โฆษกส่วนตัวนายกฯ เชื่อแผนแม้วประกาศเป็นศัตรูกับ ปธ.องคมนตรี เพื่อหวังโดดเดี่ยวสถาบันเบื้องสูง มั่นใจหางโผล่ไม่มีความจงรักดีตามลมปาก เปรียบ ดร.สัปเหร่ออย่าเสนอหน้าสอนเศรษฐศาสตร์ตัวจริง ถลกหนังชอบทำตัวเป็นนักมายากลปั่วหัวเสื้อแดงรายวัน
วันนี้ (1 เม.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จงใจที่จะประกาศตัวเป็นศัตรูกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทั้งๆ ที่ พล.อ.เปรมให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่เคยมีข้อขัดแย้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งข้อมูลของ พล.อ.เปรมมีความน่าเชื่อถือมากกว่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณอยากได้ใคร่มีก็ไม่ตรงกับสิ่งที่ พล.อ.เปรมต้องการ เช่น พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักธุรกิจที่มีความทะเยอทะยานสร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง แต่ พล.อ.เปรมไม่มีผลประโยชน์ในเรื่องธุรกิจใดๆ ที่ทับซ้อนกับธุรกิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณอยากมีอำนาจกลับคืนมา และเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองตลอดเวลา แต่ พล.อ.เปรมได้ก้าวพ้นทางการเมืองไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไปอิจฉาริษยา พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สถานะ พล.อ.เปรมในวันนี้คือประธานองคมนตรีที่ทำงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท คงจะมีสิ่งเดียวที่ พล.อ.เปรมมี แต่พ.ต.ท.ทักษิณไม่มี คือ ความจงรักภักดี
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ตนสงสัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ และการที่กล่าวหาว่าคนรอบวังที่ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัวจับมือทำการปฏิวัติล้มอำนาจตนเองนั้น เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีความพยายามโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือ ของคนรอบข้างพระมหากษัตริย์ และเพื่อโดดเดี่ยวสถาบันเบื้องสูงใช่หรือไม่ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ และคนรอบข้างที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงเปรียบเสมือนต้นไม้เล็ก เรียงรายล้อมรอบต้นไม้ใหญ่อยู่ เมื่อสามารถโค่นล้มต้นไม้เล็กให้หมดไปแล้ว ต้นไม้ใหญ่ย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน
“พ.ต.ท.ทักษิณกำลังหลงตัวเองฝันเฟื่องว่า ตัวเองเป็นผู้วิเศษที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พยายามขายความคิดว่าตนเองมีเหมืองทองคำที่แอฟริกาหลายแสนล้าน ทำตัวเป็นนักมายากลขายฝันให้คนไทย จะเสกหรือเนรมิตรถไฟฟ้า 10 สาย เนรมิตแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร หรือเนรมิตระบบการศึกษาให้ลูกหลานคนไทย จะทำให้ประเทศไทยแซงหน้าชาติอื่นไป 10 ปี อยากถามว่าถ้าตนเองเป็นผู้วิเศษทำอะไรได้อย่างที่คุย ที่ผ่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีมา 6 ปี ทำไมไม่แสดงฝีมือในตอนนั้น แต่กลับทำตัวเป็นต้นเหตุให้ชาติถอยหลังเข้าคลอง ถูกปฏิวัติรัฐประหารในที่สุด”
นายเทพไทกล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็ไม่ควรมาแนะแนวทางการบริหารงานให้กับนายกฯ อภิสิทธิ์ ที่จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์โดยตรง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณจบทางอาชญาวิทยา ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าสาขาสัปเหร่อ และการกล่าวโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าหาเงินไม่เป็น และแจกเงินไม่เป็นอีกนั้น ยอมรับว่าหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่เป็นเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนการแจกเงินไม่เป็นนั้นก็เฉพาะการแจกเงินซื้อเสียงในการเลือกตั้งเท่านั้นที่ไม่เคยทำ ส่วนการหาเงินและแจกเงินที่ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่น้อยหน้ากว่าใคร
ส่วนการออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาเพียงเพื่อความหวังว่าคนของตนเองจะฟลุกได้รับเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และยังเคลื่อนไหวปลุกระดมโดยการสร้างกระแสข่าวลวงใส่ร้ายรัฐบาล เพื่อปลุกระดมให้คนเข้าร่วมม็อบให้มากขึ้น สร้างความเกลียดชังรัฐบาล โดยปราศจากข้อเท็จจริง เช่น การปล่อยข่าวว่ามีคนบริจาคน้ำดื่มเป็นน้ำกรดแช่เย็น ข่าวตำรวจสลายม็อบ ข่าวทหารจะปฏิวัติ รวมไปถึงการใส่ร้ายว่ารัฐบาลทำฝนเทียมไล่ม็อบ ทั้งที่ข้อเท็จจริงระบุชัดว่ากรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศและมีคำเตือนให้คนในกรุงเทพฯ ระวังพายุฝนฟ้าคะนองและพายุลูกเห็บที่อาจสร้างความเสียหายได้ แต่คนเหล่านี้กลับมาปั้นข่าวใสร้ายเพื่อหวังผลให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาลเพียงอย่างเดียว