พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึง กรณีมีขบวนการพยายามปลุกปั่น และสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นโดยมุ่งเป้าไปที่สถาบันเบื้องสูง กองทัพ และรัฐบาล ภายใต้แผนที่ชื่อ "แผนตากสิน" ว่าได้ยินมาโดยตลอด แต่ไม่ให้ราคาการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าเปรียบเป็นนักมวย ก็เหมือนการให้ลูกน้องไต่เต้าแล้ว
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ทำไมฝ่ายบริหารถึงปล่อยให้มีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ ทั้งที่สามารถจะจัดการได้เลย เปรียบดังผู้บริหารเป็นกรรมการฟุตบอล เมื่อมีการเล่นแล้ว พอลูกบอลโดยมือ ทำไมถึงไม่เป่านกหวีดเป็นลูกแฮนด์บอล ยังปล่อยให้มีการเล่นก็อุตลุดกันไปหมด ซึ่งการโฟนอิน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้แค่หน้าข่าวหนังสือพิมพ์ อาจมีผลบ้างแต่ไม่รุนแรง และโอกาส พ.ต.ท.ทักษิณ หมดไปแล้ว ลูกน้องที่ได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ ให้กลับไปเป็นลูกน้องใหม่ ไม่มีโอกาสแล้ว แค่อาจมีความเกรงใจนิดหน่อยเท่านั้น
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่อยู่ในบ้านเมืองเราคือ ผลิตผลมาจากพรรคไทยรักไทย โดยแยกมาเป็นพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย แต่ทั้ง 2 พรรคนี้ เป็นพรรคเดียวกันมาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งสาเหตุที่เข้ามาดำเนินการได้ เนื่องจากผู้บริหารประเทศในตอนนี้บริหารประเทศในยามวิกฤติ แต่ท่านหน่อมแน้มเกินไป หรือประสาชาวบ้านเรียกว่า บริหารประเทศไม่เป็น
การบริหารประเทศ ไม่ดำเนินการปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะวิกฤติ 3 อย่างที่เกิดคือ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งการแตกแยกในสังคมรุนแรงมาก ทำไมถึงไม่แก้ หากสั่งการตำรวจเรื่องก็จบ วันนี้กลุ่มเสื้อแดงใครเป็นคนหนุนหลัง ตอนนี้ไม่ได้มีกลุ่มเสื้อแดง กับกลุ่มเสื้อเหลือง ยังมีกลุ่มเสื้อน้ำเงินมาไล่ตีเสื้อแดงอีก
เรื่องกลุ่มเสื้อแดงหากนายกฯสั่งตำรวจไปปราบ ก็จบ เมื่อชุมนุมทำผิดกฎหมายก็จับ แต่ก็เป็นแค่ปลายเหตุ ส่วนต้นเหตุสามารถจัดการไม่ให้คนเคลื่อนออกมาได้ ดังนั้นต้องเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารที่จะหยุดปัญหาเหล่านี้ หากรัฐบาลจัดการกลุ่มเสื้อแดงแบบตรงไปตรงมา เหตุการณ์คงไม่ปานปลาย วันนี้วิทยุชุมชน เว็บไซต์ ที่จาบจ้วงสถาบันฯ ทำไมไม่หมดไป ฝ่ายบริหารจัดการอย่างจริงจังหรือไม่
"ชีวิตผมผ่านมา 61 ปี ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยเห็นความแตกแยกในแผ่นดิน ไม่เคยเห็นความสับสน หรือเห็นการบริหารที่ตกต่ำแบบนี้ วันนี้ตื่นเช้ามาทรมานใจมาก มีนอมินีมาเป็นรัฐบาลปกครองผม มีคนคับรถของคนที่มีปัญหา ก็เอามาเป็นรัฐมนตรี มีแคชเชียร์สถานบันเทิง ก็เอามาเป็นรัฐมนตรี วันนี้ผมต้องรับการปกครอง เราจะอึดอันขนาดไหนกับคนที่ไม่มีความสามารถ แค่เป็นคนขับรถก็สามารถมาเป็นรัฐมนตรีได้แล้ว เพราะท่านเป็นนอมินี ดังนั้นวันนี้เราอยู่ไม่ได้หากบ้านเมืองเป็นแบบนี้ เราต้องเข้ามาช่วยกัน จะเป็นพรรคไหนก็ได้ ตั้งพรรคขึ้นมาสู้ จะหวังพึ่งพาทหารอย่างเดียวก็กลัวเศรษฐกิจจะย่อยยับ" พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่า แนวทางปฏิรูปการเมืองเพื่อความสมานฉันท์ในประเทศเป็นไปได้หรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า เป็นได้ความสมานฉันท์ต้องมาก่อน แต่ต้องสมานฉันท์ผู้ที่สมานฉันท์ได้ บัวใต้น้ำ บัวบนน้ำ ไปด้วยกันไม่ได้ หากเราจะมาสมานฉันท์กับผู้ร้ายก็เป็นไปไม่ได้ ต้องไปรับโทษก่อน
