“สนธิ” ฮึ่มรอพิพากษา “พัลลภ” หากขึ้นเวที “เสื้อแดง” เผย “จำลอง” แจงชัดไม่เคยแทรกแซง “จารุภัทร” อัดยับ “หลาน” ไม่สำนึกถึงบุญคุณแกนนำพันธมิตรฯ ช่วยให้อดีต กกต.รอดพ้นคุก จวกยับแดงถ่อย ใช้ “น้องโบว์” เป็นเหยื่อพ่นสเปรย์กระทบเบื้องสูง สับเละ “เทพเทือก-อนุพงษ์” เอาประเทศเข้าแลกเพื่อปกป้อง “พัชรวาท” เตือน “เทพเทือก” อย่าทำเฉยเหตุ ตร.เข้าคิวรับเสื้อแดง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “Good Morning Thailand”
รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันที่ 31 มีนาคม 2552 นี้ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย โดยนายสนธิกล่าวถึงกรณีการเข้ามอบตัวในคดีปิดล้อมรัฐสภาว่า เมื่อวานนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งไม่ได้โดนหมายเรียกตัว ได้เดินทางไปให้กำลังใจแกนนำพันธมิตรฯ ด้วย โดยเราปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ตอบข้อซักถาม เพราะเราต้องการที่จะทราบชื่อพนักงานสอบสวนทุกท่าน และจะยื่นคำให้การในวันที่ 27 เม.ย.นี้
“ผมต้องขอชื่นชมพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในหลายๆ จังหวัดนับพันคน ที่หยุดงานไปขอมอบตัวเพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีเดียวกับแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาปิดล้อมรัฐสภา แต่ตำรวจระบุว่าไม่สามารถจะรับมอบตัวได้ เนื่องจากไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับพี่น้องพันธมิตรฯ ดังนั้น เราจึงมีการทำแบบฟอร์มการแสดงตัวเป็นผู้ต้องหาเพื่อส่งให้กับทนายพันธมิตรฯ แล้วรวบรวมส่งไปยื่นต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในภายหลัง” นายสนธิ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า เราพูดอยู่ตลอดเวลาว่าตำรวจไม่เคยวางตัวเป็นกลาง เพราะเป็นตำรวจของระบอบทักษิณ ที่สำคัญตำรวจยังแอบอยู่เบื้องหลังของคนเสื้อแดงหลายๆ ประการ โดยเฉพาะ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พยายามที่จะยืนยันว่าตำรวจวางตัวเป็นกลาง แต่ภาพที่ปรากฏออกมาเมื่อวานนี้ ตำรวจไปยืนคุยกับการ์ดของกลุ่มเสื้อแดง ที่สำคัญกว่านั้น คือ ตำรวจไปเข้าแถวรับเสื้อแดง ซึ่งถือว่าเป็นยิ่งกว่าหลักฐาน ฉะนั้นจึงอยากจะฝากไปถึง พล.ต.ต.อำนวย ว่าที่พูดเมื่อวานนี้เพราะไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ และขอฝากไปถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ด้วยว่า ปัญหาความชั่วในแผ่นดินไทยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เกิดขึ้นเพราะตำรวจ
“แล้วจำคำพูดของนักโทษชาย ทักษิณ ได้หรือไม่ ที่ขอให้ทหาร และตุลาการ เลิกยุ่งกับการเมือง เพราะตำรวจจะรับไม่ได้ และที่เขาอ้างคำว่าตำรวจก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนสร้างรัฐตำรวจขึ้นมา โดยรัฐตำรวจเจริญเติบโตขึ้นมาโดยตลอด แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่พูดต่อไปว่าผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดก็ไม่ควรที่จะไปเล่นการเมือง นอกจากนี้ยังมีตำรวจ และทหารบางส่วน เป็นพวกของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นั้น ทั้งฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน โดยในอดีตมีคนให้ฉายาว่า แม็กอาเธอร์ไทยแลนด์นั้น ซึ่ง พล.