครเป็นผู้จุดชนวน
ส่วนถ้ามีเหตุการณ์ความรุนแรง แล้วทางออกสถานการณ์จะทำอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ยังไม่คิดไปถึงจุดนั้น เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมชี้แจงมาตลอดว่า ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง อีกทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมมีมาตรการป้องกันมือที่สาม และไม่ได้ต้องการบุกรุกสถานที่ราชการ หากผู้ชุมนุมอยู่ในกรอบกติกาตามที่ชี้แจง ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่หากอยู่นอกกรอบ ต้องตอบคำถามสังคมว่าท่านต้องการอะไร และสังคมจะเป็นผู้ตอบเรื่องเหล่านี้
เมื่อถามถึง ผบ.ทบ.ได้ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่ปฏิวัติ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่มี ท่านระบุว่า ท่านไม่เคยมีความคิดแบบนี้ ที่ผ่านมากองทัพมีจุดยืนชัดเจนตลอดว่า กองทัพเป็นกลไกหนึ่งของรัฐในการสนองนโยบายด้านการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นชุดใดก็ตาม แต่เราจะไม่เป็นกลไกตอบสนองด้านเมือง ดังนั้นขอยืนยันว่า จะไม่มีการเลือกปฏิบัติ หรือใช้ 2 มาตรฐาน เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่มีการปฏิวัติวันที่ 19 ก.ย.49 ยังไม่ได้มีการใช้กำลังทหาร แม้กระทั่งรัฐบาลสมัยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้มีการใช้ทหาร ใช้แต่เพียงตำรวจ และใช้ทหารในครั้งที่มีการยึดทำเนียบเท่านั้น ซึ่ง ผบ.ทบ.เสนอว่า หากมีการยึดทำเนียบฯ แล้วนำกำลังทหารเข้าไป จะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งในขณะนั้นนายสมัคร ก็เข้าใจ และไม่เคยต่อว่า มีเพียงกลุ่มการเมืองที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์
“ผบ.ทบ.ได้ประกาศในจุดยืนของท่านอย่างชัดเจนว่า กองทัพมีหน้าที่ที่สำคัญยิ่งที่จะป้องกันไม่ให้คนไทยปะทะกัน หากแม้ว่าคนไทยปะทะกัน กองทัพก็จะเข้าไปกั้นกลางเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกัน แม้ว่าเจ้าหน้าที่ทหารถูกทำร้ายก็ยอม เราเชื่อว่าทุกฝ่ายไม่อยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ใครที่ผิดคำพูดตามที่เคยกล่าวไว้ในสังคม เขาก็ต้องตอบกับสังคมเอง ฉะนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ที่สำคัญ คือ ทุกฝ่ายเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 แต่คิดว่าสถานการณ์คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเราเตรียมการอย่างดีที่จะป้องกันในทุกๆ เรื่อง” พ.อ.สรรเสริญ ระบุ
เมื่อถามว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการดูแลบ้าน พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทุกที่ที่มีข้อมูลว่าจะมีการชุมนุม เราจะมีกำลังทหารตำรวจดูแล อย่างไรก็ตาม ภารกิจหลักคงเป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนทหารคงเป็นแค่หน่วยสนับสนุนในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เมื่อถามอีกว่า ได้มีการหารือถึงกรณีที่ม็อบจะไปปิดบ้าน พล.อ.เปรม หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หรือนาย เนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ชี้แจงได้ชัดเจนเรื่องขององคมนตรีเป็นพระราชอำนาจที่จะแต่ตั้งตามพระราชอัธยาศัย ดังนั้นการที่ท่านทั้งหลายแสดงปฏิกิริยาในการขับไล่องคมนตรี ถือเป็นเรื่องที่ก้าวล่วงพระราชอำนาจในเหตุที่ไม่บังควร
ส่วนถ้ามีเหตุการณ์ความรุนแรง จนรัฐบาลสั่งสลายการชุมนุม แล้วกองทัพพร้อมที่จะทำตามหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ถ้าสถานการณ์วุ่นวาย ก็เป็นดุลพินิจของรัฐบาลว่าจะมีมาตรการอย่างไรในการใช้กฎหมาย เมื่อถามย้ำว่า ทหารต้องมีกฎหมายรองรับจึงจะปฏิบัติได้ใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขอบเขตของกฎหมาย ภารกิจทุกอย่างที่อยู่ในขอบเขตกฎหมาย เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจที่จะดูแลสถานการณ์ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายโดยไม่ใช้อาวุธ และหลีกเลี่ยงความรุนแรงทุกประเภท โดยเราจะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก นั่นคือสิ่งที่กองทัพคำนึงตลอดเวลา
เมื่อถามถึงกรณีที่นายเนวิน เข้าพบ พล.อ. เปรม เมื่อคืนวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนออกมาแถลงข่าว พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ได้ฟังเพียงคร่าวๆ ซึ่งนายเนวิน ได้พบ หรือไม่ได้พบไม่ทราบ เมื่อถามว่า ผิดอะไรหรือไม่ที่นายเนวิน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเมือง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า สังคมขณะนี้หวังดีต่อชาติบ้านเมือง ทุกคนพยายามที่จะแสดงความคิดเห็นที่จะประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้ผ่านไปได้ ส่วนการที่นายเนวิน ออกมาพูดนั้น ถือเป็นดุลพินิจของท่าน
เมื่อถามย้ำว่า การที่นายเนวิน ออกมาพูด ถือเป็นใบสั่งของกองทัพ เพื่อที่จะได้ยุติสถานการณ์หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพยืนยันว่า ไม่เคยสั่งใครได้ เราก็โดนด่าตลอด ท่านทั้งหลายได้รับเลือกตั้งจากประชาชน ดังนั้นท่านต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่า ท่านมีเอกสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นในทางการเมือง จะเป็นในรัฐสภา หรือนอกรัฐสภาก็แล้วแต่ ทั้งนี้ กองทัพไม่เคยสั่งใครได้ ส่วนที่นายเนวิน จะไปปรึกษาหารือ ผบ.ทบ. เราคงไปห้ามฝ่ายการเมืองไม่ได้ แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพ คงแสดงความคิดเห็นไม่ได้มาก นอกจากบอกเพียงสั่นๆ ว่า ท่านอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ท่านก็พิจารณาตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม การที่นายเนวิน ออกมาแถลงข่าววันนี้ ไม่ได้มีการพบกันกับ พล.อ.อนุพงษ์ แต่อย่างใด
รายงานข่าวจากองทัพบก เปิดเผยว่า ก่อนที่นายเนวิน จะออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อโจมตีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงนั้น เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา นายเนวิน ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.เปรม เพื่อขอหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่จะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ โดยภายหลังนายเนวิน ได้รับฟังคำชี้แนะจาก พล.อ.เปรม จึงออกมาแถลงข่าวในวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้านแหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.เปรม เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ พล.อ.เปรม จะปักหลักอยู่ภายในบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ตามปกติ โดยไม่ได้มีกำหนดเดินทางไปต่างจังหวัดแต่อย่างใด