**"สุเทพ"รู้มีขบวนการล้มรัฐบาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแผนการรับมือกลุ่มเสื้อแดง ที่มีกระแสข่าวว่า จะร่นการชุมนุมใหญ่ในกทม. มาเป็นวันที่ 22 มี.ค. ภายหลังวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ตนไม่ได้มีแผนอะไรที่จะรีบมือและไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้ว่าเขาไปไหน มาไหน ทำอะไร ก็อย่างที่เคยเรียนว่า ถ้าชุมนุมกันโดยไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เราก็ไม่ทำอะไรเขา อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ต้องดูแลตามปกติอยู่แล้ว ตนไม่ต้องสั่งการ และยังไม่มีรายงานข่าวว่า จะมีเหตุการณ์อะไร
เมื่อผู้สื่อข่าวให้นายสุเทพ วิเคราะห์แผนตากสิน กับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเพื่อโค่นล้มรัฐบาล มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นขบวนการ มีขั้นตอนที่สอดรับกัน ต่อเนื่องกัน และมีเป้าหมาย และเป้าหมายนั้นมุ่งมาที่รัฐบาลเป็นการเฉพาะ ขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทำหน้าที่ได้โดยสะดวก ซึ่งคิดว่าการที่เขาทำอย่างนี้ ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทำให้ประชาชนเสียหาย
**ผบช.บน.เตรียมรับมือ"เสื้อแดง"
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเลื่อนการชุมนุมให้เร็วขึ้น หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมอยู่แล้ว และได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว
นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะช้าหรือเร็ว กลุ่มเสื้อแดงก็มีการชุมนุมอยู่แล้ว ซึ่งตนได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าไปติดตามความเคลื่อนไหว และรายงานให้ทราบทุกระยะ แต่จะไม่มีการสกัดกั้น ส่วนเรื่องการจัดโซนนิ่งกลุ่มเสื้อแดง ยังเป็นการหารือในเบื้องต้น ซึ่งต้องดูว่าได้ผลแค่ไหน
**คุยเสื้อแดง3แสนบุกกทม.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เคยกำหนดไว้ว่าจะชุมนุมที่กทม. วันที่ 29 มี.ค.นั้นจะเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้นหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น เพราะต้องการให้ประชาชนรับข้อมูลให้ครบทุกด้าน อีกทั้งในวันที่ 30 มี.ค.-7 เม.ย. จะมีการจัดงานกาชาด บนถนนราชดำเนิน ดังนั้นกลุ่มนปช.จะเลื่อนการชุมนุมเข้ามา ส่วนจะเป็นวันและเวลาใดนั้น จะมีการหารือกันอีกครั้ง
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า กลุ่มนปช.จะจัดชุมนุมที่จ.เชียงราย ในวันที่ 21 มี.ค. จากนั้นวันที่ 22 มี.ค.จะจัดการชุมนุมที่ จ.เชียงใหม่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะวิดีโอลิงค์ ชนิดเห็นภาพและเสียง เข้ามาด้วย
ขณะที่นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจะอภิปรายจะล้มรัฐบาลไม่สำเร็จ แต่หลังการอภิปรายคนเสื้อแดงจะเข้ามาใน กทม.ไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน เมื่อถึงตอนนั้นรัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร รวมทั้งประเด็นทางเศรษฐกิจ จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้
นายสุรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ความขัดแย้งทางการเมืองมันบาดลึกลงไปมาก ตนเห็นว่าทางออก คงไม่มีทางใดดีกว่าการล้างไพ่ใหม่หมด การบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่บางฝ่ายทำอะไรก็ถูกหมด วันนี้ชาวบ้านรู้แล้วว่าคดีที่ดินรัชดาที่พิพากษาจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ยุติธรรม หากพ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินจุดประเด็นเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรจะเกิดขึ้น หากท่านจุดประเด็นว่าบางพวกทำอะไรก็ไม่ผิดพี่น้องเห็นไหม ถ้าท่านปลุกประชาชนเรียกร้องขอแรงให้ออกมาทวงความเป็นธรรมให้หน่อยอะไรจะเกิดขึ้น คนจะออกมาเป็นแสนคน แล้วจะเป็นอย่างไร รัฐบาลอยู่ได้หรือไม่ อยู่ที่ว่า ท่านจะจุดประเด็นนี้หรือไม่
**ยุชาวบ้านปักธงแดง-เหลืองหน้าบ้าน
นายสุรสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ความยุติธรรมหากไม่ใช้อย่างเท่าเทียม บ้านเมืองจะไปไม่ได้ คนที่เคยคิดล้มพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน แล้วอุ้มชูบางพรรคคิดถูกแล้วหรือไม่ หากวันนั้นตัดสินยุบทั้งพรรคไทยรักไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าสมดุลกัน แต่วันนี้ ยิ่งอุ้มคนยิ่งรับไม่ได้ เขาคิดและพร้อมแล้วหรือที่จะแบ่งประชาชนเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ หรือถ้ามันถึงจุดนั้นจริงๆ ตนก็จะเสนอว่า ต่อไปให้ชาวบ้านเลือกเลย บ้านไหนอยู่ฝ่ายไหน เป็นสีแดง ก็ให้ปักธงแดงไว้หน้าบ้าน
"แบ่งก็แบ่ง แยกก็แยก ถึงเวลาก็ปักธงแยกฝ่ายกันเลย เมื่อถึงจุดๆหนึ่งคนรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมทางกฎหมาย มันก็ทนไม่ได้ เขาก็ต้องแสดงออก แต่จะแสดงออกวิธีไหน วิธีที่สังคมได้เห็นมันก็ต้องโชว์ปักธงให้เห็น ซึ่งเรื่องนี้เคยหารือกับเพื่อนส.ส.หลายคนแล้ว เขาก็เห็นด้วย เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา ผมยังยืนยันความคิดที่เคยเสนอไปว่า วันนี้ไม่มีทางออกใดดีกว่าล้างไพ่ใหม่กันหมด" นายสุรสิทธิ์ กล่าว
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ทำไมฝ่ายบริหารถึงปล่อยให้มีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ ทั้งที่สามารถจะจัดการได้เลย เปรียบดังผู้บริหารเป็นกรรมการฟุตบอล เมื่อมีการเล่นแล้ว พอลูกบอลโดยมือ ทำไมถึงไม่เป่านกหวีดเป็นลูกแฮนด์บอล ยังปล่อยให้มีการเล่นก็อุตลุดกันไปหมด ซึ่งการโฟนอิน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้แค่หน้าข่าวหนังสือพิมพ์ อาจมีผลบ้างแต่ไม่รุนแรง และโอกาส พ.ต.ท.ทักษิณ หมดไปแล้ว ลูกน้องที่ได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ ให้กลับไปเป็นลูกน้องใหม่ ไม่มีโอกาสแล้ว แค่อาจมีความเกรงใจนิดหน่อยเท่านั้น
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่อยู่ในบ้านเมืองเราคือ ผลิตผลมาจากพรรคไทยรักไทย โดยแยกมาเป็นพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย แต่ทั้ง 2 พรรคนี้ เป็นพรรคเดียวกันมาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งสาเหตุที่เข้ามาดำเนินการได้ เนื่องจากผู้บริหารประเทศในตอนนี้บริหารประเทศในยามวิกฤติ แต่ท่านหน่อมแน้มเกินไป หรือประสาชาวบ้านเรียกว่า บริหารประเทศไม่เป็น
การบริหารประเทศ ไม่ดำเนินการปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะวิกฤติ 3 อย่างที่เกิดคือ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งการแตกแยกในสังคมรุนแรงมาก ทำไมถึงไม่แก้ หากสั่งการตำรวจเรื่องก็จบ วันนี้กลุ่มเสื้อแดงใครเป็นคนหนุนหลัง ตอนนี้ไม่ได้มีกลุ่มเสื้อแดง กับกลุ่มเสื้อเหลือง ยังมีกลุ่มเสื้อน้ำเงินมาไล่ตีเสื้อแดงอีก
