บิ๊กเหล่าทัพร่วมงานวันกองทัพไทยพร้อมเพรียง ประกาศย้ำภารกิจป้องกันอธิปไตยประเทศ ปฏิบัติงงานโครงการตามพระราชดำริในหลวง ปกป้องสถาบันกษัตริย์ สร้างความสมานฉันท์คนในชาติ เตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามรูปแบบใหม่
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 18 ม.ค. ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมือง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานประกอบพิธีวางพวงมาลา สักการะดวงวิญญาณของนักรบไทย ผู้กล้าในอดีต เนื่องในวันกองทัพไทย พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์เ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 3 เหล่าทัพ
พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพไทยนอกจากจะมีบทบาทสำคัญ ในการป้องกันและรักษาอธิปไตยแล้ว ยังมีบทบาทในการพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ ปฏิบัติงานโครงการพระราชดำริ ด้วยตระหนักดีว่ากองทัพไทยเป็นกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกหน่วยในกองทัพ ทั้ง กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ จะน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ จึงขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะยึดมั่นในภารกิจภายใต้รัฐธรรมนูญตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม รวมถึงคำสั่งระเบียบข้อบังคับต่างๆ ภายใต้กรอบกฎหมาย ให้เป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงของประเทศ เผชิญภัยคุกคามต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ สนับสนุนการดำเนินการต่างๆ ช่วยเหลือประชาชน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างเพื่อความสงบสุขของคนในชาติและจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างประชาชนชาวไทย ธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ให้มีความมั่นคง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า กองทัพบกมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพบกและป้องกันราชอาณาจักร ดูแลเรื่องความมั่นคงที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ กองทัพบกได้ให้ความเร่งด่วนในการในการสนับสนุนการแก้ปัญหาความไม่สงบพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยึดหลักพระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ทั้งนี้กองทัพบกยังเตรียมหน่วย เพื่อสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ มุ่งเน้นการแก้ปัญหาตามขั้นตอนของกฎหมาย ตอลดจนพิทักษ์รักษาและเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งกษัตริย์ มิให้ผู้ใดล่วงละเมิด
พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือจะรักษาอธิปไตย คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติและเส้นทางคมนาคมทางทะเล เช่น ป้องกันการขุดเจาะน้ำมัน รักษากฎหมายในทะเล นอกจากนี้กองทัพเรือให้ความสำคัญสูงสุดในการปกป้องและเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยการจัดกำลังถวายความปลอดภัย ในส่วนความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ได้จัดกำลังร่วมปฏิบัติภารกิจ การรักษาความสงบและสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศมีเจนารมณ์อย่างแน่วแน่ พัฒนากองทัพให้สอดคล้องกับความเป็นไปของสภาพแวดล้อมและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และมุ่งมั่นธำรงไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตย พิทักษ์และเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุนการพัฒนาประเทศ แก้ไขปัญหาสังคมช่วยเหลือประชาชน
จากนั้น พล.อ. ทรงกิตติ ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจของกองทัพที่จะตอบสนองนโยบายในปี 2552 ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มุ่งเน้น อยู่ 2 ประการ คือ 1.การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.การสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียว โดยทำงานในโครงการพระราชดำริต่างๆ ถวายพระองค์ท่าน รวมถึงเป็นการแสดงให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยของพระองค์ท่าน จะทำให้ความคิดของคนในชาติเป็นหนึ่งเดียว คิดถึงส่วนรวมและเห็นคุณค่าของความเป็นไทย กองทัพพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประชาชน
เมื่อถามว่า จุดยืนของกองทัพต่อเรื่องการเมืองเป็นอย่างไร พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า กองทัพไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางการเมือง เราทำงานตามหน้าที่ และตอบสนองนโยบายของรัฐบาล เราเป็นส่วนหนึ่งของข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงก็คงต้องดำเนินนโยบายโดยภาพรวมของประเทศ ไม่มีปัญหา วันนี้ นายกรัฐมนตรีก็มีสาส์นถึงทหารในกองทัพไทย โดยฝากระลึกถึง ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้นเสียสละในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ ในส่วนของตนก็ภูมิใจว่าครั้งในในชีวิตได้เป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพและจะทำหน้าที่ร่วมกับทหารทุกคนให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า การสร้างความรักความเข้าใจของคนในชาติ กองทัพได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ทำความเข้าใจโดยผ่านสื่อต่างๆ และกำลังพลของกองทัพที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนจะแนะนำในเรื่องต่างๆ และกองทัพก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง กองทัพคือประชาชนและประชาชนคือกองทัพ