นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จงใจที่จะประกาศตัวเป็นศัตรูกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทั้งๆที่ พล.อ.เปรมให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่เคยมีข้อขัดแย้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งข้อมูลของ พล.อ.เปรม มีความน่าเชื่อถือมากกว่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ อยากได้ใคร่มี ก็ไม่ตรงกับสิ่งที่พล.อ.เปรม ต้องการ เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักธุรกิจที่มีความทะเยอทะยานสร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง แต่ พล.อ.เปรม ไม่มีผลประโยชน์ในเรื่องธุรกิจใดๆ ที่ทับซ้อนกับธุรกิจของพ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนทางการเมืองพ.ต.ท.ทักษิณ อยากมีอำนาจกลับคืนมา และเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองตลอดเวลา แต่พล.อ.เปรมได้ก้าวพ้นทางการเมืองไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไปอิจฉาริษยา พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สถานะพล.อ.เปรมในวันนี้ คือประธานองคมนตรี ที่ทำงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท คงจะมีสิ่งเดียวที่พล.อ.เปรม มีแต่พ.ต.ท.ทักษิณไม่มี คือความจงรักภักดี
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่าคนรอบวัง ที่ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัว จับมือทำการปฏิวัติล้มอำนาจตนเองนั้น ถือว่าเป็นการพูดเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคนรอบข้างพระมหากษัตริย์ และเพื่อโดดเดี่ยวสถาบันเบื้องสูง เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ และคนรอบข้างที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงเปรียบเสมือนต้นไม้เล็ก เรียงรายล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ เมื่อสามารถโค่นล้มต้นไม้เล็กให้หมดไปแล้ว ต้นไม้ใหญ่ย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน
"พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังหลงตัวเอง ฝันเฟื่องว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ ที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พยายามขายความคิดว่า ตนเองมีเหมืองทองคำที่แอฟริกาหลายแสนล้าน ทำตัวเป็นนักมายากล ขายฝันให้คนไทย จะเสกหรือเนรมิตรถไฟฟ้า 10 สาย เนรมิตแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร หรือเนรมิตระบบการศึกษาให้ลูกหลานคนไทย จะทำให้ประเทศไทยแซงหน้าชาติอื่นไป 10 ปี อยากถามว่า ถ้าตนเองเป็นผู้วิเศษ ทำอะไรได้อย่างที่คุย ที่ผ่านมาตอนเป็นนายกรัฐมนตรีมา 6 ปี ทำไมไม่แสดงฝีมือในตอนนั้น แต่กลับทำตัวเป็นต้นเหตุให้ชาติถอยหลังเข้าคลอง จนถูกปฏิวัติรัฐประหารในที่สุด"
นายเทพไทกล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็ไม่ควรมาแนะแนวทางการบริหารงานให้กับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์โดยตรง ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ จบทางอาชญาวิทยา ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า สาขาสัปเหร่อ และการกล่าวโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่าหาเงินไม่เป็น และแจกเงินไม่เป็นอีกนั้น ยอมรับว่าหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่เป็นเหมือนพ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนการแจกเงินไม่เป็นนั้น ก็เฉพาะการแจกเงินซื้อเสียงในการเลือกตั้งเท่านั้น ที่ไม่เคยทำ ส่วนการหาเงิน และแจกเงินที่ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่น้อยหน้ากว่าใคร
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ปลุกระดมโดยการสร้างกระแสข่าวลวง ใส่ร้ายรัฐบาล เพื่อให้คนเข้าร่วมม็อบมากขึ้น สร้างความเกลียดชังรัฐบาลโดยปราศจากข้อเท็จจริง เช่น การปล่อยข่าวว่ามีคนบริจาคน้ำดื่มเป็นน้ำกรดแช่เย็น ข่าวตำรวจสลายม็อบ ข่าวทหารจะปฏิวัติ รวมไปถึงการใส่ร้ายว่า รัฐบาลทำฝนเทียมไล่ม็อบ ทั้งที่ข้อเท็จจริงระบุชัดว่า กรมอุตินิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ และมีคำเตือนให้คนในกรุงเทพฯ ระวังพายุฝนฟ้าคะนองและพายุลูกเห็บ ที่อาจสร้างความเสียหายได้ แต่คนเหล่านี้กลับมาปั้นข่าวใส่ร้ายเพื่อหวังผลให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
**รัฐบาลจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชัดเจนแล้วว่าเจตนาให้กระทบต่อสถาบันฯ และมีการปลุกระดมให้มีการดำเนินการในสิ่งที่กระทบต่อความมั่นคงทั้งหลาย ดังนั้น รัฐบาลคงต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง รัฐบาลต้องกล้าหาญที่จะทำ ต้องตัดไฟแต่ต้นลม จะอยู่เฉยไม่ได้เพราะเจตนาชัดว่า ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิทางการเมือง แต่เจตนาให้กระทบต่อสถาบันฯ
สำหรับแนวทางการสร้างความสมานฉันท์ ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมาย กติกา ซึ่งกันและกัน เท่าที่ผ่านมา การสร้างความสมานฉันท์ คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดำเนินการกระทบต่อสถาบันฯ ที่เคารพ กฎหมายทำให้มีปัญหาในความสงบเรียบร้อย รัฐบาลจึงต้องมีหน้าที่ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งนักวิชาการ ออกมาพูดชัดเจนในเรื่องนี้
**ม็อบเสื้อแดงกระทบการท่องเที่ยว
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวทราบว่ามีเหตุการณ์วุ่นวาย ก็จะไม่เดินทางมา ทั้งที่ตอนแรกรัฐบาลค่อนข้างสบายใจ เพราะตัวเลขการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นมาก จากเดือนธันวาคม จากลบ 20% ขึ้นมาเหลือลบเพียง 10% กว่า แต่เมื่อมีสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าจะปรับลงไปอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
จึงอยากขอร้องพ.ต.ท. ทักษิณ ว่าอย่าทำร้ายประเทศไทยมากไปกว่านี้อีก
"ผมไม่อยากให้การเมืองเป็นต้นเหตุ ความจริงแล้วที่คุณทักษิณพูดว่าทั้งหมดเกิดจากพรรคประชาธิปัตย์นั้น ผมว่าทั้งหมดเกิดจากที่คุณทักษิณ ขายหุ้นได้เงินมาแล้วไม่เสียภาษีมากกว่า 7 หมื่นกว่าล้าน นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้เสียภาษี มาถึงวันนี้ ก็ยังไม่ได้เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว ตรงนั้นคือประเด็นและต้นเหตุ"นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
สำหรับกรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงเชิญชวนคนตกงานไปร่วมชุมนุมนั้น ตนอยากเชิญชวนคนตกงานให้มาฝึกงานในโครงการต้นกล้าอาชีพ จะได้ประโยชน์มากกว่า โดยขณะนี้มีผู้ว่างงาน และสนใจทำงาน 1 แสนคน รุ่นหนึ่งประกาศไปแล้ว ทุกคนที่สมัครงานได้ทำหมด เพียงแต่จะอยู่รุ่นไหน ซึ่งรุ่น 2-4 ก็จะเร่งประกาศออกมา ดังนั้นอย่าไปชุมนุมเลย ขอให้มาฝึกงานดีกว่า
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่าคนรอบวัง ที่ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัว จับมือทำการปฏิวัติล้มอำนาจตนเองนั้น ถือว่าเป็นการพูดเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคนรอบข้างพระมหากษัตริย์ และเพื่อโดดเดี่ยวสถาบันเบื้องสูง เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ และคนรอบข้างที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงเปรียบเสมือนต้นไม้เล็ก เรียงรายล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ เมื่อสามารถโค่นล้มต้นไม้เล็กให้หมดไปแล้ว ต้นไม้ใหญ่ย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน
"พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังหลงตัวเอง ฝันเฟื่องว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ ที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พยายามขายความคิดว่า ตนเองมีเหมืองทองคำที่แอฟริกาหลายแสนล้าน ทำตัวเป็นนักมายากล ขายฝันให้คนไทย จะเสกหรือเนรมิตรถไฟฟ้า 10 สาย เนรมิตแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร หรือเนรมิตระบบการศึกษาให้ลูกหลานคนไทย จะทำให้ประเทศไทยแซงหน้าชาติอื่นไป 10 ปี อยากถามว่า ถ้าตนเองเป็นผู้วิเศษ ทำอะไรได้อย่างที่คุย ที่ผ่านมาตอนเป็นนายกรัฐมนตรีมา 6 ปี ทำไมไม่แสดงฝีมือในตอนนั้น แต่กลับทำตัวเป็นต้นเหตุให้ชาติถอยหลังเข้าคลอง จนถูกปฏิวัติรัฐประหารในที่สุด"