เรื่องกลุ่มเสื้อแดงหากนายกฯสั่งตำรวจไปปราบ ก็จบ เมื่อชุมนุมทำผิดกฎหมายก็จับ แต่ก็เป็นแค่ปลายเหตุ ส่วนต้นเหตุสามารถจัดการไม่ให้คนเคลื่อนออกมาได้ ดังนั้นต้องเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารที่จะหยุดปัญหาเหล่านี้ หากรัฐบาลจัดการกลุ่มเสื้อแดงแบบตรงไปตรงมา เหตุการณ์คงไม่ปานปลาย วันนี้วิทยุชุมชน เว็บไซต์ ที่จาบจ้วงสถาบันฯ ทำไมไม่หมดไป ฝ่ายบริหารจัดการอย่างจริงจังหรือไม่
"ชีวิตผมผ่านมา 61 ปี ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยเห็นความแตกแยกในแผ่นดิน ไม่เคยเห็นความสับสน หรือเห็นการบริหารที่ตกต่ำแบบนี้ วันนี้ตื่นเช้ามาทรมานใจมาก มีนอมินีมาเป็นรัฐบาลปกครองผม มีคนคับรถของคนที่มีปัญหา ก็เอามาเป็นรัฐมนตรี มีแคชเชียร์สถานบันเทิง ก็เอามาเป็นรัฐมนตรี วันนี้ผมต้องรับการปกครอง เราจะอึดอันขนาดไหนกับคนที่ไม่มีความสามารถ แค่เป็นคนขับรถก็สามารถมาเป็นรัฐมนตรีได้แล้ว เพราะท่านเป็นนอมินี ดังนั้นวันนี้เราอยู่ไม่ได้หากบ้านเมืองเป็นแบบนี้ เราต้องเข้ามาช่วยกัน จะเป็นพรรคไหนก็ได้ ตั้งพรรคขึ้นมาสู้ จะหวังพึ่งพาทหารอย่างเดียวก็กลัวเศรษฐกิจจะย่อยยับ" พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่า แนวทางปฏิรูปการเมืองเพื่อความสมานฉันท์ในประเทศเป็นไปได้หรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า เป็นได้ความสมานฉันท์ต้องมาก่อน แต่ต้องสมานฉันท์ผู้ที่สมานฉันท์ได้ บัวใต้น้ำ บัวบนน้ำ ไปด้วยกันไม่ได้ หากเราจะมาสมานฉันท์กับผู้ร้ายก็เป็นไปไม่ได้ ต้องไปรับโทษก่อน
**"สุเทพ"รู้มีขบวนการล้มรัฐบาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแผนการรับมือกลุ่มเสื้อแดง ที่มีกระแสข่าวว่า จะร่นการชุมนุมใหญ่ในกทม. มาเป็นวันที่ 22 มี.ค. ภายหลังวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ตนไม่ได้มีแผนอะไรที่จะรีบมือและไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้ว่าเขาไปไหน มาไหน ทำอะไร ก็อย่างที่เคยเรียนว่า ถ้าชุมนุมกันโดยไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เราก็ไม่ทำอะไรเขา อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ต้องดูแลตามปกติอยู่แล้ว ตนไม่ต้องสั่งการ และยังไม่มีรายงานข่าวว่า จะมีเหตุการณ์อะไร
เมื่อผู้สื่อข่าวให้นายสุเทพ วิเคราะห์แผนตากสิน กับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเพื่อโค่นล้มรัฐบาล มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นขบวนการ มีขั้นตอนที่สอดรับกัน ต่อเนื่องกัน และมีเป้าหมาย และเป้าหมายนั้นมุ่งมาที่รัฐบาลเป็นการเฉพาะ ขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทำหน้าที่ได้โดยสะดวก ซึ่งคิดว่าการที่เขาทำอย่างนี้ ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทำให้ประชาชนเสียหาย
**ผบช.บน.เตรียมรับมือ"เสื้อแดง"
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเลื่อนการชุมนุมให้เร็วขึ้น หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมอยู่แล้ว และได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว
นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะช้าหรือเร็ว กลุ่มเสื้อแดงก็มีการชุมนุมอยู่แล้ว ซึ่งตนได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าไปติดตามความเคลื่อนไหว และรายงานให้ทราบทุกระยะ แต่จะไม่มีการสกัดกั้น ส่วนเรื่องการจัดโซนนิ่งกลุ่มเสื้อแดง ยังเป็นการหารือในเบื้องต้น ซึ่งต้องดูว่าได้ผลแค่ไหน