อ.พัลลภ มีวลีเด็ด คือ ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่วันนี้เขาตายไปนานแล้ว” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสนธิกล่าวต่อว่า ที่สำคัญแกนนำ นปก.ระบุว่า อีก 2 วัน พล.อ.พัลลภ จะขึ้นเวทีคนเสื้อแดง ซึ่งตนรอวันพิพากษาวันนั้นอยู่ เพราะถ้าถามถึงตรรกะกรณีที่ พล.อ.พัลลภ อ้างว่าไปร่วมประชุมวางแผนปฏิวัติกันที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากนั้น พล.อ.พัลลภ จึงเดินทางไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กรุงปักกิ่ง แล้ว พล.อ.พัลลภ ก็ระบุว่าเขาไม่ได้อะไรนอกจากรองเท้ากอล์ฟเพียงคู่เดียว คำถามมีอยู่ว่า พล.อ.พัลลภ ได้อะไรมากกว่ารองเท้ากอล์ฟ เพราะอาจจะมีเช็คแอบใส่ไว้ในรองเท้าจำนวนเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครรู้ มีแต่ พล.อ.พัลลภ และ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นที่รู้ ฉะนั้นคำพูดดังกล่าวจึงเป็นคำกล่าวหาที่เลื่อนลอย
ส่วนที่ นายปีย์ ออกมาชี้แจงว่า บ้านของเขาเจอคนเยอะไปหมดนั้น นายสนธิกล่าวว่า ฉะนั้นคำกล่าวหาว่านายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลฎีกา นายจรัญ ภักดีธนากุล หรือแม้แต่ตนก็ไป เพราะนายปีย์เพิ่งบินกลับมาจาก จ.เชียงราย แล้วขอพบตนด่วน โดยระบุว่าสนธิอย่าไปสู้เลย ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางชนะ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเรากำลังสู้อยู่ แต่นายปีย์กลับขอเป็นตัวกลางเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้น นายปีย์จึงเป็นคนเหยียบเรือ 2 แคม และเป็นนกหลายหัว เพราะแม้กระทั่งนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็เคยไปบ้านคุณปีย์
“ฉะนั้น ถ้ามองในแง่ดี คุณปีย์คบคนทุกคน เพียงแต่วันนั้นผมตอบคุณปีย์ไปว่า ที่ผมต่อสู้เพราะอุดมการณ์ เพื่อชาติบ้านเมือง และนางสุดารัตน์ ร.ต.อ.เฉลิม หรือแม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็เคยไปพบนายปีย์ แล้วมีใครรู้บ้างว่าเขาพูดเรื่องอะไรกัน เมื่อวานนี้มีข่าวว่า พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.กล่าวว่า พล.ต.จำลอง นัดเจอท่านแล้วขอให้ท่านลาออก ซึ่งเป็นการแทรกแซงตัวท่าน แต่ พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า พล.อ.จารุภัทร ยืนยันว่าไม่เคยพูดเรื่องดังกล่าว แต่มีการสงสัยว่าหลานของท่านเป็นคนไปปล่อยข่าว ที่สำคัญในสมัยที่ พล.ต.จำลอง เป็นเลขาธิการนายกฯ ยังมียศเป็นพันเอก แต่ พล.อ.จารุภัทร มียศพันตรี โดย พล.ต.จำลอง เรียก พล.อ.จารุภัทร ไปทำงานช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งในขณะนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ อยู่ จึงมีความสนิทสนมกัน” นายสนธิ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า เมื่อถึงเวลาที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในสมัย 3 หนา 5 ห่วง พล.ต.จำลอง เป็นห่วง พล.อ.จารุภัทร จึงขอพบ แล้วเตือนว่าให้ลาออก เพราะเกรงว่าจะได้รับความเดือดร้อนจนติดคุกติดตะราง ฉะนั้น สิ่งที่ พล.ต.จำลอง ทำนั้น จึงไม่ผิด เพราะถือเป็นกัลยาณมิตร เนื่องจากในภายหลัง กตต.ทั้ง 3 คนติดคุก แต่ถ้า พล.อ.จารุภัทร ไม่ลาออกก็ติดคุกไปแล้ว แต่หลานของ พล.อ.จารุภัทร ที่กระจายข่าวออกไปไม่รู้เลยว่า พล.ต.จำลอง มีบุญคุณอย่างสูงต่อตระกูลเรืองสุวรรณ กลับเอาเรื่องดังกล่าวไปพูดว่า พล.ต.จำลอง เข้าไปแทรกแซง
“เหมือนกับหลวงตามหาบัว เตือนนักโทษชายทักษิณว่าให้กลับตัวกลับใจเสีย ถ้าไม่กลับตัวกลับใจ แผ่นดินก็จะไม่มีอยู่ ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ก็จะหมดไป หรือแม้แต่ชีวิตก็อาจจะรักษาไม่ได้ ระหว่าง พล.ต.จำลอง เตือน พล.อ.จารุภัทร ต่างกันกับหลวงตามหาบัวเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ พล.อ.จารุภัทร ฟัง พล.ต.จำลอง แล้วลาออก แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ฟังคำเตือนของหลวงตามหาบัว จึงได้รับผลกรรมอย่างนี้ ส่วนที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี คาบข่าวไปเล่าให้คนโน้นคนนี้ฟัง เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ทหาร และสถาบันองคมนตรี จนเชื่อมโยงต่อไปจนถึงสถาบันกษัตริย์ ทั้งๆ ที่เจตนาของ พล.ต.จำลอง นั้น มีเมตตาต่อ พล.อ.จารุภัทร เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว วันนี้ต้องมีชื่อของ พล.อ.จารุภัทร ติดคุกร่วมกับนายวาสนา เพิ่มลาภ อดีต กตต.อย่างแน่นอน” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
ส่วนกรณีที่มีผู้สื่อข่าวไปสอบถามความเห็นของ พล.ต.จำลอง ถึงการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.พัลลภนั้น นายสนธิกล่าวว่า พล.ต.จำลอง ก็ยังคงมีความเป็นชายชาติทหารเหมือนเดิม โดย พล.ต.จำลอง ไม่ยอมพูด โดยระบุเพียงว่าหยิกเล็บเจ็บเนื้อ นั่นหมายถึง พล.ต.จำลอง ยอมเจ็บในความเป็นเพื่อน พร้อมระบุว่าในชีวิตช่วยเหลือเขามาเยอะ แล้วกลับมาว่าว่าทำให้เขาเดือดร้อน
นายสนธิยังกล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใช้สีสเปรย์พ่นข้อความ “ทักษิณ คือเทพเจ้า” โดยติดรูป พ.ต.ท.ทักษิณ เด่นชัด นั่นก็คือเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอสูร ที่น่าสะอึกมากกว่านี้ คือ มีการพ่นสีสเปรย์ว่า “อีโบว์ มันเป็นใคร ทำไมถึงไปงานศพมัน” นั่นเขาไม่ได้หมายถึงพวกเราที่ไปงานศพ แต่เขาหมายถึงมากกว่านั้น และนี่คือคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สำคัญอยากถาม พล.อ.พัลลภ ว่าได้ยศพลเอกมาจากไหน ได้รับการแตะกระบี่เป็นนายพลแล้วยังไม่เห็นอีกหรือว่าคนที่ให้รองเท้าตีกอล์ฟมาเพื่อทำลายทุกๆ คน ถามว่ายังยืนอยู่ข้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และราชบัลลังก์ อยู่หรือไม่
“ทำไมต้องให้ลูกเจ๊กซกมกอย่างผมมาเล่าประวัติศาสตร์ให้คุณพัลลภฟัง ผมอยากให้คุณขึ้นเวทีจะได้จบสิ้นเสียที จะได้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เมื่อวานนี้นักข่าวมาถามผมว่าที่คนเสื้อแดงไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล และศาลากลางจังหวัด แตกต่างจากกลุ่มเสื้อเหลืองตรงไหน ผมตอบไปว่า ต่างกันอย่างมหาศาล เปรียบเทียบไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะคนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อส่วนรวม แต่คนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมารับจ้างต่อสู้ให้กับคนคนเดียว ซึ่งก็คือนักโทษชายทักษิณ ฉะนั้น การต่อสู้เพื่อส่วนรวมจึงมีบทพิสูจน์แล้ว เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำรงอยู่โดยไม่มีการแทรกแซง โดยจะเห็นได้จากแกนนำพันธมิตรฯ ไม่เคยหนีคดี”
นายสนธิกล่าวอีกว่า แต่คนคนหนึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี กลับหนีไปก่อนคำพิพากษาด้วยซ้ำไป แล้วก็มีคนมาสู้ให้เขา โดยใช้คำว่าประชาธิปไตย แต่ในที่สุดนักโทษชายทักษิณก็หลุดตัวตนออกมาว่า ให้เลิกแล้วต่อกันให้หมดแล้วมาเริ่มกันใหม่ ที่สำคัญยังระบุอีกว่าต้องการทรัพย์สมบัติ 76,000 บาท คืน โดยให้ทนายไปแจ้งกับ คตส.ทราบว่า ให้หักไป 20,000 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือขอคืน ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า คนๆ หนึ่งอยู่เพื่อทรัพย์สมบัติ โดยใช้รากฐานของตำรวจปกครองคุมครองตัวเอง รวมทั้งทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด และได้ทรัพย์คืน
“จะเห็นได้จากในอดีต สิ่งที่พวกเขาเริ่มทำ คือ ขอแก้รัฐธรรมนูญ เพราะนักโทษชายทักษิณ และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน จะพ้นผิดทันที และสามารถกลับมาเล่นการเมืองได้ ซึ่งนั่นคือการทำลายหลักนิติธรรม แต่พันธมิตรฯ ลุกขึ้นสู้ ซึ่งไม่ทราบว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้าใจหรือไม่ว่า ทหารไม่ได้สู้เรื่องนี้ มีแต่พันธมิตรฯ เท่านั้นที่ลุกขึ้นสู้ จากนั้นกระบวนการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็แรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะกรณีที่ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ตลอดจนคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เขียนบทความไม่เห็นด้วยกับการมีสถาบันกษัตริย์” นายสนธิ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า จนกระทั่งมาถึงขบวนการของนายใจ อึ๊งภากรณ์ แล้วต่อด้วยยกกฎหมายเลิกมาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่สำคัญยังมีการขอให้ยุบสถาบันองคมนตรีอีกด้วย ฉะนั้นจึงเห็นได้ชัดว่ามันทำเป็นขบวนการ และไม่มีใครออกมาต่อสู้เรื่องนี้ มีเพียงแต่เลือดเนื้อของพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ลุกขึ้นต่อสู้ โดยเฉพาะน้องโบว์ หรือสารวัตรจ๊าบ ที่ตายไป และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ความแตกแยกในสังคมนั้นไม่มี มีเพียงแต่คนกลุ่มหนึ่งทำเพื่อปกป้องสังคมไทย แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งต้องการทำลายสิ่งที่คนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังปกป้องอยู่ เพียงเพราะตัวเองต้องการที่จะกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง
“ฉะนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ พล.อ.อนุพงษ์ อย่าพูดแบบเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะนายสุเทพ ที่ดูแลตำรวจนั้น ไม่มีความมั่นคงเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะกรณีตำรวจเข้าคิวรับเสื้อแดงนั้น นายสุเทพ จะว่าอย่างไร หรือไม่ว่าอะไร เพราะต้องการปกป้อง พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของ พล.อ.อนุพงษ์ ฉะนั้นบ้านเมืองไทยจึงไม่มีเพียงแค่นี้ โดยคน 3 คน ช่วยเหลือกัน โดยเอาส่วนรวมซึ่งก็คือประเทศชาติเข้าไปแลก” นายสนธิ กล่าว