นายเทพไทกล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็ไม่ควรมาแนะแนวทางการบริหารงานให้กับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์โดยตรง ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ จบทางอาชญาวิทยา ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า สาขาสัปเหร่อ และการกล่าวโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่าหาเงินไม่เป็น และแจกเงินไม่เป็นอีกนั้น ยอมรับว่าหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่เป็นเหมือนพ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนการแจกเงินไม่เป็นนั้น ก็เฉพาะการแจกเงินซื้อเสียงในการเลือกตั้งเท่านั้น ที่ไม่เคยทำ ส่วนการหาเงิน และแจกเงินที่ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่น้อยหน้ากว่าใคร
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ปลุกระดมโดยการสร้างกระแสข่าวลวง ใส่ร้ายรัฐบาล เพื่อให้คนเข้าร่วมม็อบมากขึ้น สร้างความเกลียดชังรัฐบาลโดยปราศจากข้อเท็จจริง เช่น การปล่อยข่าวว่ามีคนบริจาคน้ำดื่มเป็นน้ำกรดแช่เย็น ข่าวตำรวจสลายม็อบ ข่าวทหารจะปฏิวัติ รวมไปถึงการใส่ร้ายว่า รัฐบาลทำฝนเทียมไล่ม็อบ ทั้งที่ข้อเท็จจริงระบุชัดว่า กรมอุตินิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ และมีคำเตือนให้คนในกรุงเทพฯ ระวังพายุฝนฟ้าคะนองและพายุลูกเห็บ ที่อาจสร้างความเสียหายได้ แต่คนเหล่านี้กลับมาปั้นข่าวใส่ร้ายเพื่อหวังผลให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
**รัฐบาลจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชัดเจนแล้วว่าเจตนาให้กระทบต่อสถาบันฯ และมีการปลุกระดมให้มีการดำเนินการในสิ่งที่กระทบต่อความมั่นคงทั้งหลาย ดังนั้น รัฐบาลคงต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง รัฐบาลต้องกล้าหาญที่จะทำ ต้องตัดไฟแต่ต้นลม จะอยู่เฉยไม่ได้เพราะเจตนาชัดว่า ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิทางการเมือง แต่เจตนาให้กระทบต่อสถาบันฯ
สำหรับแนวทางการสร้างความสมานฉันท์ ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมาย กติกา ซึ่งกันและกัน เท่าที่ผ่านมา การสร้างความสมานฉันท์ คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดำเนินการกระทบต่อสถาบันฯ ที่เคารพ กฎหมายทำให้มีปัญหาในความสงบเรียบร้อย รัฐบาลจึงต้องมีหน้าที่ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งนักวิชาการ ออกมาพูดชัดเจนในเรื่องนี้
**ม็อบเสื้อแดงกระทบการท่องเที่ยว
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวทราบว่ามีเหตุการณ์วุ่นวาย ก็จะไม่เดินทางมา ทั้งที่ตอนแรกรัฐบาลค่อนข้างสบายใจ เพราะตัวเลขการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นมาก จากเดือนธันวาคม จากลบ 20% ขึ้นมาเหลือลบเพียง 10% กว่า แต่เมื่อมีสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าจะปรับลงไปอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
จึงอยากขอร้องพ.ต.ท. ทักษิณ ว่าอย่าทำร้ายประเทศไทยมากไปกว่านี้อีก
"ผมไม่อยากให้การเมืองเป็นต้นเหตุ ความจริงแล้วที่คุณทักษิณพูดว่าทั้งหมดเกิดจากพรรคประชาธิปัตย์นั้น ผมว่าทั้งหมดเกิดจากที่คุณทักษิณ ขายหุ้นได้เงินมาแล้วไม่เสียภาษีมากกว่า 7 หมื่นกว่าล้าน นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้เสียภาษี มาถึงวันนี้ ก็ยังไม่ได้เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว ตรงนั้นคือประเด็นและต้นเหตุ"นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
สำหรับกรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงเชิญชวนคนตกงานไปร่วมชุมนุมนั้น ตนอยากเชิญชวนคนตกงานให้มาฝึกงานในโครงการต้นกล้าอาชีพ จะได้ประโยชน์มากกว่า โดยขณะนี้มีผู้ว่างงาน และสนใจทำงาน 1 แสนคน รุ่นหนึ่งประกาศไปแล้ว ทุกคนที่สมัครงานได้ทำหมด เพียงแต่จะอยู่รุ่นไหน ซึ่งรุ่น 2-4 ก็จะเร่งประกาศออกมา ดังนั้นอย่าไปชุมนุมเลย ขอให้มาฝึกงานดีกว่า