**คุยเสื้อแดง3แสนบุกกทม.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เคยกำหนดไว้ว่าจะชุมนุมที่กทม. วันที่ 29 มี.ค.นั้นจะเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้นหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น เพราะต้องการให้ประชาชนรับข้อมูลให้ครบทุกด้าน อีกทั้งในวันที่ 30 มี.ค.-7 เม.ย. จะมีการจัดงานกาชาด บนถนนราชดำเนิน ดังนั้นกลุ่มนปช.จะเลื่อนการชุมนุมเข้ามา ส่วนจะเป็นวันและเวลาใดนั้น จะมีการหารือกันอีกครั้ง
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า กลุ่มนปช.จะจัดชุมนุมที่จ.เชียงราย ในวันที่ 21 มี.ค. จากนั้นวันที่ 22 มี.ค.จะจัดการชุมนุมที่ จ.เชียงใหม่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะวิดีโอลิงค์ ชนิดเห็นภาพและเสียง เข้ามาด้วย
ขณะที่นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจะอภิปรายจะล้มรัฐบาลไม่สำเร็จ แต่หลังการอภิปรายคนเสื้อแดงจะเข้ามาใน กทม.ไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน เมื่อถึงตอนนั้นรัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร รวมทั้งประเด็นทางเศรษฐกิจ จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้
นายสุรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ความขัดแย้งทางการเมืองมันบาดลึกลงไปมาก ตนเห็นว่าทางออก คงไม่มีทางใดดีกว่าการล้างไพ่ใหม่หมด การบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่บางฝ่ายทำอะไรก็ถูกหมด วันนี้ชาวบ้านรู้แล้วว่าคดีที่ดินรัชดาที่พิพากษาจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ยุติธรรม หากพ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินจุดประเด็นเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรจะเกิดขึ้น หากท่านจุดประเด็นว่าบางพวกทำอะไรก็ไม่ผิดพี่น้องเห็นไหม ถ้าท่านปลุกประชาชนเรียกร้องขอแรงให้ออกมาทวงความเป็นธรรมให้หน่อยอะไรจะเกิดขึ้น คนจะออกมาเป็นแสนคน แล้วจะเป็นอย่างไร รัฐบาลอยู่ได้หรือไม่ อยู่ที่ว่า ท่านจะจุดประเด็นนี้หรือไม่
**ยุชาวบ้านปักธงแดง-เหลืองหน้าบ้าน
นายสุรสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ความยุติธรรมหากไม่ใช้อย่างเท่าเทียม บ้านเมืองจะไปไม่ได้ คนที่เคยคิดล้มพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน แล้วอุ้มชูบางพรรคคิดถูกแล้วหรือไม่ หากวันนั้นตัดสินยุบทั้งพรรคไทยรักไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าสมดุลกัน แต่วันนี้ ยิ่งอุ้มคนยิ่งรับไม่ได้ เขาคิดและพร้อมแล้วหรือที่จะแบ่งประชาชนเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ หรือถ้ามันถึงจุดนั้นจริงๆ ตนก็จะเสนอว่า ต่อไปให้ชาวบ้านเลือกเลย บ้านไหนอยู่ฝ่ายไหน เป็นสีแดง ก็ให้ปักธงแดงไว้หน้าบ้าน
"แบ่งก็แบ่ง แยกก็แยก ถึงเวลาก็ปักธงแยกฝ่ายกันเลย เมื่อถึงจุดๆหนึ่งคนรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมทางกฎหมาย มันก็ทนไม่ได้ เขาก็ต้องแสดงออก แต่จะแสดงออกวิธีไหน วิธีที่สังคมได้เห็นมันก็ต้องโชว์ปักธงให้เห็น ซึ่งเรื่องนี้เคยหารือกับเพื่อนส.ส.หลายคนแล้ว เขาก็เห็นด้วย เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา ผมยังยืนยันความคิดที่เคยเสนอไปว่า วันนี้ไม่มีทางออกใดดีกว่าล้างไพ่ใหม่กันหมด" นายสุรสิทธิ์ กล